ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 895 เจอเฉาซินเหลียนอีกครั้ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 895 เจอเฉาซินเหลียนอีกครั้ง

บทที่ 895 เจอเฉาซินเหลียนอีกครั้ง

อาโม่จ้องมองแผ่นหลังของเจ้านายที่ลับสายตาไป และคิดถึงเมื่อครู่นี้ที่อาเว่ยก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเจ้านายด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“นายท่าน เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นในเมืองหลวง”

แม้แต่เจ้านายก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้

เจ้านายผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเผชิญหน้ากับคมดาบของศัตรูในสนามรบโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา แต่ครั้งนี้กลับมีสีหน้ากระวนกระวาย

“เข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปก่อน”

จากนั้นเขาก็อธิบายบางสิ่งให้อาโม่ฟัง แต่เขาเอาแต่พูดถึงกู้เสี่ยวหวานในทุกคำ

ทุกคำทุกประโยคล้วนบอกอาโม่ว่าให้ปกป้องกู้เสี่ยวหวาน

ในเมืองหลวงนั้น เหตุการณ์สำคัญได้เกิดขึ้นแล้วและมันจะอันตรายอย่างมาก แต่เขากลับไม่พูดสิ่งใดสักคำ และมีเพียงแม่นางกู้เท่านั้นที่อยู่ในใจของเขา

อาโม่มองไปที่แผ่นหลังที่หายลับตาไป จากนั้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดเบา ๆ “คุณหนู นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับกันเถอะ พี่ใหญ่ฉินจะกลับมาในไม่ช้า”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ยกมือเช็ดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาหลังจากที่ฉินเย่จือจากไป จากนั้นนางจึงเดินตามหลังอาโม่กลับไป

เวลาไม่กี่เดือน หรือครึ่งปี

ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ถามฉินเย่จือว่าเขากำลังจะไปที่ไหนหรือกำลังจะทำอะไร ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการถาม แต่นางรู้ว่าตัวตนของฉินเย่จือนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และสิ่งที่เขากำลังจะไปทำต้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงไม่ถามมากเกินไป ฉินเย่จือจะได้ไม่ต้องกังวลมากนัก

บางทีนางอาจใช้วิธีของตัวเองเพื่อปลอบโยนฉินเย่จือ

เจ้าไปทำงาน ข้าก็จะรอเจ้าอยู่ที่นี่

ฉินเย่จือจากไปโดยคนในครอบครัวไม่รับรู้ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น

คนที่เศร้าที่สุดคือ กู้หนิงผิง

“อาจารย์ไปไหน?” กู้หนิงผิงมุ่ยปากด้วยสีหน้าเศร้า “อาจารย์จากไปและเขาไม่ได้บอกลาข้าด้วยซ้ำ”

“เจ้ารีบกินเถอะ พี่เย่จือบอกให้เจ้าฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดที่เขาสอน เมื่อกลับมาเขาจะทดสอบเจ้า” กู้เสี่ยวหวานมองไปที่กู้หนิงผิงที่ไม่พอใจอย่างใจเย็นและโน้มน้าวใจเขา

กู้หนิงผิงตอบรับและกล่าวว่า “ท่านพี่ไม่ต้องกังวล เมื่ออาจารย์กลับมา ข้าจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังอย่างแน่นอน”

มีอีกหนึ่งคนที่ผิดหวังเช่นกัน

กู้ฟางสี่

ทันทีที่ได้ยินว่าฉินเย่จือได้จากไปแล้ว และจากไปเป็นเวลาสองสามเดือนหรืออาจจะถึงครึ่งปี นางก็มีหลากหลายความรู้สึกผสมปนเปกันในใจ และรู้สึกอึดอัดอย่างมาก

เพิ่งคุยเรื่องของฉินเย่จือกับกู้เสี่ยวหวานกันเมื่อวานนี้ นางวางแผนที่จะหารือกับป้าจางและให้ญาติของพวกเขาตัดสินใจมาจองตัวไว้ล่วงหน้า

แต่คราวนี้เละเทะไปหมดแล้ว

กู้เสี่ยวหวานยังคงสงบนิ่ง เมื่อเห็นว่าที่นั่งของฉินเย่จือที่เคยนั่งนั้นว่างเปล่า ก็รู้สึกเหมือนมีชิ้นส่วนที่ขาดหายไป หัวใจของนางรู้สึกว่างเปล่า

แม้ไม่มีฉินเย่จือ แต่ชีวิตของกู้เสี่ยวหวานก็ยังคงอยู่

แค่วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้าในอีกไม่ถึงสามเดือน โนเวล-พีดีเอฟ

แต่กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกราวกับผ่านไปสามปี

แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย

เมื่อฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิ กู้เสี่ยวหวานมองดูปฏิทินง่าย ๆ ที่นางทำขึ้น และเป็นเวลาสี่เดือนแล้วที่ฉินเย่จือจากไป

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว นางจึงมีสิ่งที่ต้องทำที่บ้าน

จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็มีบางสิ่งที่จะเบี่ยงเบนความสนใจขอนาง

ในปีนี้กู้เสี่ยวหวานและป้าจางกำลังปลูกต้นกล้ามันเทศ ชาวนาผู้เช่าเกือบทั้งหมดมาหากู้เสี่ยวหวานเพื่อรับต้นกล้าไปปลูก

มันเทศต้นเดียวสามารถปลูกต้นกล้ามันเทศได้หลายสิบต้นหากปลูกอย่างเหมาะสม

ต้นอ่อนมันเทศเติบโตขึ้นและกลายเป็นเถายาว ซึ่งสามารถตัดเป็นต้นกล้าได้หลาย ๆ ต้น

แต่คราวนี้หลิวจือเสี้ยนก็พูดเช่นกัน

ภายในปีนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เช่าต้องการปลูกมันเทศในเมืองรุ่ยเสียน

โชคดีที่กู้เสี่ยวหวานยังมีมันเทศอีกหลายหมื่นชั่ง ดังนั้นหากได้รับการปลูกอย่างดีก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา กู้เสี่ยวหวานและป้าจางอยู่ในทุ่งนาทุกวัน และพวกนางทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ

ผู้เช่าบางคนก็มาที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานเพื่อช่วยกู้เสี่ยวหวานทำสิ่งต่าง ๆ

เพียงรอให้ต้นกล้าโตขึ้นก่อนย้ายไปเพาะปลูก

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นอีก

วันนี้กู้เสี่ยวหวานมาที่ทุ่งเพื่อดูต้นกล้ามันเทศที่ปลูกไว้ แต่นางต้องประหลาดใจที่พบว่าต้นกล้ามันเทศจำนวนมากถูกดึงออกมา

โจรพวกนั้นเองก็ฉลาดเช่นกัน เขาไม่ได้ดึงจากทุ่งนาทั้งหมดที่เดียว แต่แบ่งดึงทุกนา ดึงที่ละนิด ที่ละหน่อย เมื่อคิดรวม ๆ กันแล้วก็ถือว่าเป็นจำนวนมากอยู่

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่” กู้เสี่ยวหวานถามเมื่อเห็นพื้นที่ว่าง

จากนั้นพบคนหนึ่งและพบอีกคนหนึ่ง

ในการเพาะกล้ามันเทศนั้น ระยะปลูกจะใกล้เคียงกัน

มีพื้นที่ว่างซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่คุ้นเคย

“เกิดอะไรขึ้น?” ป้าจางผู้ที่ไม่รู้เรื่อง นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและชี้ไปที่ช่องว่างบนผืนนา

“มันถูกดึงออกมาจากที่นี่และที่นั่น” กู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่ส่วนที่ว่างตรงกลางช่องว่าง สีหน้าของนางมืดลง

“มีคนดึงมันออกมาหรือ?” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นประหลาดใจ

“ใช่แล้ว และคนผู้นี้ยังฉลาดมาก เขาไม่ได้ดึงออกมาทั้งหมดพร้อมกันเพราะกลัวว่าจะถูกค้นพบ ดูที่นี่และดูที่นั่น สถานที่หนาแน่นถูกดึงออกมาเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามันไม่หายไป”

ล้อเล่นหรือเปล่า? แค่อุบายที่พยายามหลอกนางที่มีใบปริญญาเอกด้านเกษตร

ไม่ได้ดูสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานทำในชีวิตที่แล้ว

ไม่จำเป็นต้องพูดว่าพวกที่กินและนอนบนดิน นั่นคือยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน มีพวกที่ทำรังอยู่ในดินเป็นเวลาสิบสี่ชั่วโมง

ไม่ใช่ในพื้นที่ แต่อยู่ในห้องทดลอง

อยากจะแสร้งหลอกนาง นั่นยังเร็วไป

เมื่อวานตอนนางมาถึง กู้เสี่ยวหวานยังไม่ได้สังเกตเห็น แต่วันนี้นางกลับค้นพบมัน สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

กู้เสี่ยวหวานยังคงไม่แสดงสีหน้าอะไรและมองไปรอบ ๆ โชคดีที่มีเพียงป้าจาง กู้ฟางสี่ ฉือโถว และอาโม่เท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่นางพูด

กู้เสี่ยวหวานมีแผนในใจของนางเมื่อมองไปที่รูเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่า

ในขณะนี้ นางกลับบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยามค่ำคืน มองไปข้างนอกไม่เห็นอะไรนอกจากแสงจันทร์

และทางด้านข้างของอาโม่ ในขณะนี้ก็มีเสียงแหลมคำรามออกมา

“เจ้าอย่าแตะต้องข้า ข้าเป็นป้าของกู้เสี่ยวหวาน” เป็นเสียงของเฉาซินเหลียน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท