บทที่ 640 พ่อข้าไปไหนแล้ว?
บทที่ 640 พ่อข้าไปไหนแล้ว?
ทันใดนั้น ก่อนที่ซ่างเชียนจะได้เอ่ยถามบิดาของตนเองต่อว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรพวกนี้ทำอะไรตามคำสั่งของจักรพรรดิ แต่เหตุการณ์ใหม่ก็ดึงความสนใจของเขาไปซะก่อน…
ทันใดนั้น ทูตยุทธ์เสื้อแพรสองคนก็เคลื่อนไหว พวกเขาเขวี้ยงปลายโซ่สีดำตรงไปที่หน้าอกของซูอันราวกับปาหอก!
และในขณะเดียวกัน ทูตยุทธ์เสื้อแพรอีกสองคนก็ทำตรงกันข้ามโดยเหวี่ยงโซ่ของพวกเขาไปมาให้วกวนราวกับงูเลื้อย หวังที่จะพันรอบตัวของซูอัน
ซูอันป้องกันโซ่เหล็กที่พุ่งเข้ามาด้วยกระบี่ ตัวเขาสั่นสะท้านจากแรงปะทะอันมหาศาล
พลังชี่ของเขามีความหนาแน่นเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะระดับหกแล้ว ในขณะที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรของจักรพรรดิทั้งหมดอยู่ในระดับที่ 5 หากต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวคงไม่มีทางที่ตัวเองจะเสียท่าแน่นอน…
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีชั้นแสงสีฟ้าจาง ๆ ปกคลุมร่างของเหล่าคู่ต่อสู้ และยิ่งไปกว่านั้นที่ร่างของตัวตนเหล่านี้ยังมีเส้นแสงสีฟ้าเส้นเล็ก ๆ โยงใยไปเชื่อมต่อกับพวกเดียวกันเองทุกคน
ซูอันสะดุ้งโหยง นี่มันเป็นการประสานพลัง!
เขาเคยเห็นอำนาจของมันมาก่อนแล้ว เมื่อตอนที่ดูกองทัพผ้าคลุมสีชาดสยบหลิวเหย่า ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 9!
เขาไม่คิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะย้อนเข้าตัวเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ถึงตาของตัวเองที่จะได้ลิ้มรสของมันบ้างแล้ว…
แม้ว่าความคิดมากมายจะแล่นอยู่ในหัวไม่หยุดหย่อน แต่ร่างกายของซูอันก็ไม่หยุดเคลื่อนไหวเลย ตอนนี้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าการปะทะกันโดยตรงเป็นความคิดที่ไม่ดี เขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ พยายามหลบหลีกและหลอกล่อให้เหล่าโซ่ที่โจมตีเข้ามาปะทะกันเอง และแน่นอนว่าท้ายที่สุดคือคอยหาช่องโหว่เพื่อโต้กลับจากนั้นค่อยหลบหนี!
เจิ้งตานเฝ้ามองอย่างประหม่าตลอดเวลา นางกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินคำอธิบายของซ่างหง
นางส่งเสียงเชียร์ภายในใจอย่างบ้าคลั่ง แต่ในขณะเดียวกัน นางก็ไม่เคยคิดเลยว่าทักษะทางกระบี่ของซูอันจะยอดเยี่ยมมากขนาดนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างสิบสามท่วงท่ากระบี่พื้นฐานของสถาบันจันทร์กระจ่างและกระบี่เกล็ดหิมะของฉู่ชูเหยียน
ถ้านางเป็นเขา นางคงจะไม่สามารถต้านทานเหล่าทูตยุทธ์ได้เช่นนี้ ความสามารถในการต่อสู้ของซูอันนับได้ว่าน่ากลัวมาก!
อย่างไรก็ตาม ความโล่งใจของนางก็อยู่ได้ไม่นาน หัวใจของนางก็เต้นแรงอีกครั้งในทันที โซ่เหล็กอีกเส้นกำลังมุ่งหน้าไปทางช่องโหว่ของซูอัน!
