บทที่ 768 มันเทศที่ให้ผลผลิตสูง
บทที่ 768 มันเทศที่ให้ผลผลิตสูง
เพราะถึงอย่างไร ทั้งนางและครอบครัวจางก็ถูกไล่ออกจากหมู่บ้านอู๋ซีแล้ว!
หลังจากที่นำมันเทศกลับมาแล้ว คาดว่ามันมีประมาณสามถึงสี่ร้อยชั่ง ซึ่งกู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แม้แต่อาโม่และฉือโถวที่เก็บพวกมันกลับมาก็ยังตกใจ คนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่นเองก็เช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าปลูกนิดเดียว แต่กลับได้รับผลิตมากมาย!
ทั้งเหล่ามันเทศนั้นยังเติบโตได้ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินเย่จือ เขาย่อมรู้ดีว่าบนภูเขามีต้นกล้ามันเทศกี่ต้น ซึ่งเมื่อเห็นผลผลิตของมันมีมากขนาดนี้ ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกาย
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กินมันเทศมานานแล้ว คราวนี้นางทำความสะอาดมันเทศที่ถูกหั่นแล้วทั้งหมด ก่อนนำไปนึ่งบนข้าว แต่ละคนหยิบมันเทศออกมาครึ่งหนึ่ง และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันมีรสชาติที่อร่อยมาก ทั้งเหนียวนุ่ม รสชาติหวาน และมันยังมีกลิ่นหอมอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนด้วย
“เสี่ยวหวาน สิ่งนี้อร่อยมากจริง ๆ!” ป้าจางชิมไปสองสามคำแล้วเอ่ยด้วยความพอใจ ทว่าจำนวนของมันมีน้อย นางจึงไม่เต็มใจที่จะกินมันมากกว่า เจ้ามันเทศเหล่านี้มีรสชาติอร่อยมาก มันต้องขายได้ราคาสูงแน่นอน!
“อย่าดูถูกรสชาติของมันเทศเหล่านี้ นี่เป็นของล้ำค่าที่ให้ผลตอบแทนสูง!” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
ทุกคนพยักหน้า โดยเฉพาะอาโม่และฉือโถว
ตอนที่เขากำลังเก็บมันเทศเหล่านี้ พวกเขาคิดว่ามันเทศหนึ่งต้นคงจะหัวมันเทศมีเพียงหัวเดียว แต่กู้เสี่ยวหวานบอกพวกเขาว่า ต้นมันเทศมีหัวของมันซ่อนอยู่ในดินมากมาย และขอให้พวกเขาขุดดินก่อนที่จะมองหามัน
อาโม่และฉือโถวขุดหัวมันเทศทั้งหมดออกมา และขนไปไว้บนรถม้า
กู้เสี่ยวหวานบอกให้พวกเขานำสิ่งนี้กลับมาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะทำมันหาย
หลังจากขุดดินจนทั่วแล้ว พวกเขาก็เห็นมันเทศขนาดเท่ากำปั้นโผล่ขึ้นมาจากดินทีละลูก ราวกับพลิกสมบัติด้วยการขุดจอบเดียว และมันยังซ่อนอยู่ใต้ดินอีกมาก
อาโม่และฉือโถวขุดดินอย่างขยันขันแข็งโดยไม่รู้สึกเหนื่อย เมื่อขุดทุกอย่างแล้วก็รีบหยิบใส่ตะกร้า ใส่กระสอบแล้วโยนขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นกลับมาขุดอีกครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะกลัวจะมีหัวมันเทศหลงเหลืออยู่
ทั้งสองคนทำงานจนถึงรุ่งสาง กระทั่งตะเกียงที่นำมาด้วยเกือบดับมอด
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน พวกเขาก็นำของทั้งหมดไปเก็บที่โกดัง
ครั้นกู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น นางก็เห็นถุงมันเทศ ซึ่งมันเทศในแต่ละถุงมีขนาดเท่ากำปั้น แม้ว่าบางส่วนจะถูกสับด้วยจอบ แต่มันก็ยังใช้ได้ สามารถเอาไปล้างและนำมารับประทานได้แต่เมื่อมันเทศนั้นแตกหักก็เก็บเอาไว้ในโกดังไม่ได้เช่นกัน
เมื่อเห็นว่าทุกคนชอบกินสิ่งนี้ ป้าจางก็รู้สึกว่าการดูแลมันอย่างระมัดระวังในช่วงที่ผ่านมานี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์ ดูเหมือนว่าสาวน้อยเสี่ยวหวานจะมองเห็นทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่ง หากสาวน้อยเสี่ยวหวานไม่รู้จักสิ่งนี้ สิ่งนี้อาจจะขึ้นราและเน่าอยู่ในดินไปแล้ว!
หลังมื้อเช้า กู้เสี่ยวหวานตากมันเทศเหล่านี้ไว้ในที่แห้งและอากาศถ่ายเท เมื่อพวกนางย้ายบ้าน พวกนางสามารถเก็บสิ่งนี้ไว้ในห้องใต้ดินได้
มันเทศต้องได้รับการเก็บรักษาเป็นอย่างดีเพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้ในฤดูหนาวโดยเน่าเสียและไม่แตกหน่อ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ อารมณ์ของกู้เสี่ยวหวานดียิ่งนัก นางเดินยิ้มแฉ่งทั้งวัน ครั้นไม่มีอะไรทำ นางกับฉินเย่จือจะไปเที่ยวเล่นรอบเมืองหลิวเจีย หลังจากนั้นก็พาป้าจางและฉือโถวไปดูบ้านหลังใหม่ ป้าจางรู้สึกตื่นเต้นเมือเห็นบ้านของกู้เสี่ยวหวาน และเมื่อกลับมาถึงสวนหลี่ก็กระซิบกับลุงจางว่า ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็มีชีวิตที่ดีขึ้น
ลุงจางเองก็ดีใจยิ้มกว้างจนตาปิด
แม้ว่าชีวิตยามนี้จะดีขึ้น แต่พวกเขาก็ยังจะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เมื่อใดที่กู้เสี่ยวหวานซื้อผักและเนื้อสัตว์ดี ๆ เพื่อชดเชยให้กับครอบครัวจาง ป้าจางจะรู้สึกอึดอัดมาก
จะซื้อกับข้าวดี ๆ แบบนี้ทำไมให้เสียเงินเปล่า ๆ
ป้าจางกลัวว่าการที่พวกนางมาอาศัยอยู่ที่สวนหลี่ ทั้งยังมีคนป่วยที่ต้องกินยาเพื่อรักษาร่างกาย เช่นนั้นจะทำให้กู้เสี่ยวหวานต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งครอบครัวของนางยังต้องกินต้องใช้สิ่งของที่นี่ ป้าจางจึงรู้สึกอับอาย
หากแต่กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
นางเป็นคนที่ตอบแทนน้ำใจของผู้อื่น ไม่ต้องพูดถึงว่าในอดีตลุงจางและครอบครัวปฏิบัติต่อนางดีอย่างไร!
ครานี้เมื่อลุงจางและคนอื่น ๆ ประสบพบเจอปัญหาและต้นเหตุมาจากนาง ไม่ว่านางจะปฏิบัติต่อพวกเขาดีแค่ไหน กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หนักหนาเกินไปเลย
เพียงแต่ว่ายังมีคนที่ไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังตึงตังขึ้นมาที่หน้าบ้าน
หลังจากอาโม่ออกไปเปิดประตูก็พบว่าไม่มีผู้ใด กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกแปลกประหลาดใจ แต่ตอนนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องอย่างโศกเศร้าขึ้นหน้าประตู “ใครก็ได้ช่วยด้วย ข้าถูกลวนลาม!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น คิ้วของกู้เสี่ยวหวานก็ขมวดเข้าหากันแน่น
ป้าจางเองก็ได้ยินเช่นกัน และพูดด้วยความประหลาดใจทันที “กู้ซินเถาหรือ?”
ถูกต้อง คนที่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูคือกู้ซินเถา
เมื่อครั้งนั้น หลังจากกู้ซินเถาและหลิวเทียนฉือพูดคุยกันเสร็จแล้ว นางมุ่งหน้ากลับบ้านและปรึกษากับกู้ฉวนลู่
ทันทีที่เขาได้ยินว่ากู้ซินเถาเป็นที่ชื่นชอบของคุณหนูจากในเมือง สายตาของกู้ฉวนลู่ที่มีต่อกู้ซินเถาก็เปลี่ยนไปทันที
จากเดิมที่มีแต่การดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นประจบสอพลอ
เขาเปิดปากของเขาและพูดโม้ “ก็ว่าอยู่ว่าบุตรสาวของข้าจะย่ำแย่เพียงนั้นได้อย่างไร! ดี ๆ สามารถเข้าตาคุณหนูหลิวได้ในเพียงครั้งเดียว ซินเถา เจ้าลำบากแล้ว ถ้าเจ้าติดตามคุณหนูหลิวแล้วกลายเป็นสหายของนางได้ วันดี ๆ ของเจ้าจะมาถึงอย่างแน่นอน”
กู้ฉวนลู่ย่อมรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของคุณหนูหลิว
บิดาของคุณหนูหลิวเป็นขุนนางฝ่ายค้าเกลือและโลหะระดับสาม แม้ว่าชื่อฝ่ายค้าเกลือและโลหะจะไม่น่าฟัง แต่โชคดีที่เป็นขุนนางจากเมืองหลวง ดังนั้นจึงสามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ทุกเมื่อ!
หากกู้ซินเถาสามารถเป็นสหายกับหลิวเทียนฉือได้จริง ๆ ถึงเวลานั้นก็สามารถขอให้นายท่านหลิวช่วยลูกชายของตนได้ อนาคตคตของเหวินเอ๋อร์ย่อมสดใส!
ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ กู้ฉวนลู่ก็ถูมือของเขาอย่างมีความสุขราวกับว่าเขาได้เห็นลูกชายของตนสวมชุดทางการ ทำการโค้งคำนับฮ่องเต้ในโถงบัลลังก์สีทองพร้อมกับเหล่าเสนาบดี
แค่คิดถึงภาพอันองอาจนั้นก็ทำให้ดวงตาของกู้ฉวนลู่ลุกโชนแล้ว
กู้ฉวนลู่คิดไปไกล ไฉนเลยว่าความสุขนั้นจะลอดพ้นจากสายตาของกู้ซินเถาไปได้
กู้ซินเถาแค่นเสียงเย็น นางไม่ใช่คนโง่ มีแค่ยามที่นางยังมีประโยชน์กับครอบครัวนี้ กู้ฉวนลู่จึงจะแสดงท่าทีห่วงใยต่อตัวนาง
ใช่แล้ว นางเป็นแค่บุตรสาว คราวที่แล้วมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เขาอับอายอย่างยิ่ง โชคดีที่ซุนซื่อออกรับผิดแทนนาง หากซุนซื่อไม่ออกรับผิดแทน เกรงว่ากู้ฉวนลู่คงบีบคอนางจนตายไปแล้ว