บทที่ 902 ภัยพิบัติ
บทที่ 902 ภัยพิบัติ
แต่กู้จือเหวินและกู้ซินเถายังสบายดี เมื่อกู้ฉวนลู่ถูกคุมขัง พวกเขาเอาเงินจำนวนหนึ่งเดินทางไปเมืองรุ่ยเสียนเพื่อเยี่ยมกู้ฉวนลู่
กู้ฉวนลู่ไม่ต้องทรทรมานมากนักเพราะเขามีเงินที่จะมอบให้กับผู้คุม
แต่ในใจกลับเกลียดซุนซื่อแทบตาย
ในที่สุด หลังจากผ่านไปสี่เดือน เขาก็ได้รับการปล่อยตัวจากคุก
จากนั้นเขาก็รู้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากร้านซุ่นซิน เขาเกลียจนอยากจะลอกหนังซุนซื่อแล้วกินเนื้อของนาง
ในเวลานั้น เมื่อกู่ฉวนลู่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากคุก ซุนซื่อปรนนิบัติต่อเขาด้วยความกังวลใจ เพราะกลัวว่าหากนางทำผิดพลาด นางจะได้รับการทุบตีเป็นการตอบแทน
หลังจากที่กู้ฉวนลู่ออกมา เขาก็สูญเสียงานในร้านซุ่นซินไปและครอบครัวของเขาก็ไม่มีแหล่งรายได้ โชคดีที่กู้ซินเถาเอาเงินมาใช้ในครั้งนี้ ดังนั้นกู้ฉวนลู่จึงรู้สึกดีขึ้น
และยกย่องว่ากู้ซินเถาเป็นลูกกตัญญู
ซุนซื่อฟังแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไร
ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา นางขายเครื่องประดับและสินสอดทองหมั้นไปเกือบหมดแล้ว แต่นางแทบไม่สามารถดำรงชีวิตของครอบครัวได้ และกู้ซินเถาก็ไม่ได้ให้นางแม้แต่เหรียญเดียว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซุนซื่อก็รู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นมะระ มันขมไปหมด ขมจนไม่สามารถพูดออกมาได้
กู้ฉวนลู่มีเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างกู้ซินเถากับเจียงหย่วนนั้นดีมาก เขาสามารถหาเลี้ยงชีพด้วยการหลอกเงินเจียงหย่วนได้เป็นครั้งคราว
กู้ฉวนลู่ไม่รีบร้อนที่จะหาอะไรทำในตอนนี้ เขามีแผนเดียวในใจคือแก้แค้นกู้เสี่ยวหวาน และต้องการให้นางถูกคุมขังสี่เดือนเหมือนตนเองบ้าง
และเมืองหลิวเจียในเวลานี้ไม่ปกติอย่างมาก
ประการแรกคือ เกิดภัยแล้งติดต่อกันสามเดือน และจนถึงขณะนี้ฝนก็ไม่ตกเลยแม้แต่หยดเดียว
สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองหลิวเจียมานานหลายทศวรรษ
เนื่องจากเมืองหลิวเจียอยู่ใกล้กับแม่น้ำ แม้ว่าฝนจะไม่ตก แต่พวกเขาก็ยังมีแม่น้ำ และการใช้ชีวิตของผู้คนก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
แต่คราวนี้เมื่อไม่มีฝนตกมาสามเดือนแล้ว และน้ำก็เหือดแห้งจนจะถึงก้นแม่น้ำแล้ว
ปลาและกุ้งที่มีชีวิตก็ได้ตายเกือบหมด เหลือน้ำหยดสุดท้ายก็ยากจะเลี้ยงไว้ได้
ไม่เคยมีสถานการณ์เช่นนี้ในเมืองหลิวเจีย และข่าวลือเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกมากขึ้น และทำให้หัวใจของพวกเขาระสำระส่าย
เกิดภัยพิบัติในเมืองหลิวเจีย
เนื่องจากพวกเขามีดาวหายนะและทำให้สวรรค์พิโรธ แม้แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป
และฝังเมืองหลิวเจียทั้งหมดไว้ด้วยกัน
คำพูดเหล่านี้ไม่มีมูล
ระหว่างทางจากเมืองหลิวเจียไปยังเมืองรุ่ยเสียนมีภูเขาสูงชัน และมีวัดตั้งอยู่อยู่บนภูเขาชื่อว่า วัดอวิ๋นจวี
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางของทางขึ้นเขา ล้อมรอบด้วยป่าไม้ ถูกปกคลุมด้วยเมฆและหมอกในวันธรรมดา ช่างเหมือนดินแดนสวรรค์
ได้ยินมาว่ามีพระชื่อว่า ต้าวซิ่น ในวัดนั้น ผู้ซึ่งสามารถเข้าถึงสวรรค์และโลกได้ และเป็นผู้ที่บรรลุความรู้แจ้ง
เมื่อชายหญิงผู้ซื่อสัตย์บางคนไปนมัสการพระพุทธเจ้าบนภูเขา พวกเขาถามอาจารย์ต้าวซิ่นว่าทำไมไม่มีฝนตกในเมืองหลิวเจียเป็นเวลาสามเดือนติดต่อกัน
เมื่อได้ยินว่าอาจารย์ต้าวซิ่นก็นับนิ้ว และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที โดยบอกว่ามีดาวหายนะกำเนิดขึ้นในเมืองหลิวเจีย ซึ่งทำให้สวรรค์พิโรธ และตอนนี้เหล่าทวยเทพกำลังลงโทษ และเมืองหลิวเจียก็โดนลงโทษทั้งหมดเช่นกัน
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
แม้ว่าเมืองหลิวเจียแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่ แต่ขนาดของมันก็ไม่ได้เล็ก หลังจากคำนวณแล้วมีประชากรนับพันคน
ดาวหายนะอะไร ดาวหายนะที่ไหน
ครั้นเอ่ยถามอีกครั้ง และพระผู้นั้นก็พูดอย่างลึกลับว่าเป็นความลับของสวรรค์ ไม่อาจเปิดเผยได้
ความลับอะไรกัน…
สวรรค์ต้องให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดในเมืองหลิวเจียถูกฝังพร้อมกับดาวแห่งหายนะอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนขอให้อาจารย์ต้าวซิ่น บอกตำแหน่งของภัยพิบัติ แต่อาจารย์ต้าวซิ่นหลับตาและปฏิเสธที่จะพูดอะไรอีก
เรื่องนี้เป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเมืองหลิวเจีย
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันและเหตุการณ์ก็ทวีความรุนแรงขึ้น เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่า ใครคือดาวแห่งความหายนะ
อย่างไรก็ตาม ใครคือดาวหายนะ หากอาจารย์ต้าวซิ่นไม่พูดอะไร ใครจะกล้าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้
ในท้ายที่สุด เมืองหลิวเจียได้ส่งตัวแทนสองสามคนไปที่ศาลาว่าการเพื่อไปพบลวี่เทาและบอกเรื่องนี้ เมื่อลวี่เทาได้ยินว่ามีดาวหายนะในเมืองหลิวเจียที่ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ไม่มีฝนตก และผู้คนกำลังจะตาย
ลวี่เทากล่าวทันทีว่าเขาต้องเชิญอาจารย์ต้าวซิ่นลงมาเพื่อกำจัดดาวหายนะในเมืองหลิวเจีย
แม้กู้เสี่ยวหวานไม่ได้อยู่ในเมือง แต่นางก็อยู่ในร้านจิ่นฝูทุกวัน นางจึงได้ยินเรื่องซุบซิบมากมาย
กู้เสี่ยวหวานมีลางสังหรณ์ไม่ดีเสมอเมื่อได้ยินว่าพระรูปหนึ่งบอกว่าเมืองหลิวเจียฝนไม่ตกติดต่อกันสามเดือนเนื่องจากภัยพิบัติ
ทางด้านของลวี่เทา หลังจากทำข้อตกลงกับผู้คนคนเมืองแล้ว ก่อนรุ่งสางของวันที่สิบห้า เขาทำความสะอาดตัวเอง สวมชุดลำลอง และเดินทางมาที่เชิงเขา เมื่อมาถึงก็กราบสามครั้งและคำนับเก้าครั้ง*[1] ก่อนจะเดินขึ้นเขาไป
เมื่อเห็นว่าลวี่เทาเคร่งในศาสนา ผู้ที่บ่นเกี่ยวกับเขาก็พูดไม่ออก
ทุกคนบอกว่าลวี่เทาเป็นขุนนางที่ดีและหาได้ยาก
ลวี่เทากราบสามครั้งและคำนับเก้าครั้ง จากนั้นไปที่วัดอวิ๋นจวีเพื่อพบอาจารย์ต้าวซิ่น
เป็นเรื่องลำบากยากเข็ญ
เขาให้ความสำคัญกับชีวิตของคนทั่วไปในเมืองหลิวเจียเป็นลำดับความสำคัญสูงสุด เขาคุกเข่าลงต่อหน้าอาจารย์ต้าวซิ่น และเชิญเขาไปที่เมืองหลิวเจียเพื่อกำจัดดาวหายนะ
เมื่ออาจารย์ต้าวซิ่นเห็นว่าลวี่เทารักประชาชนราวกับลูกของเขาเอง และเมื่อคิดว่าตนเองก็เป็นชาวพุทธด้วยกัน และเขาต้องคิดถึงชีวิตของผู้คน ดังนั้นจึงตอบตกลงทันที
ผู้คนในเมืองหลิวเจียรออยู่ที่เชิงเขา เฝ้าดูลวี่เทานำอาจารย์ต้าวซิ่นลงมาจากภูเขาด้วยความเคารพ และเต็มไปด้วยผู้คนส่งเสียงโห่ร้อง
อาจารย์ต้าวซิ่นสวมกาสาวพัสตร์*[2] เพื่อให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นพระผู้สูงส่งเมื่อเห็นมัน
เมื่อมาถึงเมืองหลิวเจีย อาจารย์ต้าวซิ่นก็กล่าวว่ามีภัยพิบัติในเมืองหลิวเจีย แต่มันอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง เขาจึงทำได้เพียงเดินไปตามถนนในเมืองหลิวเจียกับชายฉกรรณ์หลายคน
ว่ากันว่าเขาสามารถมองหาดาวหายนะบนท้องถนนได้
พลังหยางของชายที่ฉกรรณ์เหล่านั้นแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานพลังของดาวหายนะได้
ทุกคนเชื่อในแนวทางของอาจารย์ต้าวซิ่น และบางคนที่กล้าได้กล้าเสียก็เดินตามไปข้างหลังด้วยต้องการดูว่าดาวหายนะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
หลังจากเดินไปตามถนนแล้ว ฝีก้าวของอาจารย์ต้าวซิ่นก็ไม่เคยหยุด
เมื่อเขากำลังจะไปถึงร้านจิ่นฝู ทันใดนั้นฝีก้าวของอาจารย์ต้าวซิ่นก็เร่งขึ้น และเขาก็มาถึงประตูของร้านจิ่นฝูอย่างรวดเร็ว
*[1] ใช้บูชาเทพ
*[2] ผ้าเหลืองของพระภิกษุสงฆ์
——————————————-