ซูอันเพิ่งใช้กระบี่เบี่ยงเบนโซ่เส้นก่อนหน้า จึงไม่อาจรับมือโซ่เส้นใหม่ได้ทัน!
“ระวัง!” นางอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา
ซ่างเชียนหันไปมองนางทันที สายตาภรรยาของเขาที่มองดูชายอื่นอย่างเป็นห่วงจุดไฟแห่งความโกรธในตัวเขาอย่างรวดเร็ว
ซูอัน ไอ้สารเลว ข้าไม่สามารถอยู่ใต้ท้องฟ้าเดียวกันกับเจ้า!
ในเวลานี้ ทูตยุทธ์เสื้อแพรอีกหกคนที่รอคอยช่วงเวลาของพวกเขาได้เคลื่อนไหวแล้ว พวกเขามั่นใจว่าซูอันจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงโซ่เหล็กเส้นสุดท้ายนั้นได้แน่นอน
ทันทีที่ซูอันถูกโซ่เส้นนั้นพันไว้ พวกเขาจะส่งโซ่เหล็กอีกหกอันไปกักขังเพิ่มเติม ซึ่งซูอันจะหมดโอกาสหลบหนีโดยสมบูรณ์
เมื่อเห็นว่าโซ่เหล็กเส้นนั้นใกล้เข้ามา ซูอันก็เหยียดแทงสองนิ้วของเขาออกต้านรับทันที
นิ้วของเขาแข็งกล้าราวกับกระบี่ทั้งยังเปล่งแสงสีทอง!
ทั้งเซี่ยเต๋าอวิ๋นและเจิ้งตานถึงกับกัดริมฝีปากเมื่อเห็นนิ้วทั้งสองของซูอันต้านรับโซ่เหล็กสีดำที่พุ่งเข้าใส่อย่างดุดัน
ซ่างเชียนยิ้มอย่างชั่วร้าย ชายคนนี้กำลังจะทำให้มือของตัวเองเป็นง่อย!
โซ่เหล็กของเหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถต้านรับได้ด้วยมือเปล่า! หลังจากนี้ ไอ้ซูอันมันจะต้องพิการเหลือแค่แปดนิ้ว!
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้ารอยยิ้มของเขาเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง นิ้วสองนิ้วนั้นที่เขาคิดว่าน่าจะถูกทำลายย่อยยับ ในความเป็นจริงมันกลับต้านทานโซ่เหล็กจากทูตยุทธ์ได้!
หืม? ทักษะนี้…อ๋องเหลียงรู้สึกราวกับว่าเขาเคยเห็นทักษะดัชนีแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
ซ่างหงร้องอย่างประหลาดใจ การคาดเดาของเขาถูกต้องมาโดยตลอด ไอ้เด็กคนนี้คืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ถ้าเพียงแต่เขาเอาอีกฝ่ายมาอยู่ฝั่งเดียวกันได้ตั้งแต่เริ่มทุกอย่างคงไม่ลงเอยแบบนี้!
ซ่างหงอดไม่ได้ที่จะมองดูลูกชายที่กำลังดูการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยความสะใจ ถ้าเขารู้ว่าทุกอย่างมันจะออกมาในรูปแบบนี้ เขาคงจะพาลูกสาวมาแทน แน่นอนว่าในตอนนั้น เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าซูอันจะมีประโยชน์มากกว่าตระกูลเจิ้ง
ดัชนีเจิดจรัสของซูอันคีบโซ่ไว้ แต่เขารู้สึกถึงพลังที่รุนแรงซึ่งแฝงอยู่ภายในโซ่อย่างชัดเจน เขาสะบัดข้อมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งคลื่นพลังที่พลุ่งพล่านที่อยู่ปลายโซ่ด้านเขา ให้ไหลย้อนกลับไปยังที่ปลายอีกฝั่ง!
ทันใดนั้น โซ่ที่เคยเป็นอันตรายต่อซูอัน ขณะนี้ปลายอีกฝั่งที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรถืออยู่กลับปะทุพลังระเบิดออกอย่างรุนแรงจนหลุดจากมือผู้เป็นเจ้าของ
จากนั้นมันก็เหมือนกับอสรพิษอันบ้าคลั่งที่หลุดจากการควบคุม และเหวี่ยงฟาดไปมาอย่างไร้การควบคุมปะทะเข้ากับทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งหกคนที่ไม่ได้ระวังตัวเพราะเอาแต่จดจ่อหาโอกาสเข้าจับตัวซูอัน และอยู่ในเส้นทางการฟาดไปมาพอดี
โซ่เกิดการระเบิดเสียงดัง ร่างของทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งหกถูกโซ่ฟาดจนปลิวกระเด็น พวกเขาคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ต่างคนต่างได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
แน่นอนว่าพลังของซูอันเพียงลำพังนั้นไม่เพียงพอที่จะเอาชนะทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งสิบคนได้ ดังนั้นเขาจึงใช้พลังของตัวเองเบี่ยงเบนทิศทางพลังของอีกฝ่ายให้มันย้อนกลับไปยังที่ที่มันถูกส่งออกมา
อันที่จริง การโจมตีสี่ห้าครั้งก่อนหน้านี้นั้น ซูอันไม่ได้กลัวพวกมันเลย เพราะหลบเลี่ยงได้ง่ายมาก แต่สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือทูตยุทธ์เสื้อแพรอีกหกคนที่รอหาโอกาสเพื่อจับตัวเขา ดังนั้นเขาจึงจงใจที่จะจัดการกับหกคนนี้ก่อน
ผู้คนโดยรอบล้วนเป็นผู้บ่มเพาะ เมื่อเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างก็เข้าใจเจตนาของซูอันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาประทับใจในสัญชาตญาณการต่อสู้ที่โดดเด่นของซูอัน
นี่เหรอคือเขยขยะ อย่างที่ใคร ๆ ว่ากันมาตลอด?
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังอึ้งอยู่นี้ ซูอันก็รีบใช้จ้าววายุทิ้งห่างออกไปหลายร้อยจั้งทันที เนื่องจากอ๋องเหลียงนั้นคือผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์และยังไม่ได้ลงมือ เขาจึงจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ที่อีกฝ่ายยังนิ่งเฉยอยู่หลบหนี!
ชายหนุ่มใช้จ้าววายุซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่สนใจที่จะใช้จำนวนครั้งที่เหลืออยู่จนหมด ความคิดเดียวของเขาคือเขาต้องหนีไปให้ไกลที่สุด
“นี่คือทักษะการเคลื่อนไหวแบบไหนกัน?!”
เสียงแห่งความสงสัยดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน เจิ้งตานรู้จักทักษะนี้ดี แต่เซี่ยเต๋าอวิ๋นขยี้ตาอย่างไม่เชื่อ สำหรับคนอื่น ๆ ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจ
ซ่างเชียนหน้าซีดเป็นไปได้ยังไง มันเก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไร!?
เขาหันกลับมาถามว่า “ท่านพ่อ ไอ้ซูอันมันกำลัง…หืม ท่านพ่อไปไหนแล้ว?”
เมื่อเห็นความเร็วของซูอัน ความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาของอ๋องเหลียง อย่างไรก็ตาม ความประหลาดใจไม่ได้คงอยู่นานนัก ไม่ทันไรเขาก็เอ่ยอย่างเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นงั้นเหรอ?”
ผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์สามารถบินขึ้นไปในอากาศได้! ไม่ว่าเจ้าจะวิ่งเร็วแค่ไหนมันก็เป็นแค่ความพยายามที่ไร้ประโยชน์เมื่อต้องเผชิญกับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์!
แต่ในขณะที่เขากำลังจะกระโจนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า จู่ ๆ ร่างหนึ่งกลับมาขวางเขาเอาไว้อย่างกะทันหัน!