ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 873 ทั้งสองเผชิญหน้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 873 ทั้งสองเผชิญหน้า

บทที่ 873 ทั้งสองเผชิญหน้า

ว่าอย่างไรนะ?

เถ้าแก่หวัง

เถ้าแก่หวังจากร้านซุ่นซินเองก็มาที่นี่เช่นกัน

ทุกคนมองไปในทิศทางที่กู้เสี่ยวหวานชี้ไป

แน่นอนว่าเห็นกู้ฉวนลู่และเถ้าแก่หวังจากร้านซุ่นซินนั่งอยู่ตรงนั้น บางคนเห็นสิ่งที่พวกเขาสั่ง และช่วงหลัง ๆ มานี้ หลังจากที่ร้านจิ่นฝูเปิดตัวอาหารจานใหม่ทีไร อีกไม่ถึงในหนึ่งวันมักจะมีอาหารแบบเดียวกับในร้านซุ่นซิน

อีกทั้งราคายังถูกกว่ามาก

“เถ้าแก่หวัง ท่านก็มาทานข้าวที่นี่ด้วยหรอกหรือ อย่าบอกว่าสหายร่วมอาชีพคือศัตรูกัน เหตุใดถึงใจกว้างจ่ายเงินให้ร้านจิ่นฝูเสียล่ะ” หนึ่งในนั้นพูดประชดประชัน

“เฮ้ ถ้าเถ้าแก่หวังไม่มาที่นี่ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าอวี้เจิ่นคืออะไร ร้านอาหารซุ่นซินมีแผนจะใช้อาหารแบบเดียวกันในวันพรุ่งนี้เป็นแน่” มีคนหัวเราะ และพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด

ทุกคนที่ได้ยินล้วนหัวเราะลั่น

เพราะว่าอะไร

นั่นเป็นเพราะร้านซุ่นซินจะปล่อยอาหารแบบเดียวกันภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากที่ร้านจิ่นฝูออกอาหารจานใหม่น่ะสิ!

แม้ว่ารสชาติจะไม่ดีเท่าของร้านจิ่นฝู แต่มีราคาถูกกว่า คนธรรมดาบางคนที่ไม่สามารถมากินอาหารที่ร้านจิ่นฝูได้ก็จะไปที่ร้านซุ่นซินเพื่อทานอาหารที่คล้ายกัน

“แม่นางกู้ สิ่งนี้เป็นของครอบครัวเจ้า และเจ้าก็เป็นคนทำมันขึ้นมาเองหรือ” ลูกค้าคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย

เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่จะคิดวิธีกินสิ่งเดียวได้ถึงเจ็ดหรือแปดวิธี

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นเพียงเด็ก ข้าจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นได้อย่างไร ข้ามอบสิ่งนี้ให้อาจารย์หลี่และอาจารย์เกาในร้านจิ่นฝู ทุกคนมารวมกันและช่วยกันคิด พวกเรายังพยายามคิดเกี่ยวกับมัน และคาดว่าหลังจากนั้นไม่นานทุกคนจะสามารถกินมันด้วยวิธีอื่นได้”

มันเทศเป็นของดี นอกจากพวกนี้ยังมีสูตรอาหารอีกหลายชนิด เช่น มันเทศแท่งทอดกรอบ แป้งมันเทศทอด และยังมีวิธีกินอีกมากมาย

“เมื่อถึงเวลานั้น เราจะต้องมาอีกแแน่ ดูเหมือนว่าถ้าเราอยากกินของต้นตำรับ เราก็ต้องเลือกร้านจิ่นฝู ร้านอื่นวัตถุดิบหนึ่งอย่างก็มีวิธีกินเพียงวิธีเดียว เมื่อกินไม่กี่ครั้งก็เบื่อเสียแล้ว” หนึ่งในลูกค้าที่มาทานอาหารแสดงความรังเกียจอย่างชัดเจนในน้ำเสียง

แม้ว่าคำเหล่านี้จะไม่จริงแท้มากนัก อย่างไรก็ตาม คนทำกิจการร้านอาหารต้องเผชิญหน้ากับปากของลูกค้า หากต้องการทำเงินได้ก็ต้องคิดหาวิธีการกินที่หลากหลายอยู่เสมอเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความแปลกใหม่

การดึงดูดลูกค้าได้ก็เท่ากับกอบโกยเงินจากลูกค้า

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

เสียงหัวเราะดังลั่นทั้งห้องโถงในทันที

ใบหน้าของเถ้าแก่หวังเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง มองดูแล้วน่าเกลียด ใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับว่าเขากำลังเมามาย “พวก… พวกเจ้า”

เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่หวังหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ทุกคนก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง

“เถ้าแก่หวัง เดาได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้ทำขึ้นอย่างไร แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าจะเรียนรู้มากเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์ อีกไม่นานจะมีสิ่งใหม่ออกมาอีก และท่านไม่สามารถตามมันทัน”

“ไม่ถูก ๆ ไม่ใช่แค่ร้านอาหารซุ่นซิน แม้แต่ร้านอาหารทั้งหมดในเมืองรุ่ยเสียนก็ยังไม่มีความสามารถนี้” มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเสียใจ

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็อยากรู้ความหมายนี้

เมื่อเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของทุกคน ชายผู้นั้นก็เปิดปากพูดอย่างเงียบ ๆ “มันเทศนี้มีเฉพาะในร้านจิ่นฝู ตั้งแต่ข้าไปร้านซุ่นซินเพื่อกินมันเทศนึ่ง แต่ไม่เคยเห็นใครสั่งสิ่งนี้มากินเลย”

“ทำไมร้านพวกเขาถึงไม่มี ร้านซุ่นซินก็มีมันเทศไม่ใช่หรือ?”

“อ่า… ยังมีอีกหรือไม่ เมื่อวานนี้ข้าเห็นพวกเขาขายมันเทศที่พวกเขาเหลือให้คนผู้หนึ่งไปแล้ว” หนึ่งในนั้นไปกินมันเทศที่ร้านซุ่นซินมาเมื่อวันก่อน และเขาเห็นด้วยตาของเขาเอง “ข้าเห็นคนทำบัญชีกู้ตกลงกับคนผู้นั้น และขนมันเทศขึ้นไปบนรถม้า

“มันเกิดขึ้นจริง ๆ” ทุกคนมองไปที่เถ้าแก่หวังด้วยสีหน้าผิดหวัง

เถ้าแก่หวังหน้าแดงก่ำราวกับผลหยางเหมย นอกจากความเสียใจแล้วยังมีความสำนึกผิดอย่างสุดซึ้งอีกด้วย

ความอยากที่จะกินอวี้เจิ่นมลายหายไป เขาเรียกลูกจ้างในร้านมาคิดเงิน และออกไปทั้ง ๆ ที่ยังกินอาหารไม่เสร็จ

กู้ฉวนลู่เดินตามหลังมาด้วยสีหน้าแดงก่ำ เมื่อเขาเดินผ่านกู้เสี่ยวหวานก็เหลือบมองผู้เป็นหลานสาวอย่างโกรธเคือง

“อย่าชะล่าใจไปล่ะ” กู้ฉวนลู่กล่าวอย่างโหดเหี้ยม

กู้เสี่ยวหวานยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้า และมองไปที่กู้ฉวนลู่โดยไม่เกรงกลัว

นางเงยหน้าเชิดหน้าขึ้นสูง ยืดหลังตรงและมองไปที่กู้ฉวนลู่ด้วยใบหน้าที่ดุร้าย โดยไม่เผยความอ่อนแอออกมา รอยยิ้มแสนหวานฉายชัดไปถึงดวงตา “สวัสดีลุงใหญ่”

น้ำเสียงใสกังวานราวกับธารน้ำใส

ใบหน้าของกู้ฉวนลู่ตึงเครียดตลอดเวลา เพราะคิดว่ากู้เสี่ยวหวานคงจะพูดอะไรประชดประชันตัวเองอย่างแน่นอน ในเวลานั้น ตัวเองจะได้วางมาดของลุงใหญ่ต่อหน้าแขกเหล่านี้ได้ และตำหนิกู้เสี่ยวหวานว่าไม่เคารพผู้อาวุโส

ทำให้ทุกคนรู้แจ้งว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนอย่างไร

แต่ไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะมองตัวเองด้วยรอยยิ้มหวาน และเอ่ยเรียกลุงใหญ่อย่างสนิทสนม แม้ว่าแววตาจะเย็นชา แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุข

กู้ฉวนลู่ไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะปฏิบัติต่อเขาด้วยความรักใคร่ และคำพูดที่เขาคิดไว้ในใจก็ติดอยู่ในลำคอของเขา และไม่สามารถพูดออกมาหรือกลืนมันลงไปได้

เขาไม่ตอบสนองทันที ทำได้เพียงจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างสนิทสนมของกู้เสี่ยวหวานอย่างว่างเปล่า และไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน

“คุณชายกู้ นั่นคือหลานสาวของเจ้า นางเรียกเจ้า ทำไมเจ้าจึงไม่ตอบล่ะ”

“ใช่แล้วคุณชายกู้ เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่ทำไมไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่าเด็กล่ะ”

กู้ฉวนลู่หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย จากคำพูดของคนเหล่านี้ เขาจึงต้องอ้าปากตอบรับ “โอ้!”

ถือได้ว่าเป็นคำตอบสำหรับลที่กู้เสี่ยวหวานเรียกเมื่อครู่

“ลุงใหญ่ รสชาติของอวี้เจิ่นอร่อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับมันเทศนึ่งในร้านซุ่นซินของท่าน ถ้าท่านคิดว่ามันอร่อยก็สามารถพาท่านป้าและลูกพี่ลูกน้องของข้ามากินอาหารที่นี่ได้ ข้าจะเป็นเจ้ามือจ่ายค่าอาหารให้พวกท่านเอง” กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มหวาน

ลูกค้ารอบ ๆ ต่างก็ชื่นชม “อย่ามองเด็กสาวคนนี้ว่าอายุยังน้อย นางรู้วิธีปฏิบัติตัวจริง ๆ”

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท