บทที่ 782 วุ่นวายกับบ้านใหม่
บทที่ 782 วุ่นวายกับบ้านใหม่
ซุนซื่ออายุน้อยกว่ากู้ฉวนลู่หลายปี แต่ซุนซื่อเคยติดคุกมาถึงสองครั้งสองครา เมื่อถูกขังอยู่ในคุก นางจะดูแลตนเองได้อย่างไร ใบหน้าที่เคยงดงามเต็มไปด้วยริ้วรอย และผิวหนังก็แห้งกร้าน รูปลักษณ์ราวกับว่านางแก่กว่ากู้ฉวนลู่เป็นสิบปี
เดิมทีกู้ฉวนลู่ไม่ต้องการพูดอะไร แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ตัดสินใจบอกซุนซื่อว่ากู้เสี่ยวหวานซื้อที่ดินและสร้างบ้านหลังใหญ่โตกว่าเขา นั่นทำให้ซุนซื่อรู้สึกละอายใจ นอกจากนี้เขายังบอกนางอีกว่า สภาพครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานดีขึ้นเรื่อย ๆ และแม้แต่ลุงอย่างเขาที่เป็นบัณฑิตก็ไล่ตามเด็กกำพร้าเหล่านี้ไม่ทัน ถ้าคนอื่นรู้เรื่องพวกนี้เข้าคงได้หัวเราะเยาะเขาเป็นแน่
ทันทีที่ซุนซื่อได้ยิน นางก็แสดงความชื่นชมที่ตนเองมีต่อกู้ฉวนลู่ และคิดในใจว่านางจะต้องไปที่สวนกู้แห่งนั้นเพื่อดูความเป็นไปของหลานสาวตัวดี และเมื่อถึงเวลานั้นจะได้ดูแคลนกู้เสี่ยวหวานได้
แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาที่กู้เสี่ยวหวานจะย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ ซุนซื่อจึงเดินปะปนเข้าไปฝูงชนเพื่อสอดแนม ครั้นเห็นขนาดบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ซุนซื่อก็ได้แต่กัดฟันด้วยความเกลียดชัง
และกู้ซินเถา เมื่อเห็นว่าสวนกู้มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งกว่าบ้านของตน นางกำผ้าเช็ดหน้าและกัดฟันแน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
“ท่านแม่ กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ไม่รู้ว่าโชคดีอะไรเช่นนี้ เดิมทีนางกำลังจะตาย แต่โชคชะตานางกลับพลิกฝัน น่ารังเกียจยิ่งนัก!” กู้ซินเถาพูดอย่างขมขื่น
ดวงตาของนางลุกเป็นไฟ และอยากจะเผาสวนกู้เสียให้สิ้นซาก!
ซุนซื่อเองก็โกรธเคืองจนกำหมัดแน่น
นางหยิบปิ่นสีเงินออกจากศีรษะ กำมันเอาไว้ในมืออย่างเงียบ ๆ และหันปลายแหลมคมออกไป เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจ นางจึงใช้ปิ่นขูดลงบนโต๊ะที่ทำจากไม้เนื้อดี ขูดจนเกิดรอยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากเจ้าของมาเห็นคงรู้สึกปวดใจ
ครั้นลงมือทำลายข้าวของได้สำเร็จ ซุนซื่อรู้สึกมีความสุขมาก กู้ซินเถามองไปที่โต๊ะตัวใหม่ที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน นางจึงยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับซุนซื่อ ราวกับว่านางกำลังชื่นชมซุนซื่อว่าทำได้ดี
หลังจากที่ซุนซื่อทำเช่นนั้นแล้ว นางก็กำปิ่นปักผมไว้แน่นและจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีใครบางคนจับแขนเสื้อของนางไว้จากด้านหลัง
เมื่อซุนซื่อหันกลับไปก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สวมเสื้อสีชมพูอ่อนและกระโปรงสีเดียวกัน นางพันผ้าพันคอขนสีขาว แม้ว่านางจะอายุไม่มากนัก แต่การแต่งกายของนางนั้นดูดี
ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของเด็กหญิงคนนี้ยังงดงามราวกับดอกไม้เบ่งบานก็ไม่ป่าน เกรงว่าเมื่อเวลาผ่านไป นางจะต้องงดงามยิ่งขึ้นแน่นอน
เมื่อมองไปที่ใบหน้าเล็กที่น่ารักนั้น กู้ซินเถาก็พลันรู้สึกไม่สบายใจ
เด็กหญิงตัวเล็กกำลังขมวดคิ้วจ้องมองซุนซื่ออย่างดุดัน สายตามองกลับไปกลับมาระหว่างโต๊ะและใบหน้าของซุนซื่อ
เมื่อเห็นใครบางคนกำแขนเสื้อของตัวเองไว้ ซุนซื่อก็กลัวว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผย นางจึงพยายามที่จะกระชากเสื้อตัวเองกลับมา แต่นางกลับดึงมันกลับมาไม่ได้ จึงทำได้แต่เอ่ยอย่างฉุนเฉียวทันทีว่า “เจ้าดึงเสื้อข้าทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
ซุนซื่อมองดูเด็กหญิงตัวน้อยอย่างดุร้าย แต่เด็กหญิงนั้นไร้ท่าทีหวาดกลัว นางดึงแขนเสื้อของซุนซื่อแน่นขึ้น และเอ่ยเสียงแข็ง “เจ้ามาขูดโต๊ะของพี่เสี่ยวหวานทำไม เมื่อครู่ข้าเห็นหมดแล้ว”
นางเรียกกู้เสี่ยวหวานว่าพี่เสี่ยวหวาน ดูเหมือนว่าจะรู้จักมักจี่กับกู้เสี่ยวหวาน
หรือว่า… ซุนซื่อจะถูกจับได้เสียแล้ว
เมื่อซุนซื่อเห็นว่าคนที่จับตนเป็นแค่เด็ก ใบหน้าของนางพลันร้อนผ่าวและหมายจะดึงมือเด็กคนนั้นออก
อย่ามองนางแค่เพียงอายุหรือคิดว่านางเป็นแค่เด็ก เรี่ยวแรงมือของนางแข็งแกร่งยิ่งนัก ซุนซื่อต้องการหลุดออกจากพัธนาการนี้ ไม่เช่นนั้นการกระทำของตนเองจะถูกเปิดเผย นางจึงพยายามอย่างเต็มที่และผลักเด็กคนนั้นออกไป
กู้ซินเถาเห็นดังนั้นจึงรีบรุดขึ้นหน้ากระชากมือเด็กคนนั้นออก พลางเอ่ยว่า “เด็กเวร เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
เด็กหญิงตัวเล็กถูกซุนซื่อและกู้ซินเถาผลักล้มบนพื้นอย่างแรง เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระ และคิดว่าไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่อีก ซุนซื่อจึงลากกู้ซินเถาหนีไปทันที
แต่ไม่ทันที่สองแม่ลูกจะได้ก้าวเดิน ก็พลันได้ยินเสียงตะโกนอันน่าอึดอัดจากเด็กหญิงตัวเล็ก “หยุดพวกนางไว้ พวกนางกล้าผลักข้า!”
เดิมทีหลี่เมี่ยวเมี่ยวอยากจะร้องไห้งอแง แต่หลังจากคิดทบทวนเรื่องนี้แล้ว วันนี้เป็นวันดีสำหรับครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานที่จะย้ายเข้าสู่บ้านหลังใหม่
วันที่เต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้ นางจะร้องไห้ไม่ได้ หลี่เมี่ยวเมี่ยวจึงตัดสินใจตะโกนขึ้นเสียงดังขอให้คนรับใช้ที่ยืนอยู่ตรงประตูหยุดกู้ซินเถาและซุนซื่อที่กำลังจะหลบหนีออกไปเอาไว้
ครั้นได้ยินเสียงตะโกนของหลี่เมี่ยวเมี่ยว ผู้หญิงคนหนึ่งก็หันกลับมาทันที และเห็นหลี่เมี่ยวเมี่ยวนั่งอยู่บนพื้นโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางจึงก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยขึ้นอย่างกังวล “เมี่ยวเมี่ยว เจ้าเป็นอะไรไป?”
นางก้าวไปข้างหน้าและดึงหลี่เมี่ยวเมี่ยวขึ้นช้า ๆ จากนั้นค่อย ๆ ปัดฝุ่นออกจากร่างกายของเมี่ยวเมี่ยว และเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เมี่ยวเมี่ยว ทำไมเจ้าถึงล้มลงล่ะ?”
เมื่อหลี่ฝานเห็น เขาก็รีบย่างสามขุมเข้าไปและเอ่ยอย่างเป็นทุกข์ “เจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
ปรากฏว่าหลี่เมี่ยวเมี่ยวเป็นลูกสาวคนโตของหลี่ฝาน
นางมีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
เมื่อเห็นผู้คนมารวมตัวกัน กู้ซินเถาและซุนซื่อก็เริ่มกระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน พวกนางต้องการออกไปข้างนอกตอนนี้ แต่มีตอนนี้มีคนสองคนขวางประตูเอาไว้ และพวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยพวกนางไป
กู้ซินเถาและซุนซื่ออยากจะมาที่นี่อย่างลับ ๆ และวางแผนที่จะจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่ใครจะรู้ว่า เมื่อนางขูดโต๊ะก็ถูกเด็กคนนี้เห็นเขา และเสียงของนางก็ดึงดูดความสนใจของผู้คน กู้ซินเถาจึงรู้สึกอับอายยิ่งนัก
สายตาของนางจ้องไปที่คนรับใช้สองคนที่ประตูอย่างดุดันพลางสาปแช่งในใจ
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจับจ้องมาที่ตน เด็กหญิงตัวเล็กก็ชี้ไปที่กู้ซินเถาและซุนซื่อ แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ สองคนนั้นขูดโต๊ะในบ้านของพี่เสี่ยวหวาน!” นางชี้ไปยังหญิงสองคนที่หันหลังให้นาง
หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่เมี่ยวเมี่ยว หลี่ฝานก็มองตามทิศทางที่นิ้วของหลี่เมี่ยวเมี่ยวชี้ไปทันที
แน่นอนว่า บนโต๊ะไม้ใหม่เอี่ยมดูโดดเด่น แต่ในขณะนี้มีรอยขีดข่วนไม่น่ามองปรากฏอยู่กลางโต๊ะ ทำลายความสวยงามของโต๊ะไม้จนหมดสิ้น
หลี่ฝานและคนอื่น ๆ เดินผ่านโต๊ะไม้เมื่อครู่นี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าในตอนแรกโต๊ะตัวนี้ยังมีสภาพดีอยู่ แต่เพียงชั่วพริบตาก็มีสภาพอย่างที่เห็น