บทที่ 794 ร้องเพลงในคืนข้ามปี
บทที่ 794 ร้องเพลงในคืนข้ามปี
ครั้นเห็นทุกคนเอาแต่นิ่งเงียบ กู้เสี่ยวหวานก็กระแอมไปและพูดว่า “ให้ข้าร้องเพลง!”
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานอยากร้องเพลง เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็หันศีรษะกลับมาด้วยความสุข
การร้องเพลงของกู้เสี่ยวหวาน ในชาติก่อนเมื่อครั้งยังเรียกมหาวิทยาลัย นางได้เข้าร่วมการประกวดนักร้องหน้าใหม่ แม้ว่านางจะไม่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่นางก็คว้าอันดับที่สองจากคนนับพันคน!
กู้เสี่ยวหวานยังคงมั่นใจในเสียงร้องของนาง
เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินว่าพี่สาวของเขาต้องการร้องเพลง เขาก็วิ่งรอบพี่สาวของตนเองและพูดอย่างมีความสุข “ท่านพี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้ยินท่านร้องเพลง!”
เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของทุกคน กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
หลังจากนั้นก็กระแอมไออีกสองครั้ง และนางก็พูดว่า “วันนี้เป็นวันรื่นเริง ดังนั้นให้ข้าร้องเพลงเฉลิมฉลองให้ทุกคนเถอะ!”
ในชีวิตที่แล้ว กู้เสี่ยวหวานเคยร้องเพลงของเติ้งลี่จวินได้เกือบทั้งหมด คนอื่นจึงเรียกนางว่า ‘เติ้งลี่จวินตัวน้อย’
ในวันรื่นเริงเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานนึกถึงเพลง ‘ว่านเหยียนหง’ ของเติ้งลี่จวินทันที
ริมฝีปากแดงเผยอขึ้นเล็กน้อย ส่งเสียงขับขานบทเพลงออกมา
ท่วงทำนองที่ผ่อนคลายและวิธีการร้องที่แปลกประหลาดไม่เคยได้ยินมาก่อน
เริ่มต้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากนั้นก็กลายเป็นตั้งใจฟังอย่างจริงจัง
เสียงของกู้เสี่ยวหวานนั้นคมชัดและนุ่มนวลซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
หลังจากร้องเพลงจบ ทุกคนต่างก็ปรบมือและเอ่ยชื่นชม แต่ไม่มีใครเห็นร่างที่แอบซ่อนอยู่หลังประตู
ใบหน้าของกู้ฟางสี่เต็มไปด้วยน้ำตา
อย่าไปคิดถึงความฝันในวันวานอีกเลย เพราะความฝันเหล่านั้นเป็นเพียงความว่างเปล่า
หากความฝันในวันวานเป็นจริงขึ้นมาจะวิเศษขนาดไหน!
น้ำตาไหลอาบแก้มของนาง เสียงหัวเราะในห้องโถงฟังดูอบอุ่น มันเป็นความฝันของกู้ฟางสี่ เป็นความฝันที่นางไม่เคยมีมานานหลายปี
ตอนนี้ความฝันของนางเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น
“อืม…” เสียงครวญครางของหลิวชิงซานดังมาจากด้านหลัง กู้ฟางสี่ปิดประตูเบา ๆ ทันทีหลังจากได้ยิน และหยุดลงด้านข้างของหลิวชิงซาน
หลิวชิงซานนอนเหยียดกายอยู่บนเตียวโดยไม่สนใจใคร
กู้ฟางสี่ดูเหมือนจะชินชากับมันเสียแล้ว นางหยิบหมอนและผ้าห่มผืนเล็ก ปูมันลงบนพื้นแล้วล้มตัวลงนอน
ในเดือนสิบสองนี้อากาศหนาวเหน็บแล้ว หากแต่การนอนบนพื้นนั้นหนาวเย็นมากกว่า
กู้ฟางสี่ตัวสั่นสะท้าน แต่นางไม่กล้านอนบนเตียงเดียวกันกับหลิวชิงซาน
เสียงหัวเราะจากข้างนอกทำให้กู้ฟางสี่อยากจะออกไปร่วมสนุก แต่มีอีกคนอยู่ในห้อง…
แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กู้ฟางสี่ก็ร่างกายสั่นสะท้าน นางทำได้เพียงใช้มือปิดหูและก้มหน้าซุกหมอน หยาดน้ำตาหลั่งรินไม่ขาดสาย
ในช่วงแรกของการร้องเพลงโดยกู้เสี่ยวหวาน ทุกคนต่างตบมือร่วมไปกับนาง
หลังจากร้องเพลงแล้ว ทุกคนก็ขอให้กู้เสี่ยวหวานร้องเพลงอื่นอีก
กู้เสี่ยวหวานมีกำลังใจมากขึ้น และตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม
ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างยื่นถ้วยชาให้กู้เสี่ยวหวานดื่ม เมื่อนางดื่มเสร็จ เขาก็รับมันกลับมาโดยไม่ได้คิดอะไร
ฉือโถวซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง มองไปที่การเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยของทั้งสองคน แววตาฉายให้เห็นถึงความเจ็บปวด
กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และเริ่มเพลงที่สองทันที
ตลอดทั้งคืน กู้เสี่ยวหวานร้องเพลงไปทั้งหมดสามเพลง ในท้ายที่สุดทุกคนกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะเหนื่อย ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้นางหยุดร้องเพลง พวกเขาพูดคุยสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และในไม่ช้า เสียงจุดประทัดก็ดังมาจากที่ไกล ๆ
“ไปกันเถอะ ข้ามคืนแล้ว พวกเรามาต้อนรับเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งกันเถอะ!” ป้าจางยังได้ยินเสียงประทัดก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ ทุกคนยังไม่ได้เข้านอน กู้เสี่ยวอี้ที่นอนกลางไปแล้วตอนนี้จึงไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินว่ากำลังจะต้อนรับเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง นางก็วิ่งตามทุกคนออกไปทันที
ทุกคนตื่นเต้นมาก
กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือเดินออกไปคนสุดท้าย เมื่อได้ยินว่าน้ำเสียงของกู้เสี่ยวหวานแหบเล็กน้อย เขาก็รู้สึกเป็นทุกข์และพูดว่า “คราวหน้าอย่าร้องเพลงอีก!”
