ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 938 เขาเข้ามาได้อย่างไร

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 938 เขาเข้ามาได้อย่างไร

บทที่ 938 เขาเข้ามาได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ด้านในใบหน้าก็แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม

กู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบของกู้หนิงผิงดังขึ้นข้างนอก และก้มมองร่างกายของตน

ตนเองสวมยังคงสวมเพียงชุดนอน อีกทั้งผมเผ้ายังกระเซอะกระเซิง หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง ปากก็ยังไม่ได้บ้วน พวกเขาไม่เจอกันถึงหนึ่งปีจะออกไปเจอกันด้วยสภาพนี้ได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย แต่ประตูห้องของนางถูกลงกลอนไว้ ดังนั้นกู้หนิงผิงจึงไม่สามารถเข้ามาได้

ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงผุดลุกขึ้นจากเตียงกุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้า นางมักจะรู้สึกว่าเครื่องแต่งกายของยุคโบราณนั้นยุุ่งยากเสมอ

เมื่อก่อนตอนที่นางไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้า นางมักจะสวมเสื้อผ้าสีเทาชุดหนึ่ง และสวมเพียงชุดเดียวก็เสร็จแล้ว

แต่เมื่อที่บ้านมีเงินมากขึ้น แม้ว่าเครื่องแต่งกายจะยุ่งยากไปเล็กน้อย หากแต่มันก็ยังงดงาม

กู้เสี่ยวหวานไม่จำเป็นต้องทำอะไรในวันธรรมดา และเสื้อผ้าที่ใส่ในวันธรรมดาก็ค่อนข้างยุ่งยากเช่นกัน แต่พอใส่ไปไม่กี่ครั้งก็เริ่มรู้สึกชินขึ้นมา

และวันธรรมดานางจะต้องแต่งตัวเอง

แต่คราวนี้เป็นเพราะนางเอาแต่คิดถึงคนที่อยู่ด้านนอก ทั้ง ๆ ที่พวกเขาได้เจอกันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน หากแต่ก็ยังมองเห็นได้ไม่ชัดเจน ครั้งนี้จึงถือเป็นการพบกันครั้งแรกอีกครั้งอย่างเป็นทางการ

ตัวเองอายุมากขึ้นกว่าเดิม และไม่สามารถเพิกเฉยต่อรูปร่างหน้าตาเหมือนแต่ก่อนได้อีกต่อไป

ดังคำกล่าวที่ว่านักรบยอมตายได้เพื่อสหายรู้ใจ สตรีตั้งใจแต่งกายงดงามเพื่อคนที่ชอบ

และตอนนี้กู้เสี่ยวหวานก็เป็นเช่นนั้น

เช่นเดียวกับกู้เสี่ยวหวานในชาติที่แล้ว นางให้ความสนใจอย่างมากกับรูปร่างหน้าตาของตนเอง

หญิงสาวคนหนึ่ง แม้กับรูปร่างหน้าตาของตัวเองก็ไม่สามารถจัดการให้ดีได้ แล้วจะทำงานให้ดีได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนสกปรก ตรงกันข้ามนางกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานรีบสวมเสื้อผ้า แต่ผมเผ้านางไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงหวีมันอย่างลวก ๆ เท่านั้น

กู้หนิงผิงยืนอยู่หน้าประตูและตะโกนเรียนอย่างร้อนใจ “ท่านพี่ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเสร็จล่ะ ท่านพี่รีบออกมาดูสิว่าที่บ้านของเรามีใครมา”

กู้เสี่ยวหวานส่งเสียงตอบกลับไปว่าใกล้เสร็จแล้ว โนเวล-พีดีเอฟ

กู้เสี่ยวหวานสำรวจแน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกบนใบหน้า และผมที่ไม่ค่อยจะเป็นทรงนัก หากแต่ก็ไร้หนทางทำได้แค่ไปแบบนั้น

หลังจากกู้เสี่ยวหวานแต่งตัวเสร็จ นางก็ยิ่งหยุดนิ่งอยู่หน้าประตู สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปลดกลอนประตู

ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างช้า ๆ แสงแดดอบอุ่นสาดส่องเข้ามาทำให้ภายในห้องอบอุ่นขึ้นทันที

และตรงข้ามนางมีชายสวมชุดคลุมยาวสีดำยืนอยู่

รอยยิ้มงดงามราวกับดอกไม้เบิกเบาน

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานพร่ามัว

ในขณะนี้นางเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของฉินเย่จือ และจดจำมันไว้ในใจ

ไม่ได้เจอเขามาหนึ่งปีแล้ว และร่างกายของเขาก็สูงขึ้นมากกว่าเดิม เสื้อผ้าของเขาทั้งหมดนางเปรียบเทียบกับเสื้อผ้าที่เขาสวมก่อนหน้านี้ และมันก็ยาวขึ้นเล็กน้อย

เดิมทีนางคิดว่ามันจะใหญ่เกินไป และไม่พอดีตัวกับเขา แต่ไม่ได้คาดคิดว่าเสื้อผ้าจะพอดีกับตัวเขาอย่างพอดิบพอดี

ไม่มากไปหรือน้อยไป

ฉินเย่จือจ้องมองเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าของตนเอง

งดงามราวกับดอกไม้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เขาไม่ได้พบนางมานานเป็นปี และแมวตัวนี้ก็น่ารักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

ดวงตาสีดำกลมโตคู่นั้นเหมือนแมวตัวน้อย มันยังคงเหมือนเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับแก้วกระทบแสง

และส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นมากจากเดิม

เค้าโครงของใบหน้าดูโตขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

ก่อนหน้านี้ยังคงมีใบหน้าอมสีชมพูเล็กน้อย แต่ตอนนี้สามารถมองเห็นโครงหน้าที่ชัดเจนได้

นางสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีแดงสด ท่อนล่างสวมกางเกงกระโปรงสีดำ กางเกงกระโปรงเหล่านี้ถูกคิดค้นโดยกู้เสี่ยวหวาน

เนื่องจากนางไม่สะดวกที่จะใส่กระโปรงอย่างเดียว จึงเย็บเส้นแบ่งระหว่างกระโปรง และแบ่งกระโปรงออกเป็นสองฝั่งจนกลายเป็นขากางเกง

เครื่องแต่งกายประเภทนี้ดูเรียบง่ายและธรรมดา แต่ก็มีเสน่ห์ที่ผู้คนไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เสน่ห์แบบนั้นอาจมาจากตัวของนางเอง ราวกับว่ามันเกิดมาพร้อมกับนาง

ทั้งสองต่างอยู่ในอาการตกตะลึง

กู้หนิงผิงยังคงตะโกนอยู่ด้านข้าง “ท่านพี่ตกใจใช่หรือไม่ อาจารย์กลับมาแล้ว อาจารย์กลับมาแล้ว”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินคำพูดของกู้หนิงผิง นางก็กลับมามีสติและตระหนักว่าสติของตนหลุดลอยออกไป ดังนั้นนางจึงมองไปที่กู้หนิงผิงที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข และพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคงมีความสุขมาก ข้าจะให้อาจารย์ทดสอบทักษะของเจ้าในภายหลังว่าการฝึกศิลปะการต่อสู้ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

อย่างไรก็ตาม กู้หนิงผิงไม่ได้หวั่นกลัว เขายืดตัวตรง ตบหน้าอกของเขาและพูดอย่างมั่นใจว่า “ท่านอาจารย์ ทดสอบข้าได้เลย”

กู้หนิงผิงไม่ได้ล้อเล่น และกู้เสี่ยวหวานเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน

ในช่วงที่ฉินเย่จือไม่อยู่ นางกล่าวว่ากู้หนิงผิงจะผ่อนปรนการฝึกฝนลงบ้าง

นางได้คิดแล้วว่าจะเกลี้ยกล่อมกู้หนิงผิงไม่ให้ล้มเลิกกลางคันได้อย่างไร แต่กู้หนิงผิงไม่ต้องการคำแนะนำจากนางเลย เขาฝึกฝนมันอย่างหนักทุกวัน

เนื่องจากอาโม่ก็มีทักษะด้านการต่อาสู้ และก่อนที่ฉินเย่จือจะจากไป เขายังสั่งอาโม่ให้สอนกู้หนิงผิงให้ดี

กู้หนิงผิงจึงไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจของตนเอง

ในอดีต ครั้งเมื่อฉินเย่จืออยู่ที่บ้าน เขาลุกขึ้นเมื่อไร เมื่อไรที่เขาฝึกฝน และนานแค่ไหนที่เขาฝึกฝน ตอนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าเขาจะฝึกฝนหนักกว่าเดิมเสียอีก

กู้เสี่ยวหวานเห็นความพยายามทั้งหมดของเขา และหัวใจก็รู้สึกมีความสุข เมื่อมองไปที่การเปลี่ยนแปลงของกู้หนิงผิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

ทุกคนภายในครอบครัวยินดีต้อนรับกับการกลับมาของฉินเย่จือ ยกเว้นก็เพียงแต่ฉือโถวที่ถอนหายใจ และกู้หนิงผิงก็สัมผัสบางอย่างได้

กู้หนิงผิงกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินฉือโถวพูดพึมพำ “แปลกมาก เขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”

เมื่อกู้หนิงอันได้ยินสิ่งนี้ เขาก็มองไปที่ฉือโถวด้วยใบหน้าที่งุนงงและคิดขึ้นมาได้ทันที

ใช่แล้ว…

ทางเข้าบ้านทั้งหมดของบ้านถูกลงกลอนเอาไว้ แล้วเขาเข้ามาได้อย่างไร…

เมื่อคืนไม่มีเสียงเคาะประตูเลย

หรือว่า…

กู้หนิงอันมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน และทันใดนั้นก็กลับมารู้สึกตัว

——————————————-

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท