ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 675 หญิงสาวแปลกหน้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 675 หญิงสาวแปลกหน้า

บทที่ 675 หญิงสาวแปลกหน้า

นอกจากนี้ ยังมีคนอื่น ๆ มาซื้อหนังสือด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหน้ามาจากตระกูลใด แต่มองจากการแต่งตัวและการพูดจาแล้ว เห็นได้ว่าพวกนางไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

เกรงว่านางจะเป็นหญิงสาวที่อาศัยในห้องส่วนตัวมาเป็นเวลานาน และไม่ง่ายที่จะสามารถออกมาข้างนอกได้

สวีเฉิงเจ๋อไม่ต้องการทำให้นางอารทณ์เสีย และเอ่ยแนะนำหนังสือ

นางผู้นี้มาซื้อหนังสือหรือไม่ หลังจากฟังการแนะนำของสวีเฉิงเจ๋อแล้ว นางก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่

นางตั้งใจฟังการแนะนำของสวีเฉิงเจ๋ออย่างรอบคอบ ราวกับว่านางมาเพื่อฟังสิ่งที่สวีเฉิงเจ๋อพูด

เมื่อเห็นว่าหญิงคนนี้เดินตามหลังเขาไม่ห่าง และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อหนังสือเล่มไหน สวีเฉิงเจ๋อก็กังวลเล็กน้อย “แม่นางตัดสินใจได้หรือไม่ว่าต้องการหนังสือเล่มไหน? วันนี้มืดแล้ว หากแม่นางกลับช้าไป เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย!”

สวีเฉิงเจ๋อออกคำสั่งอย่างมีมารยาทในการขับไล่แขก แต่เมื่อหญิงสาวได้ยิน ดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้น “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณชาย!”

สาวรับใช้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งมองที่สวีเฉิงเจ๋ออย่างระมัดระวัง

สวีเฉิงเจ๋อรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกมองเช่นนั้น และพูดอย่างเย็นชาว่า “แม่นาง ในหอหนังสืออวี้ของข้ามีหนังสือมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้หญิง ข้าแนะนำให้แม่นางไปเมื่อครู่แล้ว หากแม่นางไม่อยากซื้อก็ไปหาที่อื่นเถอะ!”

สาวใช้เริ่มรู้สึกอารมณ์เสีย และหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ก็เหลือบมอง สาวรับใช้ก็ปิดปากของนางและไม่กล้าพูดออกมา

“คุณชาย ข้าเห็นว่าหนังสือในมือเจ้าค่อนข้างน่าสนใจ เหตุใดไม่ลองแนะนำให้ข้าอ่านหน่อยล่ะ?” หญิงสาวกะพริบตาและเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง

เมื่อสวีเฉิงเจ๋อได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ส่ายหัวโดยไม่คิด “ไม่ได้ หนังสือเหล่านี้ข้าตัดสินใจจะมอบให้ใครบางคนแล้ว แม่นางไปดูหนังสือเล่มอื่นเถอะ!”

“คุณชายจะมอบหนังสือเล่มนี้ให้ใคร? เป็นผู้หญิงหรือไม่? หรือว่าคุณชายมีคนรักแล้วหรือ?” เมื่อหญิงสาวได้ยินว่าสวีเฉิงเจ๋อไม่ยอมให้หนังสือเล่มนี้กับนาง จู่ ๆ นางก็หน้าบูดบึ้ง ดวงตาสีดำกลมโตราวกับมีน้ำเอ่อคลอ เพียงชั่วพริบตาน้ำตาก็ไหลออกมา

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่นาง!” สวีเฉิงเจ๋อพูดอย่างเย็นชาเมื่อเห็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักมาถามคำถามส่วนตัว ใบหน้าเขาจึงมองดูแล้วน่าเกลียดกว่าเดิม

ในขณะนี้ เสี่ยวลู่จือยกม่านขึ้นและเดินเข้ามา และเมื่อเขาเห็นสวีเฉิงเจ๋อเขาก็อุทานอย่างตื่นเต้น “คุณชายกลับมาแล้ว ฮูหยินเรียกท่านไปทานอาหารเย็น!”

สวีเฉิงเจ๋อกำลังหาข้ออ้างที่จะหลบหนี และพูดเบา ๆ ว่า “เชิญแม่นางตามสบาย ข้าขอตัว!”

หลังจากพูดจบ เขาก็รีบเดินออกไปพร้อมกับหนังสือในอ้อมแขน

ทิ้งแม่นางผู้นั้นไว้ข้างหลัง…

เสี่ยวลู่จือไม่เคยเห็นหญิงสองคนนี้มาก่อน หากแต่กว่าการแต่งกายของพวกนางไม่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเอ่ยทักทาย “แม่นางต้องการอ่านหนังสือเล่มใด? ข้า เสี่ยวลู่จือ จะช่วยหามันให้เองขอรับ”

หญิงสาวหันหลังกลับ และเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

สาวรับใช้ถึงกับเชิดหน้าและถอนหายใจอย่างเย็นชา และเดินตามออกไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

เมื่อช่วยหญิงสาวขึ้นไปบนรถม้า สาวรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวเถาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คุณหนู นายท่านซื้อหนังสือให้คุณหนูเยอะแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังต้องมาที่หอหนังสือนี่อีก! คุณหนูไม่เห็น เมื่อครู่ตอนที่คนผู้นั้นกำลังหาหนังสือที่นั่นเต็มไปด้วยฝุ่นนั่นหรือ แต่โชคดีที่ข้าเข้าไปก่อน ไม่เช่นนั้นหากทำให้เสื้อผ้าของคุณหนูสกปรกจะทำเช่นไร” เสี่ยวเถาพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

หลิวเทียนฉือไม่ได้พูดอะไร แต่ยกม่านรถขึ้นและเหลือบมองหอหนังสืออวี้อีกครั้ง

นางบังเอิญผ่านมาที่นี่ และบังเอิญเปิดม่านรถออกไปพบสวีเฉิงเจ๋อพอดี

ชายหนุ่มที่หล่อเหลาและงดงามราวกับหยก ท่าทางดูมีความรู้

ไม่รู้ว่าทำไม หลิวเทียนฉือจึงลงจากรถโดยไม่คิด หลังจากที่นางคุยกับคนผู้นี้ก็ได้รู้ว่าเขาทั้งอ่อนโยนและสง่างาม คำพูดของเขาช่างไพเราะ ซึ่งทำให้ผู้คนหลงใหลมากยิ่งขึ้น

“เสี่ยวเถา เมืองหลิวเจียนี้สนุกจริง ๆ!” หลิวเทียนฉือเปิดม่านรถ มองดูทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นเคยนอกหน้าต่าง และทันใดนั้นก็พูดออกมา

คำพูดเหล่านี้ทำให้เสี่ยวเถาดูงงงวย

คุณหนูบอกว่าที่นี่สนุกหรือ?

ในตอนแรก เป็นเรื่องยากที่กว่าที่นายท่านจะสั่งให้คุณหนูมาที่เมืองหลิวเจีย ไม่ว่าจะเป็นหรือตายคุณหนูก็ไม่อยากมา!

แต่เพิ่งมาถึงเมืองหลิวเจีย คุณหนูก็บอกว่าสนุก?

เสี่ยวเถาคิดว่าคุณหนูพบสิ่งที่น่าสนใจ ดังนั้นนางจึงรีบเปิดม่านของรถม้าเพื่อมองไปรอบ ๆ แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ที่โทรม ๆ เช่นนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เมื่อเทียบกับเมืองหลวง มันเหมือนกับไก่ไม่วางไข่และนกไม่อึ

แต่ผู้คุณหนูบอกว่าสนุกจริงหรือ?

สนุกตรงไหน? เสี่ยวเถาคิดเช่นนี้ แล้วนางก็พึมพำและเอ่ยถามว่า “คุณหนู ที่อึมครึมเช่นนี้มันสนุกตรงไหน เมื่อเทียบกับเมืองหลวง แม้แต่สลัมในเมืองหลวงก็เทียบไม่ได้!”

เสี่ยวเถามีสีหน้ารังเกียจ

หลังจากดูแล้ว หลิวเทียนฉือยิ้มอย่างลึกลับและพูดอะไรบางอย่างที่เหลือเชื่อ “แน่นอนว่ามันสนุก แต่ข้าไม่ได้พูดถึงสถานที่ ข้าหมายถึงผู้คน!” ดวงตาของหลิวเทียนฉือหรี่ลง และและไม่มีร่องรอยของความไร้เดียงสาตอนที่นางเผชิญหน้ากับสวีเฉิงเจ๋อในเมื่อครู่เลย

ผู้คน?

ใคร?

เสี่ยวเถายังคงอยากถามว่าใครที่น่าสนุก แต่นางก็ได้ยินคนขับข้างนอกพูดอย่างสุภาพว่า “คุณหนู มาถึงบ้านตระกูลเจียงแล้ว!”

สวีเฉิงเจ๋อเข้าไปในลานหลังบ้านและตรงไปที่เรือนของฮูหยินสวี ถือหนังสือสามเล่มที่เพิ่งพบราวกับสมบัติล้ำค่า

หนังสือทั้งสามเล่มเป็นบันทึกการเดินทาง

เมื่อลองนึกดูแล้ว กู้เสี่ยวหวานเคยกล่าวไว้ว่าทิวทัศน์ที่งดงาม แม่น้ำและภูเขาที่งดงาม วันหนึ่งนางอยากจะเดินทางไป สวีเฉิงเจ๋อจึงหาบันทึกการเดินทางสองสามเล่มเพื่อเป็นการเปิดหูเปิดตาให้กู้เสี่ยวหวานก่อน

ตอนนี้ยังไปไม่ได้ แต่วิสัยทัศน์และความคิดนี้สามารถไปได้ก่อน!

สวีเฉิงเจ๋อเข้าไปในเรือนของฮูหยินสวี และเห็นสวีเซียนหลินกับฮูหยินสวีกำลังนั่งรอเขาอยู่

สวีเฉิงเจ๋อล้างมือและนั่งลง คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบเตรียมอาหารให้ทั้งสามคน จากนั้นปิดประตูและออกไป

ครอบครัวสวีทั้งสามนั่งล้อมโต๊ะและกินอาหารอย่างมีความสุข

“เป็นอย่างไรบ้าง? เจอสาวน้อยเสี่ยวหวานแล้วหรือไม่?” ฮูหยินสวียิ้มและพูดติดตลกเมื่อเห็นสวีเฉิงเจ๋อเข้ามา

“พบกันแล้ว!”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท