บทที่ 908 ภัยแล้งรุนแรง
บทที่ 908 ภัยแล้งรุนแรง
ซุนซื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
ตอนนี้กู้จือเหวินยังคงเรียนอยู่สำนักศึกษา ส่วนกู้ซินเถาออกไปข้างนอกกับเจียงหย่วน
กู้ฉวนลู่ปัดถ้วยชาทั้งหมดบนโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด แก้วใบเล็กใบน้อยตกลงจากโต๊ะกระแทกพื้นจนแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กน้อย ๆ
น้ำชาสาดกระเซ็นไปทั่ว
เสียงดังโครมครามทำให้หัวใจของซุนซื่อเต้นไม่เป็นจังหวะ ครั้นมองไปที่กู้ฉวนลู่ที่กำลังโกรธจัด นับว่าครั้งแรกที่นางมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจ
“เหตุใดเจ้ายังยืนบื้ออยู่ตรงนั้น รินชาให้ข้าสิ! เจ้าอยากให้ข้ากระจายน้ำจนตายหรือไร?” เมื่อเห็นว่าซุนซื่อยืนนิ่งราวกับท่อนไม้โดยไม่พูดสิ่งใด และไม่เข้าใกล้ตน กู้ฉวนลู่ก็ตวัดเสียงดังลั่นระบายความโกรธ
เขาจ้องมองซุนซื่อด้วยสายตาที่สามารถฉีกคนเป็นชิ้น ๆ ความมาดร้ายในแววตาของเขาดูเหมือนจะกลืนกลิ่นซุนซื่อเข้าไป
ซุนซื่อตอบรับอย่างยอมจำนน ถ้วยชาทั้งหมดในห้องถูกกู้ฉวนลู่ทำแตกหมดแล้ว พวกมันใช้งานไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงต้องเข้าครัวเพื่อชงชาใหม่
แต่คราวนี้กลับย่ำแย่กว่าเดิม เมื่อนางใช้เวลานานเกินไปกู้ฉวนลู่ก็โกรธมากขึ้น
“เจ้ามันเป็นคนไร้ประโยชน์ แค่ชงชาจะต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยหรือ?” กู้ฉวนลู่สาปแช่ง ความสง่างามของบัณฑิตมากความรู้มลายหายไป
ซุนซื่อไม่เคยเห็นกู้ฉวนลู่สติขาด และมีท่าทางที่ไม่ได้รับการสั่งสอนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก่อน ในขณะนี้กู้ฉวนลู่เป็นเหมือนสิงโตที่กำลังโกรธซึ่งอาจพุ่งเข้าใส่นางและฉีกนางเป็นชิ้น ๆ ได้ทุกเมื่อ
ซุนซื่อไม่กล้าปริปากตอบ นางทำได้เพียงพิงเสาและหลบไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ท่าทางที่ยอมจำนนเช่นนั้นทำให้กู้ฉวนลู่โกรธยิ่งขึ้น
เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เนื่องจากมันเพิ่งถูกยกออกมาจากเตาและยังคงร้อนกรุ่น จึงทำให้มันลวกมือของเขา กู้ฉวนลู่อ้าปากค้างและโยนถ้วยลงไปที่เท้าของซุนซื่อ
น้ำที่ร้อนจี๋สาดกระเซ็นลงบนรองเท้าผ้าปักลาย ซึมลงบนเท้าเปลือยเปล่าของนาง ทำให้ซุนซื่อสะดุ้งโหยงด้วยความแสบร้อน
“สามี…” ซุนซื่อร้องโอดครวญ
กู้ฉวนลู่ไม่แม้แต่จะมองหน้าภรรยา และทำตัวราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของนาง เขาเดินวนไปวนมาภายในห้องและพึมพำไม่หยุด
เกิดความแห้งแล้งอย่างรุนแรงในเมืองหลิวเจียซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายทศวรรษ และอาจารย์ต้าวซิ่นเป็นพระภิกษุที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัศมีหลายสิบลี้ และผู้คนต่างก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
ตราบใดที่อาจารย์ต้าวซิ่นกล่าวว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นดาวหายนะ ดาวหายนะที่ก่อให้เกิดความแห้งแล้งอย่างรุนแรงในเมืองหลิวเจีย ผู้คนจะเชื่ออย่างแน่นอน โนเวล-พีดีเอฟ
ตราบใดที่คนทั่วไปเชื่อว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นดาวหายนะจริง ๆ เพราะนางทำร้ายตัวเองและครอบครัวของตัวเอง กู้เสี่ยวหวานจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ใครจะคิดว่าอาจารย์ฮุ่ยหย่วนจะมาปรากฏตัวระหว่างทาง แม้ว่าจะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินมาว่าท่านเป็นบุคคลในตำนาน
ครั้นเมื่ออาจารย์ฮุ่ยหย่วยอายุเพียงยี่สิบปี เขาถ่องแท้ในพระพุทธศาสนา เขาเดินทางไปทั่วอาณาจักรเพื่อแสดงพระธรรมเทศนา และช่วยโปรดสรรพสัตว์
เขาอุทิศตนเพื่อรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คน หลายทศวรรษที่ผ่านมามีโรคระบาดแพร่ระบาดไปทุกหนทุกแห่ง อาจารย์ฮุ่ยหย่วนไปยังพื้นที่เกิดโรคระบาดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อหาสมุนไพร ปรุงยาแก้พิษ และช่วยเหลือชีวิตผู้คน ในที่สุดโรคระบาดสิ้นสุดลง
เป็นเพราะความรู้สึกแบบนี้ที่มีต่อโลกและพระพุทธศาสนาอันงดงาม เมื่ออายุได้สี่สิบปี ท่านจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสของวัดเซียงกั๋ว ท่านเพียงเทศนาคัมภีร์ลัทธิเต๋าแก่ฮองเต้และฮองเฮา
เดิมทีในวันปกติ เขาเดินทางไปทั่วอาณาจักรเพื่อช่วยโปรดสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เขาเคยได้ยินแต่ตำนาน แต่ไม่เคยพบเจอตัวจริง
แต่วันนี้ด้วยความบังเอิญเขาได้พบอีกฝ่ายด้วยตัวเอง และกู้ฉวนลู่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย
“อีกนิดเดียวเท่านั้น การที่มีคนมาขวางข้าทำให้ข้าโกรธมาก” กู้ฉวนลู่ไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้ จึงได้แต่เดินวนไปวนมาด้วยความกระวนกระวายอยู่ภายในห้อง
บรรยากาศภายในห้องคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ
ซุนซื่อยืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองสามีด้วยสายตาหวาดกลัว นอกจากความหวาดกลัวแล้ว ในใจยังมีความผิดหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สำหรับกู้เสี่ยวหวาน นับตั้งแต่ฟังอาจารย์ฮุ่ยหย่วนเทศน์ นางฟังก็รู้สึกว่าร่างกายของนางราวกับได้เกิดใหม่
การฟื้นคืนชีพทำให้นางได้รับชีวิตที่มีค่า
กิจการของร้านจิ่นฝูดีขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ากิจการร้านอาหารอื่น ๆ ถูกทิ้งห่างไปนับพันลี้
ร้านอาหารบางแห่งไม่มีลูกค้า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องปิดร้านลงเป็นธรรมดา
และในวันที่สองหลังจากอาจารย์ฮุ่ยหย่วนจากไปก็เกิดฝนตกหนักในเมืองหลิวเจีย แม้ว่าจะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่เนื่องจากฝนโหมกระหนำมาอย่างนัก มันจึงแก้ไขความแห้งแล้งของทั้งเมืองได้
ต้นกล้ามันเทศในที่นาได้รับหยาดน้ำฝนอันสดชื่อก็ราวกับได้เกิดใหม่
มันเทศทนแล้งและสามารถเก็บน้ำฝนได้หลายวัน
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าการเก็บเกี่ยวในปีนี้จะน้อยลง แต่จะได้ผลดีกว่าปลูกอย่างอื่นแน่นอน
แต่เนื่องจากฝนตก ในเมืองหลิวเจียดูเหมือนจะมีผู้คนเพิ่มขึ้นในชั่วข้ามคืน
ปรากฏว่าพวกเขาเป็นผู้ประสบภัยจากที่อื่น ๆ พืชผลที่บ้านเหี่ยวแห้งตายไม่เหลือ และปีนี้ไม่มีการเก็บเกี่ยว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอ้อนวอนขออาหารตลอดทางในเมืองหลิวเจีย
เกษตรกรส่วนใหญ่ในเมืองหลิวเจียปลูกต้นกล้ามันเทศ โชคดีที่มันเทศทนแล้งได้และมันเทศก็เติบโตเป็นอย่างดี นอกจากนี้กู้เสี่ยวหวานยังคิดค้นอาหารซึ่งทำให้เกิดความนิยมอีกครั้งในเมืองหลิวเจีย
พื้นดินแห้งแล้ง พืชผลอื่น ๆ ที่ปลูกไว้ล้วนเกือบตายทั้งหมด ผักต่าง ๆ เหี่ยวเฉา ที่นี่จึงมีอาหารน้อยลง แต่ที่นั่นมีอาหารมากขึ้น
ใบและลำต้นของมันเทศกินได้ และต้นอ่อนของมันเทศที่สั้นที่สุดก็ยาวพอ ๆ กับต้นข้าว ใบเขียวขจีหนาทึบแทบจะปกคลุมทั่วพื้นที่จนมองไม่เห็นพื้นดิน
การเติบโตและใบไม้ที่หนาแน่นเพียงพอสำหรับการปันส่วนของครอบครัว
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อดตาย
ยิ่งไปกว่านั้น กู้เสี่ยวหวานยังบอกชาวนาด้วยว่า ก้านและใบของมันเทศไม่สามารถเด็ดจากเถาเดียวกันได้เสมอไป มิฉะนั้นจะทำให้ได้มันเทศขนาดเล็กหรือไม่ได้เลย แต่การเด็ดที่เหมาะสมจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อผลผลิต
สิ่งนี้ทำให้ทั้งเมืองหลิวเจียและเกือบทั้งเมืองรุ่ยเสียนตกอยู่ในความประหลาดใจครั้งใหม่
ในช่วงหน้าแล้ง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พืชผลจะเก็บเกี่ยวไม่ได้ แต่เวลานี้ต้นมันเทศยังโตอยู่สามารถเก็บลำต้นและใบไว้กินได้ คนทั่วไปจะไม่ชอบมันได้อย่างไร
เวลานี้พื้นที่ทางตอนใต้แห้งแล้ง พืชผลตายหมดและหมู่บ้านว่างเปล่าทุกหนทุกแห่ง
——————————————-