บทที่ 884 หารือกับหลิวจือเสี้ยน
บทที่ 884 หารือกับหลิวจือเสี้ยน
ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าหลิวจือเสี้ยนก็ชอบเช่นกัน นางจึงคลี่ยิ้มด้วยความดีใจ “ใต้เท้าหลิวชอบมัน ดังนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่าอาหารนี้ดีจริง ๆ”
ดูเด็กหญิงคนนี้สิ คำเยินยอของนางชัดเจนยิ่งนัก
หลิวจือเสี้ยนกระตุกยิ้ม “เด็กคนนี้ ไม่ใช่แค่ข้าที่บอกว่ามันอร่อย ตอนที่เดินผ่านห้องโถงเมื่อครู่ ที่นั่งภายในร้านแน่นขนัด เจ้ายังต้องการให้ข้าบอกว่าอาหารอร่อยอีกหรือ”
เมื่อเห็นว่าหลิวจือเสี้ยนดูออก กู้เสี่ยวหวานจึงไม่อายอีกต่อไป นางยังคงยิ้มและพูดว่า “ใต้เท้าหลิว ที่ข้าเชิญท่านมาวันนี้ นอกจากเชิญท่านมาชิมมันเทศนี้แล้ว พี่เย่จือและข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องการหารือกับท่าน”
“เรื่องอะไรงั้นหรือ?” เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือ หลิวจือเสี้ยนก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย
คงไม่ใช่เรื่องของคนด้านนอกเมื่อครู่งั้นหรือ
“ใต้เท้าหลิว เดิมทีอาหารที่ท่านรับประทานเรียกว่ามันเทศ มันถูกเพาะในฤดูใบไม้ผลิและเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ลำต้น ใบ และผลล้วนรับประทานได้ ที่ดินหนึ่งหมู่ หากจัดการอย่างเหมาะสม สามารถให้ผลผลิตได้สองถึงสามพันชั่งต่อปี” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
หลิวจือเสี้ยนพยักหน้าหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน พลางพูดว่า “แม่นางกู้ เมื่อครู่ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ ที่เจ้าพูดว่าผลผลิตต่อที่ดินหนึ่งหมู่คือสองพันถึงสามพันชั่ง?”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ท่านได้ยินถูกต้อง นั่นคือจำนวนที่ข้าพูดถึง”
หลิวจือเสี้ยนขมวดคิ้วด้วยความไม่อยากเชื่อ หากแต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสุข “ผลผลิตของสิ่งนี้สูงมาก”
“ถูกต้อง” ฉินเย่จือกล่าว “ปีนี้เราปลูกมากกว่าสิบหมู่และดูแลอย่างเอาใจใส่เป็นอย่างดี และเก็บเกี่ยวรวมได้เกือบสามหมื่นชั่ง”
หัวใจของหลิวจือเสี้ยนกำลังเต้นระรัว เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือด้วยความไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของทั้งสอง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้โกหก
หลิวจือเสี้ยนรู้สึกตื่นเต้นมาก “สิ่งนี้มีผลผลิตเยอะมาก”
“ใช่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าอยากเชิญใต้เท้าหลิวมาในวันนี้ ข้ามีเรื่องจะคุยกับใต้เท้าหลิว” ฉินเย่จือชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวานแล้วพูด
“ไม่ว่าเรื่องใดก็เชิญพูดมาได้เลย”
ฉินเย่จือส่งคนไปตรวจสอบอดีตของหลิวจือเสี้ยน
ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพการงาน บุคคลผู้นี้เป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์ และมีชื่อเสียงที่ดีในหมู่ประชาชน แต่เป็นเพราะความซื่อสัตย์สุจริตของเขา เขาจึงเป็นขุนนางมาเกือบยี่สิบปี และไม่เคยได้รับการเลื่อนยศใด ๆ
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้พิพากษาของเมืองเล็ก ๆ แต่หลิวจือเสี้ยนก็ยังทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ตราบใดที่เขาอยู่ในเมืองจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้ยังมีสมองเฉียบแหลมและจะมีความคิดบางอย่างที่จะทำให้ชาวเมืองของเขาเกิดความร่ำรวยเป็นครั้งคราว และยังมีเหล่าผู้ลี้ภัยก็ได้รับการจัดเตรียมอย่างดีเช่นกัน
ประชาชนจึงใช่ชีวิตอย่างมีความสุขมาตลอดปี
เขาเป็นขุนนางที่ดี
ฉินเย่จือพูดคุยกับกู้เสี่ยวหวานว่าจะปลูกมันเทศจำนวนมากในปีหน้า
ตอนนี้ผลผลิตของธัญพืชน้อยมาก ผลิตได้ประมาณสามร้อยชั่งต่อหมู่ หลังจากจ่ายค่าเช่าแล้วก็เหลือสำหรับผู้เช่าที่ไม่มาก
หากปลูกมันเทศที่ให้ผลผลิตสูงได้ คนทั่วไปจะมีอาหารเพียงพอและไม่หิวโหย
หลังจากฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือแล้ว หลิวจือเสี้ยนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ไม่คาดคิดว่าเด็ก ๆ จะมีหัวใจรักอาณาจักรและรักประชาชน ด้วยความใจกว้างของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะมองกู้เสี่ยวหวานต่างออกไป
“แม่นางกู้ แม้ว่าเจ้าจะเป็นเพียงแค่เด็ก แต่จิตใจที่ดีเช่นนี้ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนรู้สึกละอายใจ” เมื่อนึกถึงกู้ฉวนลู่ที่กำลังเอะอะโวยวายที่ทางเข้าร้านจิ่นฝูในเมื่อครู่ หลิวจือเสี้ยนก็ได้แต่ทอดถอนใจ
คนหนึ่งเห็นแก่เงิน แต่อีกคนหนึ่งมีความรักอาณาจักรและประชาชนมาก ครอบครัวเดียวกันแต่มีความรู้สึกที่แตกต่างกันซึ่งน่าประทับใจจริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อเห็นใต้เท้าหลิวยกย่องตัวเอง นางมองไปที่ฉินเย่จือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าหลิว ความเจริญและความล่มจมของอาณาจักร ทุกคนล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น แม้ว่าเสี่ยวหวานจะเป็นคนธรรมดา แต่ก็ต้องการให้อาณาจักรของข้าเจริญรุ่งเรือง ผู้คนสามารถอาศัยอยู่ในบ้านและมีอาหารการกินที่ดี ด้วยวิธีนี้คนเราจึงสามารถใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุข ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต หน้าบ้านเศรษฐีมีกลิ่นเหล้าและเนื้อ ข้างถนนมีคนหนาวตัวแข็งตาย*[1] ดูเหมือนว่าอาจจะมีเหตุการณ์ที่ใต้เท้าหลิวไม่อยากเห็นเช่นกัน”
หลิวจือเสี้ยนพยักหน้าพร้อมทั้งยกยิ้มชื่นชม และพูดว่า ดี สามครั้งติดต่อกัน “ดี ดี ดี แม่นางกู้ เจ้ามีจิตใจและสติปัญญาล้ำเลิศ หากเจ้าสามารถส่งเสริมมันเทศนี้ได้จริง ๆ ข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกสวรรค์อย่างแน่นอน”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางก็โบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ใต้เท้าหลิว ข้าแค่ต้องการให้คนทั่วไปมีอาหารเพียงพอ ส่วนที่เหลือ…”
โดยไม่คาดคิด ก่อนที่นางจะพูดจบก็เห็นฉินเย่จือจับมือนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นรบกวนใต้เท้าหลิวแล้ว ข้าและหวานเอ๋อร์จะกลับไปเพาะปลูกต้นกล้า และในปีหน้าจะส่งไปให้ใต้เท้าหลิว”
หลิวจือเสี้ยนพยักหน้า “ตกลง ฤดูใบไม้ผลิหน้า ข้าจะออกประกาศให้คนที่ต้องการปลูกมันเทศ มาปลูกมันเทศ”
ในบรรดาฝูงชนที่รับประทานอาหาร มีหญิงสาวที่แต่งตัวดีคนหนึ่งพร้อมด้วยพี่เลี้ยงและสาวรับใช้สองสามคน ในขณะนี้นางกินเสร็จแล้ว เมื่อเดินผ่านห้องโถง นางก็คิดเกี่ยวกับกิจการที่เจริญรุ่งเรือง เมื่อเห็นเสี่ยวหวานยืนอยู่บนชั้นสองและมีบรรยากาศที่น่าหลงใหลออกมาจากร่างกายของนาง
เป็นเพียงสาวชาวบ้านจากหมู่บ้าน แต่สามารถเห็นเสน่ห์จากนางได้
ฮูหยินจ้าวรู้สึกประหลาดใจมาก
เมื่อเห็นนางคุยกับกู้ฉวนลู่ และหลังจากนั้นไม่นานกู้ฉวนลู่ก็พูดอะไรไม่ออก
และจากนั้นไม่นาน ใต้เท้าหลิวก็ปรากฏตัว นางมีท่าทางสุภาพ แต่ท่าทางที่ไม่โอ้อวดนั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง
สาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
ฮูหยินจ้าวนั่งอยู่ในรถม้าโดยไม่พูดอะไร แม่นมที่อยู่ด้านข้างคิดว่าฮูหยินจ้าวมีบางอย่างอยู่ในใจ จึงต้องการเอ่ยถาม
แต่นางกับสาวรับใช้ทำได้เพียงก้มศีรษะลง และไม่พูดอะไรสักคำ
“มามาเหอ เมื่อกลับไปแล้วเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้ข้าด้วย” ทันใดนั้น ฮูหยินจ้าวก็พูดขึ้น
คนที่ถูกเรียกว่ามามาเหอพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก และตอบว่ารับทราบ
“ยิ่งหนาก็ยิ่งแสดงถึงเกียรติภูมิ และสถานะของตระกูลจ้าวของเราได้ดียิ่งขึ้น” จากนั้นฮูหยินจ้าวก็พูดต่อทันที ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของมามาเหอ นางจึงพูดต่อว่า “เมื่อเตรียมพร้อมแล้วก็นำมาให้ข้าดูสักหน่อย”
ความระมัดระวังแบบนั้นดูเหมือนจะกังวลมากเกี่ยวกับสิ่งที่มามาเหอเตรียมไว้
มามาเหอเกิดความสงสัย นายหญิงไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน
จะมีคุณหนูจากตระกูลไหนมาเยี่ยมกัน?
แต่เมื่อมองไปที่เมืองแห่งนี้ คุณหนูจากตระกูลไหนที่เหมาะสมจะได้รับของขวัญจากนายหญิงของตัวเองกัน?