บทที่ 853 รอจนกว่านางจะโตแล้วค่อยรักกัน
บทที่ 853 รอจนกว่านางจะโตแล้วค่อยรักกัน
เจี๋ยเอ๋อร์อายุสิบเจ็ดปีแล้ว หากปล่อยให้นางตกเป็นของคนอื่นเรื่องนี้ก็จบเห่ แต่ตอนนี้นางยังไม่เห็นหัวลูกชายของตนเองแม้แต่เหงา ถ้าพาลูกสะใภ้เข้าบ้านเร็วกว่านี้จะได้มีคนดูแลเขา และคนหาเงินเข้าครอบครัวเพิ่มอีกหนึ่งคนมันจะดีแค่ไหนกันนะ
หงซื่อตื่นเต้น และรอจ้าวสวิ่นอย่างใจจดใจจ่อ
การคากเดาของหงซื่อนั้นไม่ผิดพลาด เมื่อจ้าวสวิ่นกลับมา แน่นอนว่าเขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นหรือตายร้ายดีอย่างไร จ้าวสวิ่นก็ไม่เห็นด้วย
หญิงสาวในหมู่บ้านจะคู่ควรกับลูกชายของตัวเองได้อย่างไร
หงซื่อยังคงต้องการต่อสู้เพื่อจะยืนหยักเพื่อสิ่งนี้ แต่จ้าวสวิ่นปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา และหงซื่อก็ทำได้เพียงยอมแพ้อย่างเชื่อฟัง
แต่ในใจกลับยังรู้สึกว่านางควรต่อสู้เพื่อมัน
สตรีเช่นนี้มีค่ายิ่งนัก หากนางสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง นั่นคือสินสอดอันล้ำค่า
แม้ว่าหงซื่อจะรู้สึกว่าสถานะของกู้เสี่ยวหวานต้อยต่ำไปเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วทุกอย่างนับ ว่าดี
โชคดีที่จ้าวสวิ่นยังมีธุระต้องออกไปจัดการตอนนี้ หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ หงซื่อก็ตัดสินใจหาแม่สื่อ และตรงไปยังสวนกู้
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสาวน้อยคนนั้นและลูกชายของนางตกหลุมรักกัน?
หงซื่อยังเป็นผู้วางแผนเพื่อลูกชายของนาง
จ้าวจื่อเจี๋ยมีสถานะที่สูงมากอยู่แล้ว และเกรงว่าจะมีผู้หญิงไม่มากนักในเมืองหลิวเจียที่คู่ควรกับเขา
จ้าวสวิ่นยังบอกหงซื่อว่าตระกูลจ้าวในตอนนี้เป็นอย่างไร
หากในอนาคตพบลูกสะใภ้ที่มีความสามารถ เกรงว่ามันจะทำให้ตระกูลจ้าวกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
หากเป็นเช่นนั้น ในอนาคตหากกู้เสี่ยวหวานแต่งงานกับเจี๋ยเอ๋อร์ได้จริง ๆ หลังจากนั้นก็ให้กู้เสี่ยวหวานมีส่วนร่วมในกิจการของตระกูลจ้าว
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่มีความสามารถ หากรากฐานของตระกูลจ้าวดีขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตเจี๋ยเอ๋อร์จะมีสิทธิ์ได้รับมรดกครึ่งหนึ่งของตระกูลจ้าวหรือไม่?
แผนการของหงซื่อนั้นเป็นแผนการระยะยาว ไม่ว่าจ้าวสวิ่นจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม นางจะต้องไปหาแม่สื่อ และไปยังตระกูลกู้เพื่อหารือเรื่องแต่งงาน
หลังจากที่หาเจอแล้ว แม่สื่อที่ดีที่สุดในเมืองหลิวเจีย มีเพียงคนเดียวคือสตรีแซ่หลี่เท่านั้น
น่าเสียดายที่แม่สื่อแซ่หลี่ไม่อยู่สองสามวันแล้ว และหงซื่อทำได้เพียงรอนางกลับมา
ฤดูใบไม้ร่วงเดินทางมาถึง ทำให้อากาศค่อนข้างแห้ง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าใบหน้าของนางแห้งกร้านเล็กน้อย อาโม่และฉือโถวก็เช่นกัน เนื่องจากพวกเขาขับรถม้าอยู่เสมอ ใบหน้าของพวกเขาจึงแห้งและเกิดการลอก
กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่ใส่ใจกับผิวพรรณของตนเองมาก ดังนั้นนางจึงไปที่ร้านลี่เฝิ่นและซื้อของมากมาย แบ่งปันของเหล่านั้นกับพวกเขาแต่ละคน และบอกให้พวกเขาแต่ละคนทาลงใบหน้าหลังจากล้างหน้าแล้ว
หลังจากอาโม่และฉือโถวใช้มันแล้ว ผิวหน้าของพวกเขาก็ไม่แห้งกร้านและเป็นขุยอีกต่อไป
ฉินเย่จือก็กลับมาจากเมืองรุ่ยเสียนพอดี เมื่อได้ยินสิ่งที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จากตระกูลจ้าวมาคุกคามกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของเขาก็ดูมืดมนลง
อาโม่เองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่
ทุกคนฟังราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก และไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก เนื่องจากช่วงนี้ฉินเย่จือค่อนข้างยุ่งและไม่มีเวลาอยู่บ้าน จึงสั่งให้อาโม่ปกป้องกู้เสี่ยวหวานทุกอย่างก้าว
เสียงเคาะประตูของฉินเย่จือแผ่วเบา หากแต่ก็มีลักษณะเฉพาะตัว
ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา
หลังจากสวมเสื้อคลุมให้เรียบร้อย นางก็เดินไปที่ประตู เมื่อเปิดประตูออกนางก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขากำลังมองมาที่ตนเองด้วยสายตาอ่อนโยน “หวานเอ๋อร์”
กู้เสี่ยวหวานเบี่ยงตัวไปด้านข้าง และฉินเย่จือก็เดินเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้ม
ตะเกียงในห้องยังสว่างอยู่
เขากำลังจะจากไปในวันพรุ่งนี้
เขารออยู่ที่บ้านตลอดทั้งช่วงบ่าย และไม่ได้อยู่กับลูกแมวน้อยตามลำพังมาพักหนึ่งแล้ว
หากเขาจากไปทั้งแบบนี้ สองสามวันมานี้เขาคงไม่หดหู่จนตายหรอกหรือ?
โชคดีที่เขามาที่นี่
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้าไปในห้องส่วนตัวของกู้เสี่ยวหวาน หากแต่หัวใจของเขายังเต้นอย่างรุนแรง แต่ใบหน้ากลับเรียบนิ่งไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
กู้เสี่ยวหวานนั่งลงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองไปยังฉินเย่จือและเอ่ยเรียกเสียงหวาน “พี่เย่จือ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงข้อตกลงที่ตกลงกันภายในวันนั้น ทั้งสองคนสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความรักได้หลังจากที่นางโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้น
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะชอบเขา แต่นางก็ยังคิดว่าตนเองเป็นเด็กอายุสิบเอ็ดขวบ ถ้านางตกหลุมรักฉินเย่จือจริง นั่นคงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจจริง ๆ
หลังจากเปิดเผยความรู้สึกของตนเองออกมาจนหมด กู้เสี่ยวหวานก็พูดคุยเรื่องอนาคตกับฉินเย่จืออย่างจริงจัง
ฉินเย่จือเองก็กังวลเช่นกันว่าอายุของกู้เสี่ยวหวานจะยังน้อยเกินไป เดิมทีเขาวางแผนที่จะรอจนกว่านางจะถึงวัยแต่งงานแล้วค่อยแสดงความในใจ แต่เขากลัวแม่สื่อคนนั้น
ฉินเย่จือไม่เคยหวั่นเกรงสิ่งใด แม้ว่าศัตรูจะเอามีดมาจ่อที่คอของเขา เขาก็ไม่เคยหวาดกลัว
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ก็ถูกการกระทำของแม่สื่อทำให้หวาดกลัว และเกรงว่านางจะทำให้คนทั้งโลกหัวเราะเยาะพวกเขา
กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนที่เห็นของใหม่แล้วจะลืมของเก่า แม้ว่าชาติก่อนนางจะไม่เคยรักใครมาก่อน แต่นางก็รู้ว่าถ้าตัวเองชอบใครสักคนจริง ๆ นางจะปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ นอกจากนี้ฉินเย่จือยังเป็นผู้ช่วยชีวิตนางมาหลายครั้ง
กู้เสี่ยวหวานชอบฉินเย่จือ แต่บางสิ่งก็อยู่นอกเหนือการควบคุม
เดิมทีนางคิดว่าการมาเป็นเด็กผู้หญิงอายุแปดขวบมันคงจะดี แต่ตอนนี้นางอยากจะเป็นเด็กสาวเต็มตัว มันคงจะดีกว่านี้มาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ นั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
กู้เสี่ยวหวานสัญญาว่าจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากฉินเย่จือ เพื่อให้ฉินเย่จื่อได้มั่นใจ
ฉินเย่จือรู้สึกโล่งใจ แต่หลังจากที่เขาเข้าใจความตั้งใจของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลเช่นกัน
เขายังคงเชื่อในเสน่ห์ของตัวเอง
มีข้อตกลงสามข้อระหว่างเขากับกู้เสี่ยวหวาน และทั้งคู่ก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดี
เพียงแค่รอให้กู้เสี่ยวหวานโตเป็นผู้ใหญ่
เมื่อนึกย้อนไปในอดีต ฉินเย่จืออาศัยแสงตะเกียงมองเข้าไปยังดวงตาสีดำขลับของกู้เสี่ยวหวาน “หวานเอ๋อร์ ดูสิ่งที่ข้านำมาให้เจ้าสิ”
ฉินเย่จือชอบให้ของขวัญ
กู้เสี่ยวหวานเห็น แต่ก็ไม่รู้ว่าฉินเย่จือไปหาของขวัญมากมายมาจากที่ใด และเขามักจะนำมาให้ตนเองเป็นครั้งคราว