ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 780 กิจการรุ่งเรือง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 780 กิจการรุ่งเรือง

บทที่ 780 กิจการรุ่งเรือง

การจัดเรียงนี้แปลกประหลาด โต๊ะที่พวกเขากินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีรูอยู่ในนั้น มีเตาถ่านขนาดเล็กวางอยู่ในรู ด้านในของเตานั้นถูกปิดไว้

มีลูกจ้างในร้านสองสามคนสวมเสื้อสีแดง สะดวกมากที่จะมองออกว่าคนไหนเป็นลูกจ้างของร้าน

คนที่สั่งอาหารรออยู่ตรงที่นั่งของตน หลังจากชื่นชมรูปแบบของร้านอาหารแล้ว ก็เห็นลูกจ้างใช้รถเข็นแบบพิเศษบรรทุกอาหารและเข็นเข้ามา

รถเข็นนี้น่าจะทำขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยมีล้อสี่ล้ออยู่ข้างใต้ ล้อนั้นมีขนาดเล็ก มีช่องต่าง ๆ มากมายที่ทำด้วยไม้กระดาน และมีหม้อขนาดใหญ่วางอยู่ด้านบนของไม้กระดาน

ทุกคนไม่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ในหม้อขนาดใหญ่ บางคนที่ใจร้อนก็ลุกขึ้นทันทีและมองลงไปในหม้อ

ในหม้อนั้นมีน้ำแกงแบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นน้ำแกงสีขาวใส อีกด้านเป็นน้ำแกงน้ำมันพริก เกรงว่านี่คงจะเป็นหม้อหยินหยางที่เพิ่งกล่าวถึง

ครั้นเห็นโต๊ะที่สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ลูกจ้างในร้านก็นำน้ำแกงที่พวกเขาเพิ่งเลือกมาตามลำดับคำสั่ง

ขั้นแรกให้นำกระเบื้องที่ปิดเตาถ่านออก จากนั้นนำหม้อไปวางบนเตาถ่าน และดูเหมือนว่าต้องทำให้น้ำแกงในนี้เดือดเสียก่อน

ทุกคนได้แต่รอต่อไป และหลังจากนั้นไม่นานอาหารที่สั่งก็มาถึง

แน่นอนว่าอาหารทั้งหมดนั้นยังสดใหม่

เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อวัวที่หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ วางซ้อนกันอย่างเรียบร้อยบนจานใบโต

เมื่ออาหารที่สั่งมาวางลงหมดแล้ว ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา และไม่รู้ว่าจะกินอย่างไร!

ลูกจ้างในร้านเริ่มเห็นว่าโต๊ะของใครน้ำเริ่มเดือด ก็จะเข้ามาสาธิตวิธีการกินให้ดู “นี่คือวิธีกินหม้อไฟ!”

เขาคีบเนื้อหมูด้วยตะเกียบใส่ลงในหม้อน้ำเดือด ๆ หลังจากลวกจนสุกแล้วก็ตักขึ้นแล้ววางที่ด้านหน้าของลูกค้า “ได้แล้ว แบบนี้ก็สามารถกินได้แล้ว กรุณาลองดูขอรับ!”

กินได้แล้วหรือ?

ลูกค้าคนนั้นหยิบตะเกียบคีบเนื้อหมูที่ลวกสุกแล้วขึ้นมาแล้วนำเข้าปาก เมื่อกินเสร็จแล้วก็ได้แต่ยิ้มกริ่ม

วิธีกินช่างแปลกดีแท้!

นอกจากนี้ หลังจากที่ชิ้นเนื้อถูกจุ่มในน้ำแกงสักพัก เนื้อจะยิ่งนุ่มละมุนและซึมซับกลิ่นหอมของน้ำแกง ซึ่งรสชาติของมันอร่อยจริง ๆ

ทุกคนทำตามที่ลูกจ้างภายในร้านแนะนำ หลังจากลวกจนสุกแล้วก็นำเข้าปากทีละชิ้น ถ้าใจร้อนไปนิด มันก็จะลวกปาก ทนไม่ได้จนต้องคายออกมา

และหายใจเข้าทางปาก ในที่สุดก็กลืนมันลงไป ดวงตาพลันสว่างเปล่งประกาย พวกเขายกนิ้วให้กัน “รสชาติดีมาก”

ห้องโถงชั้นล่างเต็มแล้ว บางคนที่จองที่นั่งไว้ ลูกจ้างในร้านก็จะมารับแล้วพาขึ้นไปที่ชั้นสองของร้าน

ก่อนเปิดกิจการ หลี่ฝานไปที่บ้านของคนที่มีชื่อเสียงในเมืองรุ่ยเสียนเป็นการส่วนตัวเพื่อส่งคำเชิญ โดยปกติห้องส่วนตัวชั้นบนนี้สงวนไว้สำหรับลูกค้าพิเศษที่มากินหม้อไฟ

คนที่เป็นผู้นำกลายเป็นคนที่กู้เสี่ยวหวานรู้จักเช่นกัน

นางคิดไม่ถึงเลยว่าหลิวจือเสี้ยน เจ้าเมืองรุ่ยเสียนจะมาก่อน

ในเวลานั้น นางถูกคนจากครอบครัวซุนครอบครองที่นา และหลิวจือเสี้ยนได้ทำการตัดสินคดีให้นาง

วันนี้หลิวจือเสี้ยนสวมชุดคลุมสีน้ำเงินที่มีลวดลายสีเข้ม ท่าทางสง่างาม เดินมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

“เถ้าแก่หลี่ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ยินดีเป็นอย่างยิ่ง!” หลิวจือเสี้ยนยิ้มและแสดงความยินกับหลี่ฝานอย่างกระตือรือร้น

หลี่ฝานยิ้มรับ เขารีบเดินนำหลิวจือเสี้ยนเข้าไปด้านในและพูดว่า “เช่นกัน เช่นกัน! ขอให้มีความสุขสนุกสนานนะ ใต้เท้าหลิวใช้เวลาว่างจากงานมาที่นี่ มันทำให้ร้านอาหารเจริญรุ่งเรือง ใต้เท้าหลิวเชิญด้านใน เชิญด้านใน”

หลี่ฝานพาหลิวจือเสี้ยนไปที่ห้องส่วนตัวที่สงวนไว้บนชั้นสามเป็นการส่วนตัว

ด้านหลังของหลิวจือเสี้ยนมีผู้ติดตามสองคนถือคางคกหยกไว้ในมือ หลิวจือเสี้ยนตั้งใจนำสิ่งนี้มาให้หลี่ฝานเพื่อเป็นของขวัญฉลองการเปิดร้านอาหารใหม่ ครั้นมาถึงห้องส่วนตัวก็นำไปวางไว้บนชั้น

จากนั้นตระกูลที่มีชื่อเสียงมากมายในเมืองรุ่ยเสียนก็ทยอยกันมา พวกเขาตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะหลังจากตอบรับคำเชิญของหลี่ฝาน

คนเหล่านี้เป็นลูกค้าประจำของร้านจิ่นฝูอยู่แล้ว และพวกเขาก็คุ้นเคยกับหลี่ฝานเป็นอย่างดี

อาหารของร้านจิ่นฝูมีรสชาติอร่อย และมีอาหารจานใหม่ออกมาเป็นระยะ ๆ ทุกคนต่างชื่นชมร้านจิ่นฝูอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ หลี่ฝานยังใจดีและสุภาพ ไม่ว่าคนที่มาร้านจิ่นฝูจะเป็นคนใหญ่คนโตหรือคนธรรมดา หลี่ฝานก็ปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพ ซึ่งทำให้ทุกคนชื่นชมหลี่ฝาน

ครั้งนี้เปิดร้านอาหารใหม่ หลี่ฝานส่งคำเชิญมาด้วยตนเอง และสิ่งที่หลี่ฝานต้องการจะสื่อก็คือ อาหารของร้านนี้แตกต่างกันกับอีกร้านมาก

ขณะนี้พวกเขาล้วนแต่ไม่ขาดเงิน สามารถกินอะไรก็ได้ สำคัญคือวิธีการกิน

ร้านจิ่นฝูจูอวี้ซึ่งอยู่ด้านหน้าเป็นร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ พวกเขาก็คงรู้สึกเจ็บแสบ แต่ก็ต้องมาแสดงความยินดีด้วยตัวเอง และนำของขวัญมาให้มากมาย

หลังจากนั้นไม่นาน ห้องส่วนตัวบนชั้นสองและชั้นสามก็ไม่เหลือห้องว่างแล้ว แม้ภายในห้องจะมีอากาศร้อนเล็กน้อย แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความรื่นเริง

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าร้านอาหารเต็มแล้ว และหลี่ฝานเองก็กำลังยุ่งวุ่นวาย นางคิดว่าตัวเองควรกลับไป

อย่างไรก็ตาม นางก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก สู้กลับบ้านไปเสียดีกว่า อย่างไรเสียหลี่ฝานยังต้องดูแลพวกเขา

กู้เสี่ยวหวานคุยกับฉิยเย่จือ ชายหนุ่มจึงพยักหน้าทันที “ใช่ เสี่ยวหวาน งั้นพวกเจ้าลงไปก่อนเถอะ ข้าจะไปคุยกับเถ้าแก่หลี่สักครู่”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าแล้วจูงมือกู้เสี่ยวอี้ออกไป กู้หนิงผิง กู้หนิงอัน และอาโม่ก็เดินออกไปด้านนอกด้วยเช่นกัน

เมื่อออกมาด้านนอกแล้วมองดูบริเวณหน้าร้าน มีลูกค้าไม่กี่คนที่ยืนอยู่ด้านนอก ชะเง้อเพื่อมองเข้าไป พวกเขาล้วนมาสาย คนที่ลังเลเมื่อครู่แล้วไม่ได้เข้าไป ตอนนี้ร้านฝูจิ่นแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ยังมีผู้คนอยู่ด้านใน มีเสียงปรบมือจากลูกค้า และมีกลิ่นหอมลอยมา

มีแต่คนอยากลองเข้าไปข้างใน

อย่างไรก็ตาม ภายในร้านคนเต็มแล้ว ไม่มีที่ว่างเหลือแล้วจริง ๆ ดังนั้นจึงมีลูกจ้างสองคนยืนอธิบายให้ลูกค้าฟังอยู่ที่ประตู

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ เข้าไปในรถม้าแล้ว พวกเขาก็รอฉินเย่จืออยู่บนรถม้า กิจการร้านอาหารนั้นดีมาก กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงคุยกันในรถ พวกเขาตื่นเต้นเช่นกัน

“ท่านพี่ ไม่คิดเลยว่าร้านหม้อไฟจะไปได้ไกลขนาดนี้!”

“ใช่แล้ว ท่านพี่ ท่านฉลาดมาก ทำไมถึงคิดอาหารแบบนี้มาได้นะ!”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท