ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 691 มีของอร่อย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 691 มีของอร่อย

บทที่ 691 มีของอร่อย

“วิธีทำลูกชิ้น?” ฉินเย่จือเหลือหมูสามชั้นไว้เล็กน้อยตามคำแนะนำของกู้เสี่ยวหวาน และสับส่วนที่เหลือเป็นหมูสับ

กู้เสี่ยวหวานตีไข่ให้แตกแล้วใส่เกลือลงไป นางชิมรสชาติของน้ำแกง จากนั้นก็ให้ฉินเย่จือใช้มือบีบหมูสับให้เป็นก้อนเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อที่มีน้ำเดือด

ลูกชิ้นแช่ในน้ำแกงสักครู่ รอจนสุก ก่อนวางพักไว้ ไว้ช่วงทำหม้อไฟตอนกลางคืนค่อยให้ใส่มันลงในหม้อ

สำหรับหมูสามชั้นที่เหลือ ฉินเย่จือหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้ววางบนจานที่สะอาดพร้อมกับลูกชิ้น

ตรงนั้นยังมีเต้าหู้ที่หั่นล้างพักไว้

ในเวลานี้น้ำแกงไก่ในหม้อก็ส่งกลิ่นหอมฉุยเช่นกัน

เวลากินหม้อไฟ สิ่งสำคัญที่สุดคือเครื่องปรุง เวลานั้น ถ้าเจ้าอยากกินของเผ็ดก็ได้กินของเผ็ด

กู้เสี่ยวหวานตั้งใจซื้อพริกกลับมา ซึ่งหลังจากใส่น้ำมันลงในหม้อ นางก็รอให้น้ำมันเย็นลงเล็กน้อยแล้วใส่พริกทั้งหมดลงไป หลังจากที่น้ำมันกลายเป็นน้ำมันพริกแดง พอได้ที่ก็ตักใส่ชาม

ยังมีเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ทว่ากู้เสี่ยวหวานซื้อเครื่องปรุงรสที่เหลือจากในตลาด

หลังจากวุ่นวายอยู่นาน ในที่สุดทุกคนก็เตรียมอาหารและเครื่องปรุงเสร็จ

บนโต๊ะมีของวางอยู่เต็ม โดยมีหม้อวางอยู่กลางโต๊ะ

เมื่อตอนที่กู้เสี่ยวหวานอยู่ในตลาด นางตั้งใจซื้อหม้อขนาดเล็กและถ่านมา แต่มันไม่มีเตาขนาดเล็ก กู้เสี่ยวหวานจึงไปที่ร้านขายยาเพื่อซื้อเตาขนาดเล็กสำหรับปรุงยามา

ในขณะนี้ วัตถุดิบทั้งหมดถูกวางลงบนโต๊ะ

บนโต๊ะวางจานไม่พอ เลยใช้โต๊ะเล็กอีกตัวมาวางข้าง ๆ ซึ่งมันก็เต็มโต๊ะเช่นกัน

กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ทำเองทั้งหมด เมื่อคิดว่าพวกเขาจะได้กินหม้อไฟที่ไม่เคยได้ยินหรือเคยชิมมาก่อน พวกเขาก็ตื่นเต้นมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้หนิงผิงที่วิ่งไปที่ประตูเป็นครั้งคราวเพื่อดูว่ากู้หนิงอันเลิกเรียนหรือยัง

กู้เสี่ยวหวานกล่าวว่า ตราบใดที่กู้หนิงอันกลับมา พวกเขาก็จะเริ่มกินได้!

น้ำแกงไก่ในหม้อนั้นหอมจนน้ำลายแทบไหลอยู่แล้ว กู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้รออยู่ที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ โดยสงสัยว่าทำไมวันนี้พี่ชายของพวกเขาถึงกลับจากสำนัหศึกษาช้านัก และสงสัยว่าพี่ชายของพวกเขาเดินกลับมาหรือไม่

สวีเฉิงเจ๋อไม่ได้ตามมาด้วย คิดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็เสียดายแทนสวีเฉิงเจ๋อ

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินอาหารที่สดใหม่เช่นนี้ แต่สวีเฉิงเจ๋อกลับไม่ได้มา ช่างไม่มีโชคเสียเลย

กู้หนิงอันก็เร่งรีบเช่นกัน

เพราะพรุ่งนี้บ้านจะเริ่มสร้าง พรุ่งนี้เขาเลยขอลาครึ่งวันเช้า การลานี้ทำได้ แต่การบ้านต้องไม่ขาด เขาจึงคิดในใจว่าจะทำการบ้านทั้งหมดที่ควรทำให้เสร็จในภายในคาบเรียน

ในบ่ายวันนี้ฮูหยินสวีทำการปรุงน้ำแกงไก่ หลังจากบรรจุแล้ว สวีเฉิงเจ๋อก็นำน้ำแกงไก่ไปด้วย

เมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันยังไม่จากไป สวีเฉิงเจ๋อก็กังวลเล็กน้อย น้ำแกงนี้ถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อย!

ครั้นเห็นว่ากู้หนิงอันยังคงทำการบ้านอย่างระมัดระวัง สวีเฉิงเจ๋อก็ไม่ได้กระตุ้นหรือเร่ง

เขาเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาไม่ควรบอกว่าให้นักเรียนเร่งทำการบ้านและกลับบ้านโดยเร็วที่สุด

การทุ่มเทพยายามเช่นนี้ สุภาพบุรุษคนไหนเห็นเข้าก็ต้องชื่นชม!

น้ำแกงไก่ในชามเกือบจะเย็นแล้ว สวีเฉิงเจ๋อกระวนกระวายดั่งมดบนกระทะร้อน แต่เมื่อเห็นว่านักเรียนของเขาทำงานหนัก ตนจะไปรบกวนอีกฝ่ายได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงให้พ่อครัวทำการอุ่นน้ำแกงให้ร้อน

หลังจากกู้หนิงอันทำการบ้านเสร็จแล้ว เขาก็มอบมันให้สวีเฉิงเจ๋อ

ทั้งคู่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก จากนั้นเข้าไปในรถม้า ครั้นฟาดแส้อย่างแรง ม้าก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อกระเบื้องของสวนหลี่แทบจะถูกกู้หนิงผิงทำลาย ในที่สุดเขาก็เห็นรถม้าตรงเข้ามาใกล้

หลังจากเข้ามาใกล้มากขึ้น กู้หนิงผิงก็พบว่าเป็นรถม้าของหอหนังสืออวี้ ซึ่งกู้หนิงผิงพลันกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้น

“เสี่ยวอี้ รีบไปบอกท่านพี่ว่า พี่ชายและคนอื่น ๆ กลับมาแล้ว!” กู้หนิงผิงพูดกับกู้เสี่ยวอี้อย่างตื่นเต้น ใจที่อยากกินหม้อไฟแทบรอไม่ไหว

กู้เสี่ยวอี้เองก็อยากกินมากเช่นกัน ดังนั้นนางจึงหันศีรษะวิ่งไปที่บ้านอย่างตื่นเต้น โดยผมเปียสองข้างของนางสะบัดขึ้นและลง ขณะที่นางวิ่ง นางก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่ พวกเขากลับมาแล้ว พี่ชายข้ากลับมาบ้านแล้ว!”

รถม้าหยุดนิ่งที่ประตูสวนหลี่ก็เห็นกู้หนิงอันกับสวีเฉิงเจ๋อเดินลงมาจากรถม้า

กู้หนิงผิงโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “พี่เฉิงเจ๋อก็อยู่ที่นี่ด้วย” ท่าทางตื่นเต้นยินดีนั้นดูคล้ายจะมีเรื่องดีเกิดขึ้น

ความกระตือรือร้นนี้ทำให้สวีเฉิงเจ๋อประหลาดใจเล็กน้อย “หนิงผิง เกิดอะไรขึ้นหรือ? เจ้าดูมีความสุขมาก!”

“พี่เฉิงเจ๋อ ข้าคิดว่าวันนี้ท่านจะไม่มาแล้ว! ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านก็โชคไม่ดีแล้ว!” หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงตัวกู้หนิงอันและสวีเฉิงเจ๋อพลางพูดอย่างตื่นเต้นขณะเดินไป “เร็วเข้า มากินกันเถอะ วันนี้ที่บ้านมีของอร่อย!”

เมื่อเขาได้ยินว่ามีอะไรดี ๆ ให้กิน ดวงตาของสวีเฉิงเจ๋อก็เป็นประกาย “ของอร่อยอะไรหรือ?”

แม้แต่ฝีเท้าของเขาเองก็เร็วกว่าเดิมเล็กน้อย

“พี่ชายเร็วเข้า ท่านจะรู้เองเมื่อเห็นมัน” กู้หนิงผิงดึงพวกเขาสองคนเข้าไปอย่างตื่นเต้น

ทันทีที่เข้าไป พวกเขาได้กลิ่นหอมยิ่ง

“ที่บ้านมีน้ำแกงไก่หรือ?” กู้หนิงอันสูดกลิ่นหอมของน้ำแกง

กู้หนิงผิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “ใช่ ๆ!”

สวีเฉิงเจ๋อที่อยู่ด้านข้างรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ในมือเขายังคงถือน้ำแกงไก่ เหตุใดถึงโชคร้ายแบบนี้!

กู้หนิงอันย่อมรู้ว่าสวีเฉิงเจ๋อนำน้ำแกงไก่มา เมื่อเห็นว่าสีหน้าของสวีเฉิงเจ๋อดูผิดหวังเล็กน้อยเขาจึงรีบพูดว่า “ท่านนำน้ำแกงไก่มาบำรุงพี่สาวของข้าด้วย ดูเหมือนว่าอาจารย์กับพี่สาวของข้าจะคิดตรงกันเลย”

“จริงหรือ?” กู้หนิงผิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินก็พูดอย่างตื่นเต้น “น่าเสียดายที่ฮหยินสวีไม่ได้มา มันเป็นอาหารที่อร่อยมาก!”

แม้ว่าจะยังไม่ได้กิน แค่คิดถึง กู้หนิงผิงก็ตื่นเต้นมาก ท่านพี่บอกว่าหม้อไฟอร่อย ทั้งพวกเขายังยุ่งกันตลอดบ่าย ซึ่งพวกเขาเป็นคนทำทั้งหมด ถ้าเขาได้กินน้ำแกงไก่นั้น รสชาติต้อง…

กู้หนิงผิงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอีกครั้ง การปรากฏตัวของแมวโลภตัวน้อยนั้นกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของกู้หนิงอันมากกว่าเดิม ซึ่งเขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับสิ่งที่กำลังจะได้กิน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท