บทที่ 762 ค้นพบความลับของอาจารย์
บทที่ 762 ค้นพบความลับของอาจารย์
“เสี่ยวหวาน คนผู้นี้มีความคิดที่ไม่ค่อยดี หากวันนี้เจ้าไปดูหมิ่นเขาในที่สาธารณะ เกรงว่าเขาจะจดจำมันไว้ในใจ ข้าขอเตือนเจ้าว่าระวังเฉียนเหล่าซานคนนี้ไว้ให้ดี เขาอาจทำอะไรก็ได้นอกเหนือจากการฆ่าและจุดไฟเผา!” เถ้าแก่เหลียงพูดพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย และเตือนกู้เสี่ยวหวานให้ระวังเฉียนเหล่าซานให้ดี
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและกล่าวขอบคุณ
ในความเป็นจริง หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานยุ่งอยู่พักหนึ่ง นางก็ลืมสิ่งที่เถ้าแก่เหลียงพูดไปเสียหมด และนางก็เกือบจะถูกเฉียนเหล่าซานทำร้าย
เก็บค่าเช่ามาสามวันติดต่อกันแล้ว แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะพูดเสมอว่าธัญพืชจำนวนน้อยกว่าหนึ่งร้อยชั่งต้องถูกควบคุมไว้ภายในสิบตำลึงเงิน
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะพูดเช่นนั้น แต่ทุกคนจะทำให้กู้เสี่ยวหวานเสียเปรียบได้อย่างไร คนใจดีบางคนเติมเสบียงจนเต็ม เมื่อมาถึงก็พบว่ามันเยอะเกินไป
และมีชาวนาบางคนจงใจใส่ให้จำนวนน้อยลง
ตามคำกล่าวที่ว่าหนึ่งมังกรมีลูกเก้า ซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันกัน ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้คือคนธรรมดาสามัญ
หลังจากเก็บค่าเช่าผ่านไปสามวัน กู้หนิงอันได้ทำการคำนวณทั้งหมด เดิมทีคิดว่าจะมีผลผลิตน้อยลงกว่าร้อยชั่ง แต่หลังจากดูก็พบว่ามันลดไปไม่มากนัก กู้เสี่ยวหวานจึงมีความสุขมาก
โชคดีที่เถ้าแก่เหลียงรับสินค้าที่โกดังเสมอ ตราบเท่าที่มีธัญพืชเข้ามา ถ้าแก่เหลียงก็จะจดน้ำหนัก และกู้หนิงอันจะจดบันทึกตามคำที่เถ้าแก่เหลียงบอก ต่อมากู้หนิงอันก็ตรวจสอบกับเจ้าของร้านร้านธัญพืชเฉิงซิ่นและพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลย
เถ้าแก่เหลียงยิ้มกว้าง และหลังจากที่จ่ายเงินตามราคาที่พวกเขาตกลงกันไว้ตอนนั้นแล้ว เขาก็เก็บผลผลิตขึ้นรถม้าและจากไป
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ยุ้งฉางขนาดใหญ่ เหลือเพียงไม่กี่ร้อยชั่งอยู่ที่มุมโกดัง และหัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความสุขเช่นกัน
ปีนี้เก็บค่าเช่าได้เป็นธัญพืชหลายพันชั่ง และขายมันออกไปทั้งหมด นางได้รับเงินหลายตำลึงกลับมา ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้จะสามารถไปหาหลี่ฝานและคืนเงินทั้งหมดให้เขาได้
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นมาก ในตอนกลางคืนนางจึงทำเกี๊ยวยัดไส้หมูเป็นมากพิเศษเพื่อให้ทุกคนได้กินกันอิ่มหมีพีมัน
เช้าตรู่ของวันต่อมา เนื่องจากกู้หนิงอันกำลังจะไปสำนักศึกษา กู้เสี่ยวหวานจึงตื่นแต่เช้าตรู่โดยคิดจะขับรถม้าไปส่งกู้หนิงอันที่หอหนังสืออวี้
กู้เสี่ยวหวานสั่งให้อาโม่อยู่บ้านเพื่อดูแลกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้
พวกเขาทั้งสามคนไม่ได้ทานอาหารเช้าที่บ้าน ดังนั้นฉินเย่จือจึงเป็นผู้ขับรถม้า กู้หนิงอันและกู้เสี่ยวหวานนั่งบนนั้นและมุ่งหน้าเข้าเมืองหลิวเจีย
เมื่อมาถึงเมืองหลิวเจียไม่ไกลจากหอหนังสืออวี้ กู้เสี่ยวหวานพบแผงขายของหน้าตาคุ้นเคยในบริเวณใกล้เคียง จึงสั่งบะหมี่หมูเส้นหนึ่งชาม ก่อนจะหาที่นั่งและเริ่มกินมัน
หลังจากรับกินอาหารเช้าเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็ไปส่งกู้หนิงอันที่ทางเข้าหอหนังสืออวี้
เมื่อเห็นกู้หนิงอันเข้าไปในหอหนังสืออวี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกวางใจและเดินไปรอบ ๆ กับฉินเย่จือ
ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ และร้านจิ่นฝูก็ไม่ได้เปิดเร็วขนาดนั้น!
กู้หนิงอันเข้าไปในหอหนังสืออวี้ และทันทีที่เขามาถึงสวนหลังบ้าน เขาเห็นสวีเฉิงเจ๋อนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นั่น กู้หนิงอันจึงไปทักทายเขาทันที
เมื่อเห็นกู้หนิงอันใกล้เข้ามาสวีเฉิงเจ๋อก็ผงะไปครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาก็ยิ้มและถามว่า “หนิงอัน ทำไมวันนี้เจ้ามาเร็วเช่นนี้?”
“วันนี้พี่สาวของข้ามาส่ง!” กู้หนิงอันตอบ
“เสี่ยวหวานมาหรือ?” เมื่อสวีเฉิงเจ๋อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานมา ดวงตาของเขาก็สว่างสดใสขึ้นทันใด เขาก็วางหนังสือในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นลุกขึ้นยืนก้าวเดินไปข้างหน้า และถามอย่างตื่นเต้น “นางอยู่ที่ไหน?”
กู้หนิงอันชี้ไปข้างนอกและพูดว่า “เพิ่งเดินไปไม่นานนี้”
เมื่อสวีเฉิงเจ๋อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เดินหลบกู้หนิงอันทันทีและเดินออกไปข้างนอก
โอ้ ไม่…
จะเรียกว่าเดินก็ไม่ได้ ควรเรียกจะว่าเหมือนลูกธนูที่พุ่งออกจากคันธนูออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
กู้หนิงอันมองไปที่การเคลื่อนไหวที่เกือบจะบ้าคลั่งของสวีเฉิงเจ๋อจึงตกตะลึงเล็กน้อย เขาวิ่งตามอาจารย์ของตนออกไปโดยไม่คาดคิด
คนผู้หนึ่งยืนอยู่คนเดียวกลางถนน มองไปรอบ ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน อย่างไรก็ตาม วันนี้หลังจากรุ่งสางไม่นานก็สามารถนับจำนวนคนบนถนนได้อย่างชัดเจน
ในบรรดาคนเหล่านั้น ไม่มีแผ่นหลังที่เขาคุ้นเคยเลย
เมื่อครู่ สวีเฉิงเจ๋อยังรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ตอนนี้เขาเหมือนลูกหนังที่ถูกปล่อยลมจนแบน และรู้สึกมึนงงเล็กน้อย สายตาจ้องมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความเหม่อลอย
หลังจากที่กู้หนิงอันวิ่งตามออกมาแล้วเห็นฉากดังกล่าว สวีเฉิงเจ๋อผู้โดดเดี่ยวยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังราวกับว่าไม่ได้พบสิ่งที่รักมากมาย มันทั้งเสียใจและดูโดดเดี่ยว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ อาจารย์เคยสอนพวกเขาหนึ่งประโยค
สาวงามแสนดีเอย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม
เกี้ยวนางยังไม่สมหวัง เฝ้าถวิลถึงนางทั้งยามตื่นและยามหลับ
เฝ้าแต่คำนึงถึงนาง นอนพลิกหงายพลิกคว่ำไม่อาจข่มตาให้หลับได้
อาจารย์บอกพวกเขาว่าประโยคนี้หมายความว่า สาวงามผู้แสนดี เมื่อไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า พลิกไปพลิกมานอนไม่หลับทั้งคืน
เป็นความรักระหว่างชายหญิง!
กู้หนิงอันยังเด็กและไม่เคยเข้าใจความหมายของประโยคนี้เลย
แต่ตอนนี้ในตอนเช้าที่เงียบสงบ สวีเฉิงเจ๋อยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง แต่เขาดูโดดเดี่ยวและอ้างว้าง
สวีเฉิงเจ๋อที่รู้สึกเศร้าเพราะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ท่าทางนั้นทำให้กู้หนิงอันเข้าใจได้ในทันที
เป็นไปได้หรือไม่ที่อาจารย์จะ…?
กู้หนิงอันกลับมาได้สติและมองไปที่ทั้งสองด้านของถนน เขาไม่รู้ว่าพี่สาวของเขาไปทางไหน แต่ไม่ว่านางจะไปทางไหนเขาก็ไม่กังวล เพราะมีฉินเย่จือคอยปกป้องอยู่ข้างกาย แม้แต่ผมของพี่สาวเพียงเส้นเดียวก็ไม่ให้ร่วง!
กู้หนิงอันยืนอยู่ที่ประตูและก่อนที่สวีเฉิงเจ๋อจะพบเขา เขาก็เดินเข้าไปในห้องทันทีเพื่อไม่ให้สวีเฉิงเจ๋อพบว่าตนเองตามออกมา
แต่เช้าวันนี้ ความคิดของเขาเต็มไปด้วยภาพที่อาจารย์ยืนอยู่ที่ประตู ลุกลี้ลุกลนและทำอะไรไม่ถูก นั่นทำให้กู้หนิงอันรู้สึกราวกับมีหญ้าเติบโตในใจของเขาซึ่งทำให้หัวใจของเขารู้สึกจั๊กจี้
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ตั้งใจเรียน
สวีเฉิงเจ๋อเป็นคนฉลาด ครั้นเห็นกู้หนิงอันมีท่าทางใจลอยในชั้นเรียน แต่ไม่ได้เอ่ยตำหนิแต่อย่างใด หลังจากเลิกเรียนตอนแลกเปลี่ยนความรู้กับกู้หนิงอันวันนี้ เขายังคงเห็นว่ากู้หนิงอันมีท่าทางกระสับกระส่าย