ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 864 จับหลิวชิงซาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 864 จับหลิวชิงซาน

บทที่ 864 จับหลิวชิงซาน

ครั้นเห็นว่าตัวเองถูกจับเพราะขโมยมันเทศของกู้เสี่ยวหวาน เฉียนเหล่าซานตัวแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็ง

หลังจากได้ยินคำพูดของเฉียนเหล่าซาน ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็เข้าใจว่า เหตุใดอาโม่ถึงต้องจับตามองหลิวชิงซาน แต่มันเทศก็ถูกขายให้กับร้านซุ่นซินอย่างลับ ๆ ไปแล้ว

อาโม่จับตามองหลิวชิงซานตลอดเวลา แต่เขาไม่คาดคิดว่าหลิวชิงซานจะฉลาดขนาดนี้ อีกฝ่ายไม่ได้ออกมาด้วยตนเอง และมอบหมายให้เฉียนเหล่าซานทำตามคำสั่ง

เฉียนเหล่าซานไม่ปรากฏตัวในตอนท้าย แต่ไปหาคนที่ไม่ใช่คนท้องถิ่นออกหน้าแทน

กู้ฉวนลู่และเจ้าของร้านซุ่นซินเองก็ไม่รู้จักพวกเขา เขาตื่นเต้นมากที่เห็นว่ามีสินค้ามากมายและไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน

ดูเหมือนว่ากู้ฉวนลู่จะเป็นเพียงผู้ซื้อในเรื่องนี้ และเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับหลิวชิงซานและคนอื่น ๆ

ในเช้าตรู่ของวันต่อ มาอาโม่ไปหาบ้านของกู้ฉวนลู่เพื่อพาตัวหลิวชิงซานมา

หลิวชิงซานยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม คว้าเงินทั้งหมดใส่ถุงเงินและห้อยไว้ที่เอว จากนั้นจึงออกจากบ้านไป มองหาสถานที่สำหรับดื่มชายามเช้า

หลังจากดื่มชายามเช้า ก็ถึงเวลาเปิดทำการของบ่อนพนัน หลิวชิงซานเรอเอิ้กด้วยความอิ่ม และไปที่บ่อนพนัน

เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวัน หลิวชิงซานก็กลับออกมา

แต่การออกมาคราวนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เขาเข้าไป เสื้อผ้าของเขายับยู่ยี่ราวกับเผชิญความพ่ายแพ้มา

แต่ปากก็ยังด่ากราดด้วยความโมโห “ไอ้เวรเอ๊ย รอข้ามีเงินก่อนเถอะ”

ดูเหมือนคนเสียพนัน

หลิวชิงซานอาจไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยในตอนเช้า เขาจึงรีบไปยังสถานที่เงียบสงบ และเมื่อทำธุระเสร็จ เขาหันกลับมาก็ตกใจแทบตาย

อาโม่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังเขาราวกับรูปปั้นหิน และมองไปที่หลิวชิงซานอย่างเย็นชา

หลิวชิงซานเกิดอาการไม่แน่ใจเล็กน้อย แต่เขาเป็นคนไร้ยางอาย

หลิวชิงซานเป็นคนแบบไหน ทันทีที่เชิดหน้าขึ้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เฮ้ นี่อาโม่ไม่ใช่หรือ? มาหาข้าด้วยเหตุใดกัน หรือว่าพวกเขาคิดถึงข้าจึงให้เจ้ามาตามข้ากลับไป”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่ไร้ยางอายของหลิวชิงซาน ทำให้อาโม่ขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “มากับข้า”

ครั้นหลิวชิงซานเห็นความผิดปกติบางอย่าง จึงพยายามหาทางหนีทีรอด แต่เขาซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้จะสามารถวิ่งได้เร็วกว่าอาโม่ได้อย่างไร และเมื่อออกวิ่งได้เพียงไม่กี่ก้าว อาโม่ก็คว้าคอเสื้อเขาไว้ได้ทัน

“นี่เจ้า! ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” หลิวชิงซานหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาพยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการของอาโม่

แต่อย่ามองเพียงภาพลักษณ์อันสุภาพของอาโม่ในวันธรรมดา เมื่อเขาได้เริ่มลงมือเมื่อใด นั่นคือธาตุแท้ของเขา

หลิวชิงซานถูกอาโม่จับไว้ และเขาไม่สามารถดิ้นรนได้ เมื่อถูกโยนเข้าไปในรถม้า หลิวชิงซานก็ยังคงตะเกียกตะกาย ดีดดิ้นไปมาพลางตะโกนโวยวายว่าจะไปศาลาว่าการเพื่อฟ้องร้องอาโม่ว่าลักพาตัวเขามา

ครั้นอาโม่ได้ยินเช่นนั้นก็ตะคอกอย่างเย็นชา “ลักพาตัวเจ้าหรือ? คนอื่นจะเชื่อเจ้าหรืออย่างไร”

ครั้นเห็นว่าอาโม่ต้องการพาตัวเขาไปในครั้งนี้ หลิวชิงซานก็คิดว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นปีศาจ และเมื่อผู้คนเห็นนางก็สามารถทำให้ผู้คนตกใจจนตายได้

“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป” หลิวชิงซานจับขอบประตูของรถม้า และทำท่าว่าจะกระโดดลงมา

ในสถานที่นี้เต็มไปด้วยผู้คนพูดคุยกัน อาโม่กลัวว่าหลิวชิงซานจะพูดอะไรไม่ดีออกไป

ดังนั้นเขาจึงหันกลับมา คว้าหลิวชิงซานไว้และใช้ด้ามมีดกระแทกหลังคอหลิวชิงซานจนหมดสติไป

เมื่อเขากลับมาถึงสวนกู้ กู้เสี่ยวหวานกำลังรอเขาอยู่ที่ห้องโถง เมื่อเห็นอาโม่แบกหลิวชิงซานที่หมดสติเข้ามา ดวงตาของกู้ฟางสี่ก็เบิกกว้างยิ่งกว่าระฆังทองแดง

นางมองไปที่หลิวชิงซานด้วยความตื่นตระหนก ดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะฉีกเนื้อหลิวชิงซานเป็นชิ้น ๆ

อาโม่โยนหลิวชิงซานลงจากไหล่ของเขา

เมื่อร่างกายของหลิวชิงซานกระทบกับพื้น กระดูกทั้งหมดในร่างกายของเขาดูเหมือนจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาตื่นขึ้นมาด้วยอาการเจ็บปวด ลูบบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ และร้องโหยหวนไม่หยุด

เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นกู้เสี่ยวหวานจ้องมองตนเองด้วยสายตาเย็นชา

ข้าง ๆ นางมีกู้ฟางสี่ที่มีใบหน้าขมขื่น และคนอีกสองสามคน พวกเขาทั้งหมดจ้องเขม็งมาที่เขาราวกับจะต้องการฉีกเนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ

หลิวชิงซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และแอบคิดว่ามันไม่ดี แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและตะโกนอย่างไม่พอใจ “กู้เสี่ยวหวาน ทำไมเจ้าถึงจับข้าที่เป็นผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ เจ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ข้าจะฟ้องร้องเจ้า”

“เชิญไปฟ้องร้องตามที่ท่านต้องการเลย” เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่สำนึกผิด หยิ่งยโส และเจ้าเล่ห์ของหลิวชิงซาน กู้เสี่ยวหวานก็ตะคอกอย่างเย็นชา “เมื่อถึงเวลา เราจะมาค่อยดูกันว่าท่านหรือข้าที่จะติดคุก”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าไม่ได้ทำอะไร แต่เจ้ากลับจับข้ามาแบบนี้ แน่นอนว่าเจ้าต้องติด คุก” เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของกู้เสี่ยวหวาน หลิวชิงซานก็รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย

“หลิวชิงซาน เจ้าขโมยมันเทศในบ้านของข้า” กู้ฟางสี่ทนไม่ไหวจึงเอ่ยออกมา “นอกจากนี้ เจ้าเป็นคนเดียวในครอบครัวนี้ที่สามารถขโมยมันเทศได้ และยังบอกวิธีการกินให้กับร้านอาหารอื่นอีก เสี่ยวหวานปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี ทำไม้เจ้าถึงปฏิบัติต่อนางแบบนี้”

กู้ฟางสี่ยืนยันว่าหลิวชิงซานเป็นคนขโมยมันเทศ เมื่อเห็นท่าทางตีโพยตีพายของนาง หลิวชิงซานก็ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วตัวเองเป็นคนขโมยหรือกำลังหลอกตัวเอง

หลิวชิงซานไม่ได้รับฟังคำพูดของกู้ฟางสี่ มองไปที่สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยต่อหน้าเขา กู้ฟางสี่กัดฟัน และหลิวชิงซานก็แสดงท่าทางอันธพาลอีกครั้ง “โอ้ ฟางสี่ ไม่เจอกันมานาน เจ้านับวันยิ่งสวยขึ้น ทำไมเจ้าไม่คิดถึงข้าและต้องการกลับมาอยู่ด้วยกันบ้าง ข้าคิดถึงเจ้านะ”

ใบหน้าของหลิวชิงซานแสดงออกถึงความรักอันลึกซึ้ง แต่กู้ฟางสี่กับรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา “หลิวชิงซาน เจ้าอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เจ้ามันคนอันธพาล เจ้าพูดมาสิว่าทำไมเจ้าถึงขโมยมันเทศของเรา”

กู้ฟางสี่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และคำรามด้วยเสียงต่ำ

หลิวชิงซานลุกขึ้นจากพื้น ยืดตัวตั้งตรงและปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า เพราะเมื่อครู่เขาล้มลุกคุกคลานอยู่กับพื้น

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท