ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 999 ต้องติดคุก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 999 ต้องติดคุก

บทที่ 999 ต้องติดคุก

ทุกคนต่างรีบร้อนยุ่งเหยิง แต่ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่ากู้หนิงผิงกำลังพูดเรื่องอะไรในขณะนี้

เมื่อมองย้อนกลับไปที่กู้จือเหวิน สภาพของเขาช่างไม่น่ามอง เกรงว่าแม้แต่มารดาของเขาอาจจะจำลูกชายของตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ

ใบหน้าบวมช้ำจากการต่อยของกู้หนิงผิง มุมปากแตกและมีเลือดไหลซึม

กระดูกทั้งร่างเจ็บปวดรวดร้าวพร้อมจะแตกสลาย ไร้เรี่ยวแรงจนไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นได้

ลูกจ้างเหล่านั้นฉุดกระชากลากถูกู้หนิงผิงออกจากห้องรับรอง เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงถูกนำตัวออกไปก็รีบรุดขึ้นหน้าเพื่อช่วยกู้จือเหวิน

คนแรกที่ปรี่เข้าไปก็คือหลี่กุ้ย

เขาเป็นคนแรกที่วิ่งหนีไปเร็วที่สุดเมื่อครู่นี้ ครั้งนี้เขาเข้าไปพยุงกู้จือเหวินอย่างเร่งรีบ และถามอย่างเป็นห่วง “จือเหวิน ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

แต่เขาไม่รู้ตัวว่าสัมผัสโดนแผลบนตัวอีกฝ่าย กู้จือเหวินอ้าปากตวาดอย่างเย็นชา “เจ้าลองมาโดนต่อยอยู่สิจะได้รู้ว่าเจ็บหรือไม่?!”

หลี่กุ้ยชะงักงันพลันก้มหน้าลงและปิดปากให้สนิท จากนั้นหันไปกู้หนิงผิงและสาปแช่ง “ไอ้สารเลว แม้แต่บัณฑิตเจ้าก็ยังกล้าทุบตี เจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ?” หลี่กุ้ยพูดอย่างชั่วร้าย

บัณฑิตคนนี้ก็มีชื่อเสียงเช่นกัน แม้ว่าจะยังไม่เป็นทางการ แต่ก็นับว่าเป็นความรุ่งโรจน์

เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีศึกษา ราชสำนักยังได้ออกนโยบายเพื่อปกป้องบัณฑิต

บัณฑิตที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับ

ห้ามมิให้ล่วงละเมิดอันเป็นการดูหมิ่นความรู้นักวิชาการ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกจำคุก

โดยธรรมชาติแล้ว หลี่กุ้ยก็รู้เกี่ยวกับกฎหมายนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงนำกฎหมายข้อนี้ออกมาทันทีเพื่อทำให้กู้หนิงผิงหวาดกลัว

หากแต่กู้หนิงผิงไม่หวาดกลัว “บัณฑิตหรือ? กู้จือเหวิน เจ้าไร้ยางอายเกินไป หากต้องอาศัยคะแนนของเจ้าเพื่อสอบผ่านซิ่วไฉ ดวงอาทิตย์คงจะขึ้นมาจากทิศตะวันตกแล้วล่ะ!”

กู้จือเหวินรู้สึกมึนงงจากการถูกต่อย เขาทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

“กู้หนิงผิง เป็นไปได้หรือไม่ว่าสมองของเจ้าจะถูกลาเตะ?” เมื่อได้ยินกู้หนิงผิงพูดเรื่องไร้สาระ หลี่กุ้ยก็หัวเราะเสียงดัง “ทุกคนดูสิ สมองของคนผู้นี้ป่วยหรือเปล่า? จือเหวินสอบผ่านแล้ว แต่รายชื่อตัวอักษรสีดำบนกระดาษสีแดง หากจือเหวินสอบไม่ผ่านแล้วพี่ชายของเจ้าสอบผ่าน เช่นนั้นทำไมบนกระดาษรายชื่อสีแดงนั่นทำไมถึงไม่เห็นชื่อของพี่ชายเจ้าล่ะ?”

“ฮ่า ๆๆ” ทุกคนต่างต่างหัวเราะลั่นเพราะคำพูดของหลี่กุ้ย

กู้หนิงผิงโกรธและพยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากพันธนาการของลูกจ้างในร้านเพื่อที่จะปรี่เข้าไปตะบันหน้าหลี่กุ้ย

เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงที่กำลังเกรี้ยวกราดเตรียมจะปรี่เข้ามาทุบตีตนเอง หลี่กุ้ยก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายถูกลูกจ้างภายในร้านจับกุมไว้ ก็เริ่มพูดวาจาเสียดสีอีกครั้ง “เฮอะ! อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยเลย คิดว่าการที่ตัวเองย้ายเข้ามาในเมืองแล้วจะกลายเป็นคนเมืองจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”

กู้หนิงผิงคำรามด้วยเสียงแหบห้าว “กู้จือเหวิน ไอ้คนสารเลว เจ้าไม่สามารถสอบผ่านได้ ดังนั้นเจ้าจึงใช้คะแนนของพี่ชายข้าเพื่อทำให้เขาสอบตก เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”

คราวนี้ ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจสิ่งที่กู้หนิงผิงพูด สิ่งที่เขากำลังหมายถึงก็คือ กู้จือเหวินขโมยผลคะแนนของกู้หนิงอัน จากนั้นกู้หนิงอันก็มีอันดับต่ำกว่าคนสอบตก และทำให้กู้จือเหวินสอบผ่าน

ทุกต่างมองหน้ากัน

มันช่างน่าเหลือเชื่อ

“จือเหวิน กู้หนิงผิงกำลังพูดถึงอะไร?” เมื่อเห็นว่ากู้จือเหวินฟื้นคืนสติ หลี่กุ้ยก็รีบถาม

กู้จือเหวินที่เจ็บปวดจากการถูกต่อย เมื่อเขาได้ยินคนพูดว่าผลคะแนนของเขาเป็นของปลอม ความโกรธก็ปะทุขึ้น เขาไม่สนใจความเจ็บปวดทั่วร่างกายของเขา ดังนั้นเขาสะบัดหลี่กุ้ยที่พยุงตนเองออกไป และพุ่งเข้าไปต่อยหน้ากู้หนิงผิง “กู้หนิงผิง เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? พี่ชายของเจ้าสอบไม่ผ่านและยังให้เจ้ามาทำร้ายข้าอีก ไอ้สารเลว ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”

เมื่อเห็นกู้จือเหวินต่อยกู้หนิงผิงด้วยท่าทางที่ชั่วร้าย ลูกจ้างในร้านต่างวิ่งหนีเพราะกลัวว่าจะโดนตัวเองไปด้วย

กู้หนิงผิงที่ถูกพันธนาการไว้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กู้จือเหวินเลยได้โอกาสต่อยอีกฝ่ายไปหลายครั้ง และทำให้เขาทรุดลงบนพื้น

ทั้งสองปลุกปล้ำกันในที่แห่งหนึ่งทันที

ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง

เสียงตะโกนด่าทอ เสียงโต๊ะเก้าอี้ร่วงลงกับพื้น

นอกจากนี้ยังมีเสียงกรีดร้องของผู้หญิง กลายเป็นความยุ่งเหยิง

เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงร้านอาหาร เสื้อผ้าของพวกเขาก็ขาดวิ่นและผมยุ่งเหยิง ใบหน้าของกู้จือเหวินเต็มไปด้วยคราบเลือด

ทันทีที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเข้ามา พวกเขาไม่ได้ไปจับกู้จือเหวิน แต่กลับไปจับกุมกู้หนิงผิง จับมือไพล่หลัง จากนั้นกดเขาลงบนพื้นและมัดเอาไว้

กู้หนิงผิงพยายามดิ้นรน “ทำไมไม่จับเขา คะแนนของเขาเป็นของพี่ชายข้า”

ทุกคนคิดว่าสมองของเขามีปัญหา หลังจากมัดเขาเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ผลักเขาอย่างแรง “ไปที่ศาลาว่าการกับพวกข้าเดี๋ยวนี้ เจ้ากล้าที่จะทำร้ายบัณฑิตในที่สาธารณะ เจ้าอยากตายหรือ?!”

“เขาไม่ใช่บัณฑิต เขาไม่ใช่…” กู้หนิงผิงโต้กลับอย่างรุนแรง

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเพิกเฉยต่อเขา “เขาไม่ใช่แล้วเจ้าใช่หรือ? คราวนี้เป็นคราวทุกข์ยากของเจ้าแล้ว เจ้าทำร้ายบัณฑิต เจ้าต้องได้รับโทษ”

ขณะที่กู้หนิงผิงต้องการพูดอะไรบางอย่าง เขาก็ได้ยินกู้จือเหวินคำราม “กู้หนิงผิง เจ้ากล้าต่อยข้า ข้าจะขังเจ้าไว้ในห้องขังตลอดไปไม่ต้องออกมาอีก”

เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงถูกจับ หลี่กุ้ยที่อยู่ด้านข้างก็วิ่งไปหากู้หนิงผิงและเตะเขาหนึ่งที “อะไรกัน พี่ของตัวเองสอบไม่ผ่าน แล้วยังมาที่นี่เพื่อใส่ร้ายจือเหวินอีก”

ปากของกู้หนิงผิงถูกอุดด้วยผ้าสกปรก เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ความโกรธในดวงตาของเขาทำให้คนตกตะลึง

เขาจ้องมองที่กู้จือเหวินอย่างดุร้าย สายตานั้นทำให้หัวใจหวาดผวา

เมื่อเห็นว่ากู้จือเหวินได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่จึงรีบก้าวไปข้างหน้า และพูดอย่างประจบประแจงว่า “ท่านบัณฑิต ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

กู้จือเหวินมองไปด้านข้างและกำลังจะสาปแช่ง แต่ปากของเขายังเจ็บอยู่ จึงได้แต่กัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่ามันเจ็บไหมล่ะ?”

หลี่กุ้ยที่อยู่ข้าง ๆ ยังพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เจ้าหน้าที่ เขาทำร้ายบัณฑิต เมื่อถึงเวลาเจ้าคงรู้ว่าควรพูดอะไร”

“ข้ารู้ ข้ารู้ ใต้เท้าลวี่สั่งให้ข้าจับคนร้ายเมื่อได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะอธิบายให้ทราบอย่างแน่นอน”

“กู้หนิงผิง รอก่อนเถอะ เรื่องของข้ากับเจ้ายังไม่จบง่าย ๆ แน่” กู้จือเหวินเจ็บปวดมาก และไปโรงหมอโดยมีหลี่กุ้ยพยุงไว้

เจ้าหน้าก้มศีรษะและส่งกู้จือเหวินออกไป จากนั้นจึงพากู้หนิงผิงกลับไปที่ศาลาว่าการ

เมื่อสวีเฉิงเจ๋อและคนอื่น ๆ มาถึง พวกเขาก็จากไปแล้ว เมื่อได้ยินว่ากู้หนิงผิงทำร้ายกู้จือเหวินและยังทำร้ายอย่างรุนแรง หัวใจของสวีเฉิงเจ๋อก็เต้นไม่เป็นจังหวะ แผนการลับของเขาได้พังทลายลงแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท