บทที่ 898 สงสารเจ้า
บทที่ 898 สงสารเจ้า
เรื่องสำคัญ…
“เรื่องสำคัญอันใดงั้นหรือ?” ครั้นเฉาซื่อได้ยินเช่นนี้ก็ดึงดูดความสนใจนางได้ ทันทีที่ผ้าคลุมถูกเปิดออก ดวงตาของนางเบิกกว้างราวกับพร้อมจะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของกู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างไร” ซุุนซื่อจงใจเลื่อนสิ่งของนั้นออกไป
เมื่อเฉาซื่อได้ยินเช่นนี้ ก็กล่าวว่า “ข้าจะรู้ได้อย่างไร เรื่องของนางมันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ?”
นังเด็กบ้าคนนั้นถูกมัดไว้กับเสา แต่สุดท้ายก็ถูกช่วยชีวิตไปได้
และชายที่ชื่อฉินเย่จือสามารถเหาะได้!
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายในวันนั้น ฉินเย่จือดีดตัวเบา ๆ ก็ลอยขึ้นบนอากาศราวกับเทพเจ้าตกมาจากสวรรค์ จากเหาะขึ้นไปและช่วยกู้เสี่ยวหวานลงมา
เดิมที่คนที่ควรจะตายกลับหนีรอดไปได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉาซื่อก็รู้สึกหดหู่ใจ
แต่ตอนนี้กลับได้ยินซุนซื่อถามว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างไรบ้าง
เฉาซื่อต้องการจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ในเวลานั้นกู้เสี่ยวหวานไม่ตาย แต่มีสภาพร่อแร่ จากนั้นมา นางไปที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานเพื่อหาบางอย่าง นอกจากเสื้อผ้า เครื่องนอน และอาหาร ไม่มีสิ่งของมีค่าใดเลย
เฉาซื่อโกรธเคืองเป็นอย่าง ฉวยโอกาสตอนที่ชาวบ้านกำลังชุลมุน ย้ายอาหารทั้งหมดจากบ้านของกู้เสี่ยวหวาน โชคดีที่บ้านของนางมีการเก็บเกี่ยวเล็กน้อย หากแต่ก็ไม่พบเงินแม้แต่เหรียญเดียว
เกรงว่าเด็กคนนั้นจะซ่อนเงินไว้ที่ตัวก่อนหน้านั้น และตัวเองควรจะไปดูนางตอนที่ถูกขังอยู่ในห้องโถงบรรพชน
เฉาซื่อกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ซุนซื่อไม่รู้ แต่เมื่อเห็นว่าท่าทีของนางดูเฉยเมย ซุนซื่อก็รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย
“ช่วงนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าไม่รู้สักนิดเลยหรือ?” ซุนซื่อยังคงถามอย่างระมัดระวัง
“ข้าไม่รู้และก็ไม่อยากรู้ด้วย เด็กหญิงคนนั้นคือหายนะของตระกูลกู้ของเรา นางถูกวิญญาณเข้าสิงจริง ๆ ถุย! ไม่รู้ว่าโชคร้ายแค่ไหนที่เป็นญาติกับนาง ไฟแรงขนาดนั้นยังเผานางไม่ตาย และเจ้าหมอดูตัวเหม็นนั่นยังบอกว่าวิญญาณในร่างนางตกใจจนหนีไปแล้ว ใครมันจะไปเชื่อกัน” คำพูดที่ออกมาจากปากเฉาซื่อไม่มีคำพูดดี ๆ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางอาจเชื่อว่ากู้เสี่ยวหวานถูกวิญญาณเข้าสิ่ง และไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป
“น้องสะใภ้ เจ้าไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับกู้เสี่ยวหวาน แต่ตัวข้าพอจะรู้มาบ้าง” ซุนซื่อมองไปที่สีหน้าเฉยเมยของเฉาซื่อ และพูดต่อว่า “สาวน้อยคนนั้น ตอนนี้ร่ำรวยขึ้นเรื่อย ๆ และยังสร้างบ้านแถบชานเมืองอีกด้วย”
“ว่าอย่างไรนะ” เมื่อเฉาซื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานร่ำรวยขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ได้สนใจนัก แต่ตอนนี้ดวงตาของนางกลับเปล่งประกาย “จริงหรือ? นางสร้างบ้านในเมืองจริงหรือ? ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ พี่ใหญ่ทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านอาหารมาหลายปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเทียบกับหลานสาวตนเองไม่ติด”
เฉาซื่อมองซุนซื่อด้วยใบหน้าเหยียดหยามราวกับจะบอกว่ามันน่าอายจริง ๆ ที่ทั้งครอบครัวทุกคนด้อยกว่าสาวน้อยคนนั้น
“…”
ซุนซื่ออ้ำอึ้งพูดไม่ออก เมื่อเห็นซุนซื่อแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ นางก็ไม่รู้จะพูดสิ่งใดแล้วจริง ๆ
“เด็กคนนั้นเอาเงินมากจากไหนกัน?” เฉาซื่อถามอย่างกังวลใจ
ซุนซื่อจ้องมองนางอย่างโกรธเคือง “ทำไมล่ะ เจ้าอยากจะเรียนรู้จากนางงั้นหรือ? ข้าจะบอกให้ แม้ว่าเจ้าจะเรียนอีกร้อยปี เจ้าก็ไม่อาจเทียบนางได้”
“ทำไมข้าถึงอยากเรียนด้วย ข้าเป็นอาสะใภ้ของนาง เมื่อนางมีชีวิตที่ดี กินดี อยู่ดี ข้าจะพาลูกสองคนไปร้องไห้อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร อย่างไรนางก็ควรจะให้เงินแก่ข้าบ้าง นางร่ำรวยแล้ว เงินแค่เพียงเล็กน้อยของนาง น่าจะเพียงพอสำหรับข้าที่จะใช้จ่ายเป็นเวลาครึ่งปี” การแสดงออกที่ไม่ไยดีของเฉาซื่อดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่จะไปทำตัวเช่นนั้นที่บ้านกู้เสี่ยวหวาน
คราวนี้ซุนซื่อพูดไม่ออก และได้แต่เยาะเย้ยในใจ เจ้าวาดฝันเอาไว้สวยงามจนเกินไปแล้ว
สมองของเฉาซื่อถูกลาเตะเข้าหรืออย่างไร นางไม่รู้หรือว่าก่อนหน้านี้นางปฏิบัติต่อครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานอย่างไร?
กู้เสี่ยวหวานจะเต็มใจยอมให้เงินนางได้อย่างไร
เว้นเสียแต่ว่าพระอาทิตย์จะขึ้นจากทางทิศตะวันตก
อย่างไรก็ตาม ซุนซื่อจะไม่ขัดขวางความกะตือรืนร้นของเฉาซื่อ นางต้องการให้เฉาซื่อสร้างปัญหาให้กับกู้เสี่ยวหวาน
“น้องสะใภ้ ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานมีที่ดินอุดมสมบูรณ์หนึ่งร้อยหมู่และมีบ้านหลังใหญ่ ชีวิตของนางดีกว่าเจ้าและข้า” ซุนซื่อกล่าวอย่างฉุนเฉียว
ใช่แล้ว… ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านจิ่นฝู เงินเดือนของนางสูงกว่ากู้ฉวนลู่ครึ่งหนึ่ง
ซุนซื่อยังจำได้ว่า เมื่อกู้ฉวนลู่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านจิ่นฝู และรู้ว่านางได้รับเงินเดือนเท่าไร เขาก็ขว้างแก้วในมือทิ้งด้วยความโกรธ
ใบหน้าของเขาดำมืดราวกับก้นหม้อ มือกำหมัดแน่น เส้นเลือดบนมือของเขาปูดโปนออกมา ไม่บอกก็รู้ว่าน่ากลัวแค่ไหน
เห็นได้ชัดว่ากู้ฉวนลู่รู้สึกว่าอำนาจของเขาถูกสั่นคลอน ในอดีตเขาเป็นบัณฑิตเพียงคนเดียวในหมู่บ้าน และเป็นคนเดียวที่ทำสิ่งที่ดีเช่นนี้ในเมือง ตอนนี้เด็กสาวยังไม่โตคนนี้กลับมาทำลายมันลง เขาจะไม่โกรธเช่นนี้ได้อย่างไร
“พี่สะใภ้ รีบบอกข้ามา รีบบอกข้าเร็วเข้า” เฉาซื่อไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของนางได้
ซุนซื่อเล่าให้เฉาซื่อฟังทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน แน่นอนว่ามีบางอย่างที่นางไม่รู้ แต่นางยังเติมเชื้อไฟลงไปด้วย บรรยายถึงชีวิตปัจจุบันของกู้เสี่ยวหวานว่าดีเช่นไร และนั่นทำให้เฉาซื่ออิจฉา
“นังเด็กบ้าคนนั้น ตอนนี้นางกำลังมีชีวิตที่ดี”
“นั่นน่ะสิ ไม่ต้องพูดถึงนาง แม้แต่ตระกูลจางยังบินขึ้นกิ่งไม้และกลายเป็หงส์ พวกเขาได้กินอาหารที่ดีกับกู้เสี่ยวหวานตลอดทั้งวัน” ซุนซื่อบ่นพึมพำ
เมื่อเฉาซื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็แทบจะกระโดดขึ้น “ทำไมตระกูลจางถึงได้อาศัยอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน หากนางอยู่ได้ ข้าก็ต้องอยู่ได้” หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็พลันรู้สึกไม่ดี ดังนั้นจึงเปลี่ยนคำพูด “ไม่ใช่สิ พวกเราก็จะอยู่ด้วย”
เมื่อซุนซื่อได้ยินคำพูดที่เปลี่ยนไปของเฉาซื่อก็รู้ว่าหมายถึงอะไร จึงรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้ามีบ้านอยู่ในเมือง ไม่สำคัญว่าข้าจะไปอยู่หรือไม่ไป แต่ตระกูลกู้ตอนนี้มีเพียงครอบครัวของเจ้าเท่านั้นที่ยังอยู่ในหมู่บ้าน สาวน้อยเสี่ยวหวานคนนั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องช่วยเจ้าใช่หรือไม่”
คำพูดของซุนซื่อฝังลึกลงในหัวใจของเฉาซื่อ นางพยักหน้าซ้ำ ๆ “พี่สะใภ้พูดได้ถูกต้อง พี่สะใภ้บอกว่าตอนนี้พี่ใหญ่และครอบครัวของพี่สะใภ้ก็เป็นบุคคลสำคัญในเมืองเช่นกัน จะไปต้องการสิ่งของของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร”
ผู้หญิงคนนี้…