“เหอะ ๆ แต่วันนี้ข้ามีความสุขมาก!” กู้เสี่ยวหวานพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ และเมื่อเห็นคิ้วของฉินเย่จื้อขมวดแน่นราวกับว่ากำลังเป็นทุกข์ หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็อ่อนยวบและพูดว่า “ตกลง คราวหน้าข้าจะร้องแค่เพลงเดียว!”
“เจ้าร้องเพลงต่อหน้าข้าได้เท่านั้น เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นอีก!” ฉินเย่จือกล่าวอย่างเอาแต่ใจ
เขาไม่เคยรู้เลยว่ากู้เสี่ยวหวานร้องเพลงได้ดีมาก แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ยินเพลงเหล่านั้น แต่เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงทำให้เพลงนั้นมีค่ามาก!
กู้เสี่ยวหวานพูดออกมาโดยมองไปยังดวงตาที่สว่างไสวของฉินเย่จือ หัวใจของกู้เสี่ยวหวานสั่นไหวอย่างไม่มีเหตุผล นางยังไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน แต่ปากกลับตอบรับออกไป “ตกลง!”
หลังจากพูดแบบนี้ กู้เสี่ยวหวานอยากจะกัดลิ้นของตัวเอง
นางยิ้มอย่างเคอะเขิน ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนก้นลิงทันที นางหมุนกายและวิ่งไปที่ประตูราวกับว่ามีวิญญาณร้ายไล่ตามนางอยู่ข้างหลัง
การหลบหนีด้วยความสิ้นหวังทำให้ฉินเย่จืออดที่จะหัวเราะไม่ได้
เด็กคนนี้ ในที่สุดนางก็เปิดเผยความรู้สึกแล้ว!
ฉินเย่จือมีความสุขมากกับการค้นพบนี้ แต่เขายังต้องเตือนตัวเองว่าเขาต้องความพยายามต่อไปอีก
ลูกแมวตัวนี้ตัวเองเป็นคนเลี้ยงมา และวันหนึ่งเมื่อโตขึ้น นางก็สามารถเลือกได้แล้ว
สำหรับการค้นพบนี้ ยิ่งฉินเย่จือคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น และฝีเท้าของเขาก็ก้าวอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อพวกเขามาถึงประตู อาโม่และฉือโถวกำลังถือเสาไม้ไผ่ บนไม้ของแต่ละคนมีประทัดแขวนอยู่และมีดอกไม้ไฟวางอยู่ในลานหน้าบ้านสองชุด
เมื่อเห็นทุกคนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันแล้ว อาโม่และฉือโถวก็จุดประทัดทันที
เสียงประทัดดังอื้ออึง ทุกคนปิดหูและยืนยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ในลานหน้าบ้าน
หลังจากจุดประทัดเสร็จแล้ว ก็หันไปจุดดอกไม้ไฟต่อ
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวปลุกหลิวชิงซานที่อยู่ในห้องด้านหลัง เขาแอบสาปแช่งอยู่ในใจก่อนจะหันหลังกลับ และผล็อยหลับไปอีกครั้ง
กู้ฟางสี่ได้ยินเสียงดอกไม้ไฟดังคึกโครมข้างนอก นางอยากจะเห็นดอกไม้ไฟที่งดงามจริง ๆ แต่แม้จะขยับตัวนางยังไม่กล้าเลย
นางทำได้แค่นอนฟังเสียงประทัดกับดอกไม้ไฟที่เสียงดังอื้ออึงอยู่ด้านนอก และจินตนาการถึงฉากที่สวยงามเมื่อดอกไม้ไฟระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า
นอกจากนี้ยังมีเสียงกรีดร้องด้วยความสุขที่ด้านนอก