ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 988 สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 988 สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว

บทที่ 988 สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว

เสียงของเสี่ยวเถาแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ และความมั่นใจของนางก็ลดลงต่ำลง

หากแต่ยังกัดกล่าวคำสาบานออกมา

แผ่นหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และเมื่อลมพัดมา ร่างกายก็สั่นสะท้านจากความหนาวเย็น

ขาแข้งอ่อนแรงจนแทบจะล้มลง

ในใจนางหวาดกลัวราวกับว่าวิญญาณของนางถูกวิญญาณชั่วร้ายจับตัวไป และเกิดอาการคลุ้มคลั่งเพราะความกลัว

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเสี่ยวเถาสาบาน และเห็นว่านางหวาดกลัวจนผมของนางเปียกชื้น นางก็ถอนหายใจอย่างเย็นชา

เมื่อหลิวเทียนฉือเห็นว่าหลังจากเสี่ยวเถาสาบานเสร็จ นางดูเหมือนเกือบสูญเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่ง นางก็ก่นด่าในใจว่าช่างไร้ประโยชน์ แต่นางก้าวไปข้างหน้าและประคองร่างที่ปวกเปียกของเสี่ยวเถา “ใจเย็นลงหน่อย ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ ข้าเกรงว่าคำสาบานที่เจ้าเพิ่งสาบานไปจะไร้ประโยชน์”

ทันทีที่นางได้ยินก็ยังกังวลและหวาดหวั่น เมื่อได้ยินว่าคำสาบานที่นางเพิ่งพูดออกไปจะไร้ประโยชน์ เสี่ยวเถาตื่นตระหนกในทันทีและยืนตัวตรงขึ้นมา

“น้องเสี่ยวหวาน สาวใช้ของข้าสาบานแล้วว่านางเห็นท่านอาของเจ้าหนีไปกับชายอื่นด้วยตาของนางเอง และนางสาบานด้วยชีวิตของนาง ตอนนี้เจ้าก็สามารถเชื่อได้แล้ว” หลิวเทียนฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทว่าดวงตาของนางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง และใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

ลวี่เทาแสร้งทำเป็นกระแอมไอ “เมื่อคำสาบานจบแล้ว ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานก็ควรจะขอโทษได้แล้ว”

กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มอย่างอ่อนหวาน และเมื่อทุกคนคิดว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะขอโทษ ทันใดนั้น นางก็ชี้ไปที่เสี่ยวเถาที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อและตะโกนอย่างจริงจัง “นางโกหก!”

ใบหน้าของเสี่ยวเถาซีดลง

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานพูดเรื่องไร้สาระ ลวี่เทาก็หมดความอดทนและตะโกนกลับไปว่า “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าเล่นกลซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเจ้ารีบพากู้เสี่ยวหวานกลับไปที่ศาลาว่าการ”

กู้เสี่ยวหวานเป็นระเบิดเวลา ใครจะรู้ว่าอะไรจะออกมาจากปากของนางในภายหลัง

รีบพานางกลับไปเสียดีกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรก็สอบสวนนางอย่างลับ ๆ หากไม่พูดก็จะถูกลงโทษ

เขามีวิธีมากมายที่จะทำให้กู้เสี่ยวหวานก้มศีรษะ และยอมรับความผิดพลาดของนาง

มีเจ้าหน้าที่ออกมาจับกุมกู้เสี่ยวหวาน แต่ฉือโถวและกู้หนิงผิงรีบมายืนอยู่ตรงหน้ากู้เสี่ยวหวานทันที

กู้หนิงผิงตะคอกเสียงดัง “ใครกล้าก็เข้ามา!”

“ใต้เท้าลวี่จะใช้การทรมานเพื่อให้ข้ายอมรับผิดใช่หรือไม่?” ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็พูดอย่างเย็นชา “ที่นี่มีสายตาของผู้คนมากมายเฝ้าดูอยู่ ทำไมท่านไม่ฟังข้า แต่กลับพาข้าไปที่ศาลาว่าการ หรือท่านกลัวว่าข้าจะพูดอะไรที่ทำให้ท่านกลัวใช่หรือไม่?”

“ไร้สาระ ไร้สาระ!” ลวี่เทาโกรธจัดและโบกมือ “จับนาง จับนาง”

ลวี่เทาสูญเสียความสงบต่อหน้าสาธารณชน และกระตือรือร้นที่จะพากู้เสี่ยวหวานกลับไปที่ศาลาว่าการ นั่นทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างค่อนข้างไม่พอใจ

“ใต้เท้าลวี่ แม่นางกู้มีเรื่องจะพูด ทำไมท่านไม่ให้นางพูดล่ะ?”

“ใช่แล้ว แม่นางกู้เป็นคนซื่อสัตย์ หากท่านต้องตัดสิน ท่านก็ต้องรอให้นางพูดให้จบ”

“ถูกต้อง แม่นางกู้เป็นคนที่อาจารย์ฮุ่ยหยวนกล่าวไว้ ปีที่แล้วเกิดภัยแล้งและเมืองของเราก็รอดพ้นจากภัยพิบัติ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแม่นางกู้ ถ้าไม่ใช่เพรานาง ปีนี้เราคงจะไม่มีอาหารกิน”

“ใช่แล้ว ใช่แล้วใต้เท้าลวี่ ท่านจะปฏิบัติกับแม่นางกู้แบบนี้ไม่ได้”

“ใต้เท้าลวี่ มีสายตาหลายคู่จับจ้องที่นี่ หากการตัดสินของท่านผิด เรายังสามารถโต้แย้งได้ การที่ท่านกระตือรือร้นที่จะพาแม่นางกู้ออกไป เป็นเพราะกลัวว่าการตัดสินของท่านจะไม่ยุติธรรมใช่หรือเปล่า?”

เมื่อลวี่เทาได้ยินคนพูดว่าเขาตัดสินคดีอย่างไม่ยุติธรรม เขาก็โกรธ “ไร้สาระ ไร้สาระ”

แต่เขาไม่กล้าบอกเจ้าหน้าที่ให้จับกุมกู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป

เมื่อครู่หลิวเทียนฉือมีความสุขมาก แต่คราวนี้เมื่อเห็นลวี่เทาถูกผู้คนเฝ้าดูพูดและยอมแพ้ที่จะจับกู้เสี่ยวหวานกลับไปที่ศาลาว่าการ สีหน้าของนางจึงดูไม่สู้ดีนัก

“ใต้เท้าลวี่ ท่านจะปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานใส่ร้ายข้าในที่สาธารณะหรือ? หากท่านบอกว่ากู้ฟางสี่ไม่ได้หนีไปกับผู้ชายก็ไม่เป็นไร แต่ข้าอยากจะถามว่ากู้เสี่ยวหวานสามารถแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่ากู้ฟางสี่ยังอยู่ในเมืองหลิวเจียหรือไม่? หากนางไม่อยู่ที่นี่ ข้าเกรงว่านางคงหนีไปกับชายคนนั้นนานแล้ว” หลิวเทียนฉือตะคอกอย่างเย็นชา

ทุกคนมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างพร้อมเพรียงกัน

มีคนเช่นนี้ที่มีเจตนาไม่ดี และโห่ร้องว่ากู้เสี่ยวหวานแค่ถ่วงเวลา

ถูกต้อง กู้เสี่ยวหวานกำลังถ่วงเวลาอยู่จริง ๆ

ผู้ชมแน่นขนัดจนรถม้าแล่นมาราวกับหอยทากเดิน

กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยัน ดวงตาของนางมองไปยังฝูงชน หลิวเทียนฉือและคนอื่น ๆ ก็มองตามสายตาของกู้เสี่ยวหวาน

และเห็นรถม้าเคลื่อนที่มาช้า ๆ ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัด

หลิวเทียนฉือขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ารถม้านั้นดูคุ้นเคย

แต่เสี่ยวเถาที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึงในทันที

นางจับแขนของหลิวเทียนฉือ แล้วพูดตะกุกตะกัก “คุณหนู นั่นรถม้าของเรา”

อย่างนี้นี่เอง

ดวงตาของหลิวเทียนฉือหรี่ลงในทันที นางมองเสี่ยวเถาที่กำลังหวาดกลัว

เสี่ยวเถาพยักหน้าอย่างอ่อนแรง ไร้ซึ่งการโต้แย้ง

ไม่น่าแปลกใจที่กู้เสี่ยวหวานมาขอโทษนาง ปรากฏว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของนางนี่เอง

ขอให้สาบาน จากนั้นจึงแสดงหลักฐาน

คำสาบานที่นางเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ ทันทีที่หลักฐานแสดงออกมา นี่ไม่การการตบหน้าพวกนางอย่างแรงหรอกหรือ?

ในขณะนี้ หลิวเทียนฉือมองรถม้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยความสยดสยอง

ไม่น่าแปลกใจที่นางคิดว่ารถม้าคันนี้คุ้นเคยดี ปรากฏว่านางเป็นคนบอกให้เสี่ยวเถาซื้อรถม้าคันนี้

ใช้ในการขนส่งกู้ฟางสี่ไปยังเมืองหลวงเป็นพิเศษ

พูดตามเหตุผล รถม้าคันนี้ควรอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้แล้ว ทำไมจู่ ๆ ถึงมาโผล่ที่นี่อีกล่ะ?

ถูกกู้เสี่ยวหวานหาจนพบแล้วหรือ?

แต่หลิวเทียนฉือไม่สนใจที่จะคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างอีกต่อไป นางเพียงแค่จ้องไปที่รถม้าอย่างว่างเปล่า

เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังมองดูรถม้า ผู้ชมเดาว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับรถม้าคันนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ และรถม้าก็มาถึงประตูบ้านตระกูลเจียงในเวลาไม่นาน

————————————-

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท