บทที่ 703 เจ้าคือผู้ชายอบอุ่น
บทที่ 703 เจ้าคือผู้ชายอบอุ่น
หัวหน้าของกลุ่มเจ้าหน้าที่มีชื่อว่า อู๋ฮ่าวจื่อ
ครั้นเห็นว่าทุกคนจับตัวเฉินจื่อไป๋ได้แล้ว อู๋ฮ่าวจื่อก็โบกมืออีกครั้ง “ไป!”
เจ้าหน้าที่พาเฉินจื่อไป๋เดินออกไป
เฉินซื่อนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เนื่องจาการการล้มลงอย่างแรงเมื่อครู่เกือบจะหักกระดูกของนางทั้งหมด
นางคลานไปบนพื้นและเห็นว่าเจ้าหน้าที่พาลูกชายของนางออกไป นางร้องห่มร้องไห้เรียกลูกชายด้วยความสิ้นหวัง “จื่อไป๋ จื่อไป๋ จื่อไป๋…”
“ท่านแม่ อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร! ข้าจะรีบกลับมา!” เฉินจื่อไป๋ถูกเจ้าหน้าที่ผลักออกไป แต่ยังหันมาตะโกนเสียงดังเพื่อบอกให้เฉินซื่อคลายความกังวล
แต่เฉินซื่อจะไม่กังวลได้อย่างไรกัน ลูกชายของนางถูกจับตัวไปและคนพวกนั้นก็พาเขาหายลับไปในฝูงชน เฉินซื่อรู้สึกร้อนรนกังวลใจ เลือดไหลเวียนมากระจุกอยู่ที่ลำคอ นางหอบหายใจโรยรินและอาเจียนลงพื้น
จากนั้นนางก็ล้มลงและหมดสติ
เฉินจื่อไป๋ถูกเจ้าหนี้ที่เหล่านั้นพาตัวออกไปไกลแล้ว จึงไม่เห็นว่าแม่ของเขาหมดสติลง
…
กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ รีบกลับบ้านด้วยรถม้า
เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานไปทำธุระข้างนอกมาเป็นเวลานาน ฉินเย่จือจึงลากนางเข้าไปในบ้าน และสั่งให้นางพักผ่อน ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของพวกเขา
โชคดีที่เคยทำหม้อไฟไปแล้วเมื่อวานนี้ ทุกคนจึงรู้วิธีการทำอยู่แล้ว
เมื่อเห็นท่าทางของฉินเย่จือก็ไม่ง่ายที่จะหักล้าง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกง่วง ดังนั้นนางจึงปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างเชื่อฟัง
ฉินเย่จือยืนอยู่ข้าง ๆ และช่วยนางห่มผ้า จากนั้นเทน้ำร้อนหนึ่งถ้วยแล้ววางลงข้างเตียง เขาใส่ใจมากเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจจริง ๆ
“เหอะ ๆ…” เมื่อเห็นเขาทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงการกระทำทั้งหมดของเขาและหัวเราะออกมา
ฉินเย่จือจึงเอ่ยถามไปว่า “หวานเอ๋อร์ เจ้าหัวเราะอะไร?” เขาไม่รีบจากไปและนั่งลงข้างเตียง
“จู่ ๆ ข้าก็คิดถึงท่าทีของเจ้า!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ว่าอย่างไรนะ?”
“ผู้ชายอบอุ่น!”
“ผู้ชายที่อบอุ่น? หมายความว่าอย่างไร?” ฉินเย่จือคิดอย่างละเอียด หากแต่ยังไม่เข้าใจ
เขามองกู้เสี่ยวหวานที่กำลังยิ้มด้วยความสงสัย ในใจรู้สึกว่าคำนี้น่าจะมีความหมายที่ดี! อย่างน้อยก็ไม่ใช่คำดูถูก ไม่อย่างนั้นนางคงไม่หัวเราะออกมา
ทำไมหญิงคนนี้ถึงมีสิ่งแปลก ๆ มากมายอยู่เสมอ ยามที่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกสดชื่นไม่น้อย
“ผู้ชายที่อบอุ่นหมายถึงผู้ชายที่สามารถให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์” กู้เสี่ยวหวานอธิบายพลางมองที่ฉินเย่จือด้วยดวงตาสุกสกาว
ในร่างกายของฉินเย่จือ นางรู้สึกได้จริง ๆ ว่าฉินเย่จือเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวที่ส่องแสงอบอุ่นให้กับนาง
ไม่ว่าในแง่ของรูปลักษณ์ รูปร่าง ความพิถีพิถันและเอาใจใส่ การดูแลครอบครัว และการทำอาหาร ฉินเย่จือสมควรได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ชายที่อบอุ่น
หลังจากที่ฉินเย่จือได้ยินคำอธิบายของกู้เสี่ยวหวาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้น ดวงตาของเขาหรี่ลงอีกครั้ง และสามารถมองเห็นแสงแห่งความปีติยินดีในนั้น และพูดอย่างมีความสุข “ไม่คาดคิดว่าในใจของหวานเอ๋อร์ ข้าจะสำคัญมาก!”
นั่นเป็นเรื่องปกติ กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างหนักโดยไม่ต้องคิด
ฉินเย่จือมองดูและหัวเราะมากยิ่งขึ้น
ถ้าไม่ใช่เพื่อดูแลร่างกายของกู้เสี่ยวหวาน เขาต้องปล่อยให้นางพักผ่อน ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องพูดอะไรกับลูกแมวตัวนี้อีกหน่อย
แต่เมื่อเห็นท่าทีเหนื่อยล้าของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือทำได้เพียงกดความคิดนี้ลงในหัวใจของเขาและพูดอย่างทุกข์ใจ “หวานเอ๋อร์ ไปนอนสักพักแล้วค่อยคุยกันตอนตื่น ตกลงไหม?”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า นางง่วงจริง ๆ เดิมทีนางเคยชอบกับการนอนกลางวัน ถ้าไม่หลับก็จะหาวตลอดเวลา
ฉินเย่จือเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานหลับตาลง และหลังจากนั้นไม่นานนางก็ส่งเสียงกรนออกมาเล็กน้อย และการหายใจของนางก็สม่ำเสมอขึ้น
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานหลับแล้ว ฉินเย่จือก็ปิดประตูเบา ๆ แล้วออกจากห้องไป ดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดในเมื่อครู่ และรอยยิ้มบนใบหน้าไม่อาจหุบลงได้
จากนั้นกู้หนิงผิง กู้เสี่ยวอี้ และอาโม่ก็เห็นฉินเย่จือยิ้มไปตลอดทั้งบ่าย
กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ไม่ได้พบว่ามันแปลกเลย เมื่อฉินเย่จืออยู่ที่บ้านของพวกเขา เขายิ้มเกือบตลอดเวลา
แต่สิ่งนี้ทำให้อาโม่กลัวแทบตาย
เขาเคยเห็นนายท่านยิ้ม แต่เขาไม่เคยเห็นนายท่านยิ้มแบบนี้!
ถ้าเขาไม่รู้ว่านายท่านสบายดี เขาคงกังวลจริง ๆ ว่านายท่านจะป่วย!
ทั้งสี่คนยุ่งอยู่เป็นเวลานาน และหลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยาม กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นขึ้น
เมื่อมาถึงครัวและเห็นพวกเขาทั้งสี่กำลังล้างผักและหั่นผัก กลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลองก็ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องครัว
กู้เสี่ยวหวานสูดหายใจเข้าลึก มันมีกลิ่นหอมมากจริง ๆ
เมื่อเห็นนางตื่นขึ้น ฉินเย่จือก็ชี้ไปที่เก้าอี้ข้าง ๆ เขาแล้วพูดว่า “นั่งลงก่อน ข้าจะเอาน้ำแกงไก่มาให้!”
กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการนั่งจริง ๆ นางนอนมามากพอแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ข้าจะไม่นั่ง ข้าจะยืนสักครู่!”
นั่งนาน ๆ ก็เหนื่อยเข้าใจไหม!
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้เก็บผักข้าง ๆ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้อยู่นิ่ง นางก้าวไปข้างหน้าทันที นั่งยอง ๆ และหยิบขึ้นมา และตรงไปหาเสี่ยวอี้
“ท่านพี่ ฟังคำพูดของพี่ใหญ่ฉินแล้วไปพักผ่อนเสีย!” กู้เสี่ยวอี้พูดโดยไม่ต้องคิดเมื่อเห็นพี่สาวของนางเดินมา
กู้หนิงผิงเห็นดังนั้นจึงพูดอย่างเร่งรีบ “ใช่แล้ว ท่านพี่ไปนั่งเถอะ ข้ากับเสี่ยวอี้ทำเองได้ ท่านไม่จำเป็นต้องเข้ามาช่วยพวกเราหรอก!”
กู้เสี่ยวหวานอยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา
นางสบายดีแล้ว แต่คนเหล่านี้ยังปฏิบัติต่อนางราวกับคนป่วย ตอนนี้จึงทำได้เพียงเอื้อมมือออกไปหยิบอาหารมากิน แต่ถ้านางทำอย่างนี้จริง ๆ นางก็ยังคิดถึงวันที่นางทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
“ข้าสบายดีแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างท้อแท้เล็กน้อย
“แต่ท่านพี่…” กู้หนิงผิงต้องพูดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้ากังวล เขาหันศีรษะและมองที่ฉินเย่จืออย่างอ้อนวอน หวังว่าฉินเย่จือจะพูดอะไรสักหน่อย
พี่สาวคือขุมทรัพย์ของครอบครัวและเป็นกระดูกสันหลังของครอบครัว ตราบใดที่พี่สาวมีสุขภาพแข็งแรง จะให้พวกเขาทำอะไรก็ได้