ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 681 การทะเลาะกันของพี่น้อง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 681 การทะเลาะกันของพี่น้อง

บทที่ 681 การทะเลาะกันของพี่น้อง

กู้หนิงผิงรีบไปเปิดประตูและเห็นว่าใบหน้าของหมอพานเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีขาว ซึ่งสีหน้าของเขาดูแปลกมาก บางทีอาจเป็นสิ่งที่พวกเขาพูดเมื่อครู่นี้ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าหมอพานฟังไปเท่าไร

“ท่านหมอพาน รีบไปดูพี่สาวของข้าเร็ว ผิวพี่สาวของข้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนว่านางจะเมา!” กู้หนิงผิงพูดอย่างกระตือรือร้น

หมอพานมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน และทำการจับชีพจรของนาง

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เมา แค่เหล้าหวานนิดหน่อย ไม่เป็นไร!” หมอพานพูดอย่างเร่งรีบ สีหน้ากังวลของ ฉินเย่จือที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“เช่นนั้นทำไมพี่สาวของข้าถึงสลบไป” กู้หนิงอันรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่าพี่สาวของเขาไม่เป็นไร แต่สภาพที่ไม่ได้สติของนางทำให้เขางุ่นง่านใจอย่างมาก

“นางไม่ได้เป็นลม บางทีอาจเพราะช่วงนี้นางสุขภาพไม่ดี ครั้งนี้นางดื่มเหล้าข้าวไปเล็กน้อย บางทีฤทธิ์เหล้าอาจพุ่งไปที่ศีรษะของนาง นางก็แค่มีความสุข ดังนั้นนางจึงหมดสติไป แต่ไม่เป็นไร เหล้าข้าวนี้มีไว้เพื่อบำรุงสุขภาพ ซึ่งนางก็ดื่มมันไม่ต่างจากน้ำแกง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหา นางหลับลึกมาก เกรงว่าพรุ่งนี้นางจะตื่นขึ้นและมีพลังล้นเหลือ!” หมอพานยิ้มพลางกล่าว

หลังจากฟังคำพูดของหมอพาน ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากที่หมอพานจากไป ฉินเย่จือยังคงอยู่ในบ้านและไม่เคยจากไปไหน

แต่กู้หนิงอันทนไม่ได้อีกต่อไป เขาขอให้ฉินเย่จือออกไปอย่างเชื่อฟัง คราวนี้เห็นเขายืนนิ่งเฉยจ้องมองพี่สาวตนตาไม่กะพริบ กู้หนิงอันก็ทนไม่ได้อีก เขากล่าวไล่อย่างไม่พอใจ “ท่านออกไปเสีย!”

เมื่อกู้หนิงผิงเห็นพี่ชายของเขาปฏิบัติต่ออาจารย์ของเขาอย่างหยาบคาย กู้หนิงผิงก็เอียงศีรษะด้วยความประหลาดใจและมองไปที่กู้หนิงอันอย่างไม่พอใจ แต่กู้หนิงอันไม่ได้มองเขาเลย หากเดินไปที่เตียงแล้วมองไปที่พี่สาวของเขา

กู้หนิงผิงโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้

จากนั้นเขาก็มองไปที่ฉินเย่จือ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคำขอโทษ

แต่ฉินเย่จือไม่สนใจ ถูกเด็กที่ยังไม่โตทำให้อับอาย สำหรับเขาแล้ว มันเป็นเพียงแค่รอยขีดข่วน ไม่เจ็บไม่คันแต่อย่างใด

แต่คำพูดของกู้หนิงอันทำให้เขาประทับใจมาก

นอกเหนือจากความหยาบคายของกู้หนิงอันที่มีต่อเขาแล้ว สิ่งที่กู้หนิงอันพูดก็ไม่ได้ไร้เหตุผล

หวานเอ๋อร์เป็นเด็กผู้หญิง ซึ่งเขาอยู่ใกล้ชิดนางมาก ถ้ามีคนมาเห็นเข้า ในภายหลังไม่รู้พวกเขาจะพูดถึงนางอย่างไร

เขาสามารถไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เรื่องของหวานเอ๋อร์ เขาไม่สามารถไม่สนใจได้!

ตราบใดที่มันทำร้ายหวานเอ๋อร์ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ เขาก็ไม่สามารถทนได้ เขามิอาจปล่อยให้หวานเอ๋อร์ประสบกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้

ทว่านางเป็นภรรยาที่เขาหมายปอง แต่กระทั่งภรรยาของเขาเอง เขาก็ยังเข้าใกล้ไม่ได้…

ภายใต้แสงเทียนสลัว ดวงตาของฉินเย่จือมีความสับสน เมื่อกู้หนิงผิงกำลังจะพูด ฉินเย่จือก็หันศีรษะและจากไปอย่างเงียบ ๆ

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ!

กู้หนิงผิงกำลังจะก้าวไปเพื่อขอโทษ แต่ในขณะที่เขากำลังจะทำ ฉินเย่จือก็หันหลังกลับ เปิดประตูแล้วเดินออกไป

เหลือเพียงทั้งสามคนอยู่ในบ้านตามลำพัง

กู้หนิงผิงคิดว่าฉินเย่จือโกรธ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่กู้หนิงอัน ซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงพี่สาวของเขาโดยเฝ้าดูนางอย่างเป็นห่วง

กู้หนิงผิงกระทืบเท้าของเขาด้วยความโกรธ

คนหนึ่งคืออาจารย์ของเขา อีกคนคือพี่ชายของเขาเอง ซึ่งทั้งสองคนคือคนที่เขารักมากที่สุด เขาจึงไม่อยากขัดใจทั้งคู่

ในท้ายที่สุด กู้หนิงผิงที่กระทืบเท้าก็มองไปที่กู้หนิงอันอย่างไม่พอใจและกำลังจะออกไป แต่กู้หนิงอัน หยุดเขาไว้ “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป!”

“พี่หนิงอัน…” กู้หนิงผิงหยุดเดิน เขาหันศีรษะไปมองที่หลังของกู้หนิงอันแล้วร้องเรียกอย่างจนใจและร้อนใจ “พี่หนิงอัน ท่านกำลังทำอะไร ทำไมท่านถึงดูถูกอาจารย์ของข้า!”

กู้หนิงผิงเป็นคนใจร้อนและไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขา

ทว่ากู้หนิงอันไม่รีบตอบ แต่ค่อย ๆ นำมือของกู้เสี่ยวหวานที่ยื่นออกมาวางไว้ใต้ผ้าห่มอย่างระมัดระวัง หลังจากปิดมุ้ง เขาก็เหลือบมองกู้หนิงผิง และทั้งสองก็เดินออกไปด้วยกัน

เมื่อมาถึงห้องด้านนอก กู้หนิงอันก็นั่งที่โต๊ะแล้วพูดเบา ๆ “หนิงผิง พวกเราไม่มีพ่อแม่ พี่สาวของพวกเราทำงานหนักมากเพื่อเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เรา นางหาเงินมาทำให้พวกเราอิ่มท้อง แล้วยังส่งข้าเรียน ส่งเสี่ยวอี้ไปเรียนรู้การเย็บปักถักร้อย และให้เจ้าได้เรียนในสิ่งที่ชอบ! พวกเราสามคนไม่มีใครแบ่งเบาภาระท่านพี่ได้เลยสักนิด!”

“ใช่!” กู้หนิงผิงพยักหน้าอย่างหนักหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่มีเสียงในใจบอกเขาว่า “แต่ต่อมา…”

กู้หนิงอันไม่ปล่อยให้เขาพูด แต่ยังคงถามต่อไป “พี่สาวเป็นคนที่พวกเราให้ความสำคัญและนับถือมากที่สุดในชีวิตใช่ไหม?”

“ใช่!”

“พี่สาวของพวกเราต้องทนทุกข์ทรมามานมาก พวกเราไม่ควรปล่อยให้นางได้รับอันตรายเพียงเล็กน้อยใช่ไหม?”

“ใช่!”

กู้หนิงผิงพยักหน้า แต่พวกเขามีความสามารถอะไรที่จะป้องกันไม่ให้พี่สาวของพวกเขาบาดเจ็บ?

พี่สาวต้องทนทุกข์ทรมานมามาก ถ้านางไม่มีอาจารย์อยู่เคียงข้าง เขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะเป็นอย่างไร

กู้หนิงผิงไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่า ถ้าอาจารย์ไม่ได้ถูกช่วยเหลือในเวลานั้น พวกเขาที่ยังไม่โตจะยังคงมีชีวิตที่มีความสุขเหมือนตอนนี้หรือไม่!

“พี่หนิงอัน…” กู้หนิงผิงต้องการอธิบาย หากแต่กู้หนิงอันส่ายหัวอย่างแรง เขาไม่ฟัง ดวงตาของเขาแดงราวกับเจ็บปวดและขุ่นเคือง “ข้าหวังเพียงว่าพี่สาวของพวกเราจะมีชีวิตที่ดีในอนาคต สามารถแต่งกับผู้ที่ชอบนาง ผู้ที่รักนาง ผู้ที่เคารพนาง ผู้ที่ถนอมนางเหมือนไข่มุกและสมบัติ” กู้หนิงอันเช็ดน้ำตา ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดง และพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “พี่สาวเป็นแค่เด็ก นางยังมีสิ่งที่ไม่เข้าใจ พี่สาวเหมือนบุรุษคนหนึ่ง คอยค้ำจุนครอบครัว แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ”

“พี่หนิงอัน ท่านต้องการพูดอะไร!” กู้หนิงผิงรีบร้อนรนดังมดบนกระทะร้อน

ฉินเย่จือถูกพี่ชายทำให้ขายหน้าและจากไป โดยปกติแล้ว ถ้าพี่สาวของเขาหมดสติ อาจารย์ของเขาจะไม่พักผ่อนและจะอยู่เคียงข้างนางตลอดทั้งคืน แต่ตอนนี้ พี่ชายของเขาใช้คำพูดที่ร้ายกาจที่สุดเพื่อทำให้อาจารย์ของเขาอับอาย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท