บทที่ 991 เมื่อฝนตกอย่าออกไปไหน
บทที่ 991 เมื่อฝนตกอย่าออกไปไหน
ตอนนี้บทบาทของหลิวชิงซานหมดลงแล้ว การเก็บคนอันธพาลเช่นนี้ไว้นับว่าเป็นเรื่องหายนะ
วันนี้เขาทำให้หลิวเทียนฉือขุ่นเคือง และไม่รู้ว่าหลิวเทียนฉือจะจัดการกับเขาอย่างไรต่อไป
หลิวชิงซานถูกเจ้าหน้าที่กุมตัวไป และเหตุการณ์สงบลงทันที
เมื่อเห็นลวี่เทาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดการสถานการณ์ให้หลิวเทียนฉือ กู้เสี่ยวหวานก็แอบรู้สึกขบขัน
อย่างไรก็ตาม นางได้ตัวกู้ฟางสี่กลับมาแล้ว
คำสารภาพเมื่อครู่สามารถกู้คืนชื่อเสียงของกู้ฟางสี่กลับมาด้วย
กู้ฟางสี่หนีไปกับใครบางคน
ก็ดูเอาเองแล้วกันว่านางหนีไปกับคนอื่นหรือถูกลักพาตัวไปกันแน่
ทันใดนั้น สถานการณ์ก็กลับเข้าข้างกู้ฟางสี่
และหลิวเทียนฉือ หญิงผู้สูงศักดิ์จากเมืองหลวงคนนี้ก็กลายเป็นเป้าหมายการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชน
ลวี่เทาและฮูหยินเจียงมองหลิวชิงซานที่ถูกพาตัวออกไป แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ได้ยินทั้งหมด ชาวบ้านไม่ได้โง่เขลา
พยานและหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่นี่ หลิวเทียนฉือจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะหักล้างเรื่องเลวร้ายของตัวเอง
ชื่อเสียงของหลิวเทียนฉือลดลงทันที
“เสี่ยวเถา รีบพาคุณหนูของเจ้าเข้าไปในบ้านเดี๋ยวนี้” ฮูหยินเจียงพูดอย่างรวดเร็วด้วยเสียงแผ่วเบา
จากนั้น เสี่ยวเถาก็สัมผัสได้และพาหลิวเทียนฉือเข้าไปข้างใน
เมื่อเห็นว่าพวกนางกำลังจะหนี กู้เสี่ยวหวานก็ส่งสัญญาณทันที กู้หนิงผิงรีบก้าวไปข้างหน้าและหยุดพวกนางไว้ “พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป ห้ามออกไปจนกว่าจะให้คำอธิบายเรื่องท่านอาของข้า”
หลิวเทียนฉือถูกเด็กชายตัวเล็กขวางเอาไว้
เสี่ยวเถาและสาวรับใช้ของตระกูลเจียงต้องการทำร้ายเขา แต่พวกนางก็ไม่สามารถทำได้ และถ้าคนอื่นเห็น พวกเขาจะบอกว่าพวกนางกำลังรังแกผู้อื่น
หลิวเทียนฉือไม่เคยคิดเลยว่ากู้เสี่ยวหวานเชี่ยวชาญทุกสิ่งที่เขาทำ
และนางยังจับคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ทั้งหมดด้วย
ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ*[1]
การลักพาตัวกู้ฟางสี่ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ตรงกันข้ามกลับทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในใจของหลิวเทียนฉือทั้งเกลียดและโกรธแค้น นางกล่าวโทษกูเสี่ยวหวานทั้งหมด
หากกู้เสี่ยวหวานตกลงร่วมมือกับนางตั้งแต่ตอนนั้น จะเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ตามมาได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิวเทียนฉือก็โกรธ นางผลักเสี่ยวเถาที่กำลังพยุงตัวเองออกไป และเดินตรงไปหากู้เสี่ยวหวาน นางเชิดหน้าขึ้นสูง ชี้หน้ากู้เสี่ยวหวานด้วยนิ้วที่สั่นเทาและพูดด้วยความโกรธ “กู้เสี่ยวหวาน ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริง ๆ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงบ้านนอกที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอย่างเจ้าจะเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้”
กู้เสี่ยวหวานตอบอย่างเฉยเมย “เช่นกัน คุณหนูหลิว ข้าก็ไม่คาดคิดว่าท่านที่มีชาติตระกูลสูงส่งจะโง่เขลาได้ขนาดนี้”
สิ่งนี้เรียกอีกอย่างว่า เจ้าแผนการ
หลิวเทียนฉือคิดถึงแต่ตัวเองมากเกินไป
“เจ้า!” ใบหน้าของหลิวเทียนฉือเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อกู้เสี่ยวหวานด่านางว่าโง่เขลา
“หากผู้คนไม่รุกรานข้า ข้าก็จะไม่ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง หากคุณหนูหลิวรักษาหน้าตัวเองและมีคุณธรรมบ้าง ตอนนี้ก็คงจะไม่กระตุ้นความขุ่นเคืองและตกเป็นเป้าการวิจารณ์ของสาธารณชน” กู้เสี่ยวหวานไม่ให้โอกาสนางพูด นางจึงพูดต่อไป “อาของข้าถูกท่านลักพาตัวไป แล้วท่านยังบอกอีกว่าอาของข้าหนีไปกับผู้ชายคนอื่น และพวกท่านเองก็สาบานแล้ว ข้าคิดว่าพวกท่านไม่ควรจะลืมมันนะ”
เมื่อนางได้ยินคำว่า ‘สาบาน’ สีหน้าของเสี่ยวเถาที่ตามมาข้างนางก็เปลี่ยนไปทันที
เสี่ยวเถาสาบานว่า หากมีการโกหกแม้แต่น้อย นางจะต้องถูกฟ้าผ่าและไม่ตายดี
ไม่ตายดี…
ร่างกายของเสี่ยวเถาสั่นสะท้าน จากนั้นนางก็คุกเข่าลงกับพื้น
ขาของนางไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
เมื่อครู่นางไม่ต้องการสาบาน แต่กู้เสี่ยวหวานบังคับให้พวกนางทำ
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหก และเมื่อมีการสาบานไปแล้ว นี่จะไม่เป็นการรอให้สวรรค์ลงทัณฑ์นางหรอกหรือ?
“เสี่ยวเถา มันไม่ดีที่จะสาบานอย่างไม่เลือก เช่นนั้นเจ้าก็จำไว้ว่า ยามใดที่ฝนตกลงมาก็อย่าออกไปข้างนอก เมื่อสวรรค์เห็นคำสาบานเท็จนี้ สวรรค์จะทวนความจำให้เจ้า”
เมื่อเห็นท่าทางปวกเปียกของเสี่ยวเถา กู้เสี่ยวหวานก็ข่มขวัญให้นางหวาดกลัวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม พวกนางสามารถสาบานได้ ดังนั้นพวกนางจึงไม่กลัวความตาย
เมื่อเสี่ยวเถาได้ยินเช่นนี้ ร่างกายของนางก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว “ข้า ข้า ข้า”
นางพูดว่า ข้า ข้า ข้า อย่างหยุดไม่ได้ ปากของนางขยับ แต่ไม่สามารถพูดได้เต็มประโยค
เมื่อเห็นท่าทางไร้ประโยชน์ของเสี่ยวเถา หลิวเทียนฉือก็โกรธมาก
“เจ้าคนไร้ประโยชน์” หลิวเทียนฉือด่าด้วยความโกรธ
เมื่อฮูหยินเจียงเห็นสถานการณ์นี้ ถ้านางไม่หยุด ชื่อเสียงของหลิวเทียนฉือจะจบลงที่นี่ในวันนี้
หากนายท่านเจียงกลับมาและรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เพียงจะกระวนกระวาย แต่หากหลิวฉงหร่านจากเมืองหลวงรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องไม่ปล่อยเจียงอวิ้นหลิ่วไว้แน่
เดิมที พวกเขาทั้งสองไม่สามารถอยู่ห่างกันได้ และเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ หากสิ่งนี้หายไปในทันที กิจการของตระกูลเจียงก็จะจบลง
ยิ่งฮูหยินเจียงคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นและรู้สึกเกลียดกู้เสี่ยวหวานไปพร้อมกัน
เด็กสาวคนนี้จะฆ่านางจริง ๆ หรือ?
“แม่นางกู้ ตอนนี้เจ้าก็หาอาของเจ้าพบแล้ว และเทียนฉือรู้ว่าตนเองทำผิดแล้ว นางเป็นแค่เด็ก ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ไปแบบนี้ล่ะ ข้าจะพาเทียนฉือไปที่สวนกู้เพื่อขอโทษอาของเจ้า การขอโทษจะถือเป็นการเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรภาพ” ในเวลานี้ ฮูหยินเจียงก้าวไปข้างหน้า พยายามทำให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยรอยยิ้ม
เรื่องในวันนี้มันหนักหนาสาหัสจริง ๆ ถ้าไม่รีบจัดการให้จบลง เกรงว่าคงจะเป็นเรื่องแย่สำหรับทุกคน
ฮูหยินเจียงเดินมาตรงหน้ากู้เสี่ยวหวานและพูดเสียงเบา “คุณหนูหลิวมาจากเมืองหลวง นางมีสถานะสูงส่ง และตอนนี้เจ้าได้ประโยชน์จากมันแล้ว ทำไมไม่ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กล่ะ การทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่มันคงไม่ดีสำหรับเจ้าและนางใช่หรือไม่?”
ฮูหยินเจียงคิดจะประนีประนอม
และลวี่เทาที่อยู่ด้านข้างก็ได้ยินเช่นกันและรีบพูดว่า “ใช่ ๆ แม่นางกู้ เรามาทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กเถอะ และเรื่องเล็กก็ทำเป็นว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นเถอะ หากเจ้ายังคงไล่ตามมันต่อไป มันจะไม่ดีสำหรับเจ้าและคุณหนูหลิวด้วย”
*[1] ฉวยโอกาสไม่สำเร็จยังขาดทุนอีกต่างหาก