บทที่ 649 เพื่อนยิ่งเยอะยิ่งดี
บทที่ 649 เพื่อนยิ่งเยอะยิ่งดี
หมี่ลี่เข้าใจผิดคิดว่าความเงียบของซูอันเป็นความท้อแท้ น้ำเสียงของนางจึงอ่อนลง “ไม่ต้องกังวล ด้วยศาสตราเวทของเจ้า และรวมกับทักษะลับต่าง ๆ ที่เจ้ามีอีกทั้งพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ เจ้าจึงยังไม่จำเป็นต้องรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้มากเกินไป”
ซูอันมองดูนางด้วยความประหลาดใจ “พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่คิดเลยว่าเวลาท่านพูดกับข้าดี ๆ เสียงของท่านจะน่าฟังเช่นนี้ ข้าเกือบจะคิดว่าเป็นคนละคน”
หมี่ลี่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมองของเขา
“เจ้าต้องการให้ข้าเข้มงวดกับเจ้าตลอดเวลาจริง ๆ ใช่ไหม? เจ้าเป็นบ้าอะไร!?”
ซูอันหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ไม่เลย ข้าชอบเวลาที่ท่านพูดดี ๆ มากกว่า แต่ท่านอย่าใจดีเกินไป ไม่อย่างนั้นท่านจะเสียเสน่ห์ทางเพศที่เกิดจากการฐานะจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่”
หมี่ลี่พูดไม่ออก นางไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ดังนั้นนางจึงหายตัวกลับไปนอนต่ออย่างรวดเร็ว
“ข้าจะแน่ใจได้ยังไงว่านางกำลังหลับอยู่จริงหรือเปล่า?…” ซูอันพึมพำขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างไปยังทิศทางของคฤหาสน์ตระกูลฉู่ด้วยสีหน้าซึมเศร้า
…
หลิวเหย่ากำลังยุ่งอยู่กับการค้นหาทั่วบริเวณคฤหาสน์ตระกูลฉู่
ฉู่จงเทียน ฉินหว่านหรูและกองทัพผ้าคลุมสีชาดถูกพระราชโองการของจักรพรรดิปราบปราม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถขัดขวางการค้นหาได้อีกต่อไป
เจียงลั่วฝูขมวดคิ้ว นางมาทำหน้าที่เป็นคนกลาง แต่การแทรกแซงของจักรพรรดิทำให้มันไม่มีความหมาย สิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ตอนนี้คือดูว่านางสามารถทำอะไรเพื่อช่วยตระกูลฉู่จากการล่มสลายได้หรือไม่
สำหรับซูอันนั้น นางทำได้เพียงสวดภาวนาให้เขา
นางไม่รู้เลยว่าเด็กคนนั้นไปทำให้จักรพรรดิขุ่นเคืองได้อย่างไร มันเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงที่เขาสามารถก่อให้เกิดภัยพิบัติใหญ่ขนาดนี้ได้!
อย่างไรก็ตาม น่าสงสัยอยู่เช่นกันว่าถ้าหากองค์จักรพรรดิรู้ว่าซูอันมีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำแล้ว เขาจะยอมอภัยโทษและเปลี่ยนให้ซูอันเป็นข้ารับใช้ของตนหรือไม่ ไม่ว่าจะอย่างไร พรสวรรค์ระดับนี้หายากเกินไปจนคนคิดว่ามีแต่ในตำนาน…
แต่นั่นคือการมองในแง่ดี แต่ถ้ามองในแง่ร้าย ความริษยาเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์มนุษย์ จะเกิดอะไรขึ้นหากจักรพรรดิค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำแล้วเกิดความริษยาขึ้นมา?
นางพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้ง ๆ ที่นางเป็นคนเด็ดเดี่ยวมาโดยตลอด นี่เป็นความรู้สึกที่หาได้ยาก
อ๋องเหลียงก้าวมาข้างหน้า “เวลานี้ทุกคนเชื่อข้าแล้วใช่ไหม? อาจารย์ใหญ่เจียง เจ้าเมืองเซี่ย พวกท่านสองคนยังจะมีความคิดเห็นอะไรอีกหรือเปล่า?”
เจียงลั่วฝูขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร
เซี่ยอี้ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่มีแล้ว ข้าจะปล่อยให้อ๋องเหลียงจัดการทุกอย่าง”
เจ้ากำลังล้อข้าเล่นเหรอ? พระราชโองการปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดขนาดนั้น แม้แต่ในใจตอนนี้ของเขายังเต้นระส่ำด้วยความกลัวที่ยังหลงเหลืออยู่เลย อันที่จริง ตอนนี้เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่า เขาคิดถูกหรือเปล่าที่เข้าร่วมฝั่งราชันฉี!
อย่างไรก็ตาม ด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอย่างที่เป็นอยู่แล้ว ณ จุดนี้ไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนข้างได้ งานเดียวของเขาตอนนี้คือส่งรายงานไปยังราชันฉีโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถวางแผนล่วงหน้าได้
เซี่ยเต๋าอวิ๋นกัดริมฝีปาก นางรู้ว่าพ่อของนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเซี่ยสามารถตัดสินใจได้เอง
นางทำได้เพียงหวังว่าซูอันจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย
ถึงเวลานี้หลิวเหย่าได้ออกมาหลังจากเสร็จสิ้นการค้นหาภายในคฤหาสน์ตระกูลฉู่แล้ว เขาส่ายหัว “ซูอันไม่ได้อยู่ที่นี่”
อ๋องเหลียงมองไปที่ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรู “ข้าเชื่อว่าอ๋องฉู่ได้ยินรับสั่งขององค์จักรพรรดิเช่นกัน ถ้าเจ้าไม่มอบตัวซูอันมา ชะตากรรมของตระกูลฉู่ทั้งหมดจะลงหลุมไปกับไอ้เด็กคนนั้น!”
เขารู้สึกมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อที่ได้เห็นผู้คนที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพที่ใจเสียก่อนหน้านี้จบลงด้วยท่าทางที่สิ้นหวัง
ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูแลกเปลี่ยนสายตากัน ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด
ฉินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทุกคนเห็นแล้วว่าอาซูไม่ได้อยู่ที่นี่ เราจะมอบคนที่เราไม่มีได้ยังไง?”
อ๋องเหลียงพูดอย่างเย็นชาว่า “นั่นมันปัญหาของเจ้า ไม่ใช่เรื่องของข้า ใครเป็นคนตัดสินใจรับซูอันเป็นเขยล่ะ?”
เขามองทหารราชองครักษ์รอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลฉู่ และตัดสินใจที่จะปลีกตัวไปผ่อนคลายสักหน่อย คงจะดีกว่ามากหากเขาจะได้นอนลงในที่ที่อบอุ่นหลังจากต้องนอนกลางแจ้งมาเป็นเวลาหลายวันในระหว่างการเดินทางมาสถานที่แห่งนี้
ใช่แล้ว หอสุขนิรันดร์อยู่ในเมืองจันทร์กระจ่างไม่ใช่เหรอ? ข้าได้ยินมาว่ามันเยี่ยมมาก คณิกาอันดับหนึ่งชื่อชิวฮัวเล่ยก็อยู่ที่นั่น ข้าควรลองสัมผัสประสบการณ์ของนางด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกกระดากหากเป็นฝ่ายร้องขอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทำไมเจ้าหน้าที่ของเมืองจันทร์กระจ่างถึงหัวช้าแบบนี้? พวกเขาควรจะเป็นคนริเริ่มเชื้อเชิญเพื่อทำให้ข้ารู้สึกเป็นที่ต้อนรับไม่ใช่หรือไง?
ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจ เซี่ยอี้จึงรีบเดินปรี่เข้ามาด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “อ๋องเหลียง ท่านแม่ทัพ ท่านทั้งสองมาถึงเมืองจันทร์กระจ่างแล้ว ดังนั้นได้โปรดให้ข้าช่วยพวกท่านได้สัมผัสกับเสน่ห์ของเมืองจันทร์กระจ่างเถิด”
อ๋องเหลียงรู้สึกพอใจในทันที แต่แสร้งทำเป็นกังวล เขาลูบเคราแล้วกล่าวว่า “เจ้าเมืองเซี่ยคงอยากให้ข้ารีบไปที่อื่นซะมากกว่า”
“ไม่เลย ไม่เลย ด้วยความเคารพ เซี่ยผู้นี้ต้องการได้ยินเกี่ยวกับเมืองหลวงจากทั้งท่านและแม่ทัพหลิวในที่ที่มีแต่ความสำราญต่างหาก!” เซี่ยอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลิวเหย่าหัวเราะอย่างเต็มที่ “หากเจ้าเมืองเซี่ยมีโอกาสได้ไปเมืองหลวง ข้าจะแนะนำสถานที่เที่ยวให้เช่นกัน!”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับท่าทีประจบประแจงของบิดา นางไม่มีนิสัยเอาใจผู้อื่น แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกดูถูกพ่อของตัวเอง
ในฐานะลูกหลานของขุนนาง นางรู้ว่าการรับรองแขกเป็นส่วนสำคัญในฐานะเจ้าเมือง นางมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับงานวรรณกรรมและศิลปะ ในขณะที่น้องชายของนางวิ่งไล่ตามเด็กผู้หญิง พ่อของนางจึงเป็นคนแบกรับทุกอย่างเพียงคนเดียว
เมื่อทุกคนออกไป เซี่ยเต๋าอวิ๋นจึงเดินไปปลอบคู่สามีภรรยาตระกูลฉู่ “ท่านอ๋อง ฮูหยิน พวกท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ต้องการให้ข้าไปเรียกหมอเทวะจี้ให้หรือเปล่า?”
ฉู่จงเทียนส่ายหัว “นี่เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย” เขานึกถึงความมืดมนที่ตระกูลฉู่เผชิญอยู่ และถอนหายใจ
“ท่านลุง โปรดอย่ากังวลจนเกินไป” เซี่ยเต๋าอวิ๋นกล่าว “เข้าเชื่อว่าปัญหานี้จะต้องมีทางแก้”
แม้ว่านางจะพูดเช่นนี้ แต่ตัวนางเองก็ยังมองไม่เห็นทางออกสำหรับพวกเขาเช่นกัน
ฉินหว่านหรูกล่าวว่า “ขอบคุณคุณหนูเซี่ยสำหรับความช่วยเหลือของเจ้าก่อนหน้านี้”
นางเห็นได้ชัดว่าเซี่ยเต๋าอวิ๋นพาบิดาอย่างเซี่ยอี้มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือตระกูลฉู่ และนางก็ได้ยินเรื่องที่เซี่ยเต๋าอวิ๋นช่วยอาซูให้เข้ามาในเมืองได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะรู้สึกขอบคุณเซี่ยเต๋าอวิ๋น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเรื่องนี้แปลกเล็กน้อย ทั้งสองมีสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้ต่อกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แม้อาซูจะมีทักษะอื่นมากมายที่น่าอัศจรรย์ แต่เรื่องมนุษย์สัมพันธ์ของเขาระหว่างผู้หญิงอื่นนั้นจัดได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุด นางอาจกังวลถ้าตระกูลฉู่ไม่ได้อยู่ในวิกฤต แต่ตอนนี้ยิ่งเขามีเพื่อนผู้หญิงมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกว่า อย่างน้อยถ้าซูอันมีเพื่อนเป็นเจ้าหญิงหรือใครสักคนที่เป็นเชื้อพระวงศ์ มันอาจช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความขัดแย้งกับจักรพรรดิได้โดยที่ไม่ถึงตาย
เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อนนะ จักรพรรดิเอาแต่บอกว่าอาซูขโมยของของเขาไป หรือว่าแท้จริงแล้วองค์จักรพรรดิจะหมายถึงองค์หญิง…