บทที่ 743 ผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึง
บทที่ 743 ผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึง
กู้เสี่ยวหวานไม่ปฏิเสธ เด็กหญิงกล่าวขอบคุณและยอมรับมัน
พวกเขาติดต่อใกล้ชิดกับตระกูลสวีมาโดยตลอด และพวกเขาไม่สนใจพิธีกรรมไร้สาระเหล่านี้
“แม่นางกู้ เร็วเข้า กำลังจะถึงฤกษ์มงคลแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานกำลังสนทนาอย่างกระตือรือร้นกับหลี่ฝานและสวีเซียนหลิน ทันใดนั้นก็ได้ยินหลิวต้าจ้วงวิ่งเข้ามาพลางตะโกนเรียก
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางจึงรีบพาหลี่ฝานและคนอื่น ๆ เข้าไปในบ้าน
สวีเซียนหลินเดินพลางดูไปด้วย ห้องนี้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางเต็มไปด้วยความโอ่อ่า
“สาวน้อยคนนี้ ในที่สุดช่วงเวลาที่ยากลำบากก็ได้จบลงแล้ว” ฮูหยินสวีมองเด็กหญิงด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว สาวน้อยคนนี้มีความสามารถ!” หลี่ฝานที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้นเช่นกัน
เมื่อพวกเขามาถึง ห้องโถงก็เต็มไปด้วยชาวบ้านและคนงานที่มาดูความน่าตื่นตาตื่นใจ หลังจากที่หลี่ฝานและคนอื่น ๆ หาที่นั่ง พวกเขาเห็นคานในห้องโถงที่มีผ้าสีแดงและประทัดแขวนไว้สูงตรงกลางขื่อ
“ขึ้นคาน…” เสียงตะโกนบอกให้ขึ้นคาน
จากนั้นก็เห็นคนงานกำลังทำงานกันอย่างหนัก ตะโกนเสียงดังว่า “ดึง… ดึง… ดึง…”
จากนั้นมีเสียงตะโกนดังขึ้น คนงานจึงดึงผ้าขึ้น และทันทีที่ดึงขึ้น เสียงประทัดที่ถูกจุดก็ดังสนั่นหวั่นไหว
ขนมถูกโยนออกมาจากทั้งสองด้านของห้องจำนวนไม่น้อย
กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงถือตะกร้าขนมไว้ในอ้อมแขน และโยนมันต่อไป
เด็ก ๆ วิ่งไปรอบ ๆ พลางรับขนมเหล่านั้นด้วยความสุขใจ ในขณะนี้ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเริงร่า
เมื่อยกคานแล้ว บ้านก็เสร็จสมบูรณ์
กู้หนิงผิงก็ตะโกนขึ้นในเวลานี้ “ออกไปข้างนอกกันเถอะขอรับทุกคน อาหารเย็นพร้อมแล้ว!”
เหล่าสตรีกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ข้างนอก และหลังจากจัดโต๊ะอาหารเสร็จแล้ว งานเลี้ยงข้างนอกก็พร้อมแล้วเช่นกัน
ทุกคนส่งเสียงหัวเราะครึกครื้นอีกครั้น แล้วตามกู้เสี่ยวหวานออกไปข้างนอก เนื่องจากนางไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อเช้าจึงรู้สึกหิวเล็กน้อย
ด้านนอกมีโต๊ะหลายตัวถูกตั้งเอาไว้ หนึ่งโต๊ะสำหรับสิบคน กู้เสี่ยวหวานพาหลี่ฝาน สวีเซียนหลิน และคนอื่น ๆ ไปนั่งที่โต๊ะ จากนั้นออกไปทักทายเหล่าคนงานและปล่อยให้พวกเขากินและดื่มกันในวันนี้ ต้องขอบคุณพวกเขาที่สร้างบ้านนางจนสำเร็จ
จากนั้นที่เหลือก็ทำเครื่องเรือนและซื้อของ
หากใช้เวลานานที่สุดก็น่าจะทำเสร็จภายในหนึ่งเดือน
หากคำนวณจากความเร็วนี้ ครอบครัวกู้อาจจะได้ย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ก่อนวันขึ้นปีใหม่
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกมีความสุขมาก ความเร็วในการเทเหล้าในมือนี้ก็เร็วขึ้นเช่นกัน และนางก็ยังไม่ลืมที่จะทักทายพวกเขา “ท่านลุง ท่านอา เชิญท่านกินดื่มได้ตามต้องการ เหล้าและอาหารวันนี้มีเพียงพอ!”
ทุกคนส่งเสียงหัวเราะอีกครั้ง และเอ่ยชมกู้เสี่ยวหวาน
สวีเฉิงเจ๋อมองดู และจานแรกที่ถูกยกออกมาในวันนี้คืออาหารเรียกน้ำย่อย
มีทั้งอาหารประเภทเนื้อสัตว์และประเภทผัก
จากนั้นก็มีไก่ ปลา เนื้อหมู เนื้อกระต่ายป่า และปลาไหล
มีน้ำแกงเห็ดป่าด้วย ไม่อาจทราบได้ว่าแม่ครัวปรุงอย่างไร รสชาติของเห็ดป่าจึงอร่อยมาก เหมาะกับการเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างยิ่ง
‘ยี่สิบแปดที่นั่ง’ เหล่านี้เปรียบได้กับงานเลี้ยงของคนร่ำรวย
มีอาหารประเภทเนื้อสัตว์และอาหารประเภทผักอยู่บนโต๊ะ แต่เนื้อสัตว์เป็นอาหารหลัก ทำให้ผู้คนที่ไม่เคยได้เคยได้ลิ้มลองต่างก็ต้องตื่นตาตื่นใจ อาหารเหล่านี้เปรียบได้กับอาหารอันโอชะ
ทุกคนกินอย่างเอร็ดอร่อยและยกย่องในความใจดีของเจ้าภาพ
กู้เสี่ยวหวานหยิบน้ำหนึ่งแก้ว เดินนำน้องชายและน้องสาวเพื่อชนแก้วกับแขกเหรื่อในงาน และนางก็ไม่ลืมที่จะพาฉินเย่จือไปด้วย
เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวกู้ จึงไม่แปลกที่เขาจะเดินอยู่กับพวกกู้เสี่ยวหวาน
ฉินเย่จือมีความสุขมากและเดินตามหลังกู้เสี่ยวหวานอย่างเชื่อฟัง ทุกครั้งที่นางเดินไปที่โต๊ะใด นางก็จะเอ่ยขอบคุณ เป็นท่าทางที่ดูคุ้นเคยยิ่งนัก
หลังจากเดินชนแก้วขอบคุณเรียบร้อยแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็นั่งลงที่โต๊ะหลัก
อาจารย์หลินจึงเอ่ยชื่นชมนาง “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นสาวน้อยที่ฉลาดเช่นนี้ ความคิดของนางไม่ได้ต่างไปจากผู้ใหญ่เลย!”
กู้เสี่ยวหวานทำเพียงคลี่ยิ้ม หลี่ฝานจึงเอ่ยชมนางอย่างไม่ลังเล “สาวน้อยคนนี้ ในปีนั้นตอนที่ข้าเห็นนางครั้งแรก ข้ารู้สึกว่านางจะต้องได้ดิบได้ดีในอนาคต ปรากฏว่าการมองของข้านั้นถูกต้อง!”
ฮูหยินสวีเองก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเล “ใช่แล้ว ในเวลานั้นสาวน้อยคนนี้พาหนิงอันมาที่บ้านของข้าเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ ข้าชอบนางตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น สาวน้อยแสนดีคนนี้ ใครก็ตามที่แต่งงานกับนางในอนาคตคงจะโชคดีไม่น้อย!” หลังจากพูดจบ นางก็มองไปที่สวีเฉิงเจ๋อด้วยความหมายบางอย่าง
“เฮ้ คุณชายสวีก็ยังไม่ได้แต่งงาน! แม้ว่าอายุจะต่างกันมาก แต่สามีก็อายุมากกว่าภรรยาไม่ใช่หรือ หลังจากนี้ทั้งคู่ก็จะมีความรักที่ลึกซึ้งต่อกัน เคารพซึ่งกันและกัน หลังจากนี้พวกเจ้าก็จะมีเพียงชีวิตที่มีความสุข” อาจารย์หลินเอ่ยประโยคดังกล่าว
จากนั้นฮูหยินสวีก็ปรบมือ ดวงตาของนางเป็นประกายและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ใช่แล้ว ทำไมข้าคิดไม่ถึงกันนะ”
สวีเฉิงเจ๋อลอบฟังอยู่จากด้านข้าง ดวงตาของเขาเป็นประกายทันทีและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างมีความหวัง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับสายตาเช่นนั้น แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ แต่ดวงตาของนางไร้เดียงสาและแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
แต่อย่างไรเสีย นางก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิง ดังนั้นจึงยังมีความเขินอายอยู่ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเพียงว่าหูของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง ในสถานการณ์นี้นางควรพูดอย่างไร!
ขณะที่ฮูหยินสวีกำลังพูดอยู่ กู้เสี่ยวหวานก็หวังว่าจะมีรูที่สามารถให้นางมุดเข้าไปได้
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก ซึ่งช่วยบรรเทาความขวยเขินของกู้เสี่ยวหวานไว้ได้
“แม่นางกู้…”
มีคนกำลังเรียกหานาง กู้เสี่ยวหวานรีบมองไปที่ต้นเสียง และเห็นเสี่ยวเถากำลังช่วยประคองหลิวเทียนฉือลงจากรถม้า
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ชอบหลิวเทียนฉือ แต่วันนี้พวกนางได้บรรเทาสถานการณ์ของนาง ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงคิดว่าตัวเองควรจะเข้าไปทักทายพวกนางเสียหน่อย
เมื่อเห็นว่าผู้ใดปรากฏตัว บรรยากาศรอบด้านก็เงียบเสียงลง ทุกคนวางตะเกียบลงพลางชะเง้อคอมองไปที่หลิวเทียนฉือ
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าหลิวเทียนฉือมาทำอะไรที่นี่ แต่ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนเป็นแขก และวันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับครอบครัวกู้ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่สร้างปัญหา!
กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้าโดยมีฉินเย่จือตามไปไม่ห่าง
หลิวเทียนฉือหันมามอง เมื่อลงจากรถม้า นางก็เห็นฉินเย่จือที่สง่างามอยู่ข้างหลังกู้เสี่ยวหวาน มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยอย่างมีความสุข