บทที่ 692 การซุ่มโจมตีจากใต้ดิน
บทที่ 692 การซุ่มโจมตีจากใต้ดิน
อ๋องเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ ดังนั้นเขาจึงยังคงรักษาจิตใจที่สงบไว้ได้ “รวมกลุ่มกันเข้าไว้ ร่วมมือกันต้านรับศัตรู!”
“จัดกระบวนรบ! จัดกระบวนรบ!” ในที่สุดหลิวเหย่าก็ตั้งสติได้และเริ่มตะโกนออกคำสั่ง
ทหารราชองครักษ์รีบตั้งแถวเป็นวงกลมล้อมรอบขบวนรถม้าและยกโล่ขึ้นชี้หอกไปทางกองทัพกบฏที่เข้ามา
อ๋องเหลียงบินไปกลางอากาศ ในมือสองข้างควบแน่นพลังจนเป็นลูกบอลแสงสองดวง ก่อนที่เขาจะโยนพวกมันไปกลางกองทัพกบฏทันที
ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่นสองครั้งติด ทั้งคนและม้ากระเด็นขึ้นไปในอากาศ อย่างไรก็ตาม กองทัพกบฏเป็นกองทหารที่ได้รับการฝึกมาพอสมควร ดังนั้นความปราชัยเล็กน้อยนี้จึงไม่ได้กระทบต่อกำลังใจของพวกเขามากนัก
อ๋องเหลียงควบแน่นลูกบอลแสงอีกสองลูกและเขวี้ยงมันออกไปอีกครั้ง จากนั้นจึงระดมยิงใส่ทีละลูกตามไป
ในที่สุดกองทัพกบฏก็เริ่มวุ่นวายและปั่นป่วน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพียงเพราะพลังอันน่าเกรงขามของบอลแสงเหล่านั้น แต่เป็นเพราะการระเบิดอย่างต่อเนื่องนั้นได้ทำลายกระบวนรบของแนวหน้า ซึ่งผู้คนที่แนวหลังที่ต่างก็จดจ่ออยู่กับการพุ่งไปข้างหน้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการวิ่งชนคนและม้าที่ล้มระเนระนาดขวางทางพวกเขาอยู่ได้
ซูอันตกตะลึงไปแล้ว อ๋องเหลียงเป็นเหมือนเครื่องบินทิ้งระเบิด! ต้องรู้ว่ากองทัพอากาศสามารถทำลายล้างกองกำลังภาคพื้นดินได้อย่างง่ายดาย!
ม่านพลังโปร่งใสปรากฏขึ้นเหนือกองทัพกบฏ แม้ว่ามันจะไม่แข็งแรงเท่าม่านพลังโล่ยักษ์ของกองทัพผ้าคลุมสีชาด แต่ก็มีความได้เปรียบด้านตัวเลข ดังนั้นมันจึงยังพอที่จะต้านทานการทิ้งระเบิดของอ๋องเหลียงได้
หลิวเหย่าชักกระบี่แล้วรีบวิ่งเข้าไปช่วย กระบี่พลังชี่ยาวสามสิบกว่าจั้งสับฟันม่านพลังของกองทัพกบฏอย่างรุนแรง และเมื่อรวมกับการโจมตีของอ๋องเหลียง ม่านพลังของกองทัพกบฏก็ไม่เสถียรอีกต่อไป
ในขณะนั้นเอง มีใครบางคนออกมาจากกองทัพกบฏและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ทุบทำลายกระบี่พลังชี่ของหลิวเหย่าด้วยหมัดและสกัดการโจมตีของอ๋องเหลียงในเวลาเดียวกัน
ทั้งสองฝ่ายต่างแลกหมัดกันครู่หนึ่งก่อนจะถอยแยกกันออกไป
“ไอ้คนทรยศหลู่ซานหยวน! ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาด้วยตัวเอง!” สีหน้าของอ๋องเหลียงเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว แม้จะดูเหมือนว่ากำลังของทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน แต่หลู่ซานหยวนได้ทำลายกระบี่พลังชี่ของหลิวเหย่า ก่อนที่จะปัดป้องลูกบอลพลังของอ๋องเหลียง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของหลู่ซานหยวนนั้นเหนือกว่าอย่างชัดเจน
“หลู่ซานหยวน?” ซูอันหยุดนิ่งเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นเคยนี้ เขาสับสนอย่างเห็นได้ชัด
ซ่างหงอธิบาย “เขาเป็นผู้นำกองทัพกบฏในมณฑลหลู่สุ่ย ราชสำนักได้ส่งกองทัพออกมาปราบปรามอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ ตอนนี้เมื่อข้าเห็นด้วยตาของข้าเอง ข้าสามารถบอกได้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขานั้นแข็งแกร่งจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ความพยายามของราชสำนักทั้งหมดจะไม่เป็นผล”
ซูอันจำได้เลือนรางว่าเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบุคคลนี้มาก่อนว่าโหดร้ายเหมือนราชาปีศาจกินเนื้อในร่างมนุษย์ แต่เอาเข้าจริง คนที่บินอยู่กลางอากาศขณะนี้กลับเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์สะอาดสะอ้าน และเมื่อรวมกับผมยาวเรียบไม่รุงรังของเขาแล้ว เขาดูเหมือนผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่ใส่ใจเรื่องทางโลกแทนที่จะเป็นผู้นำกองทัพกบฏเสียมากกว่า
“ดูเหมือนอ๋องเหลียงผู้โด่งดังจะไม่มีอะไรมากไปกว่าชื่อเสียงอันจอมปลอม ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าถ้าเจ้าตกลงที่จะกราบกรานรับใช้ข้า มิฉะนั้น วันนี้ของปีหน้าจะเป็นวันครบรอบการตายของเจ้าแทน” หลู่ซานหยวนยืนอยู่กลางอากาศไพล่มือไปข้างหลัง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม
อ๋องเหลียงไม่สามารถเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าทุกคนได้ เขาคำรามตอบโต้ดังก้อง “ฮึ่ม! แต่ในความคิดของข้า วันนี้จะเป็นวันที่เจ้าถูกตัดหัวมากกว่า!”
“น่าขำ!” หลู่ซานหยวนพูดเสียงเย็นชาก่อนจะบินไปหาอ๋องเหลียงราวกับพญาปักษากำลังโฉบเหยื่อ ร่างกายของเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยหมอกพลังสีดำมืด ก่อนจะควบแน่นกลายเป็นใบหน้ายักษ์ที่ชั่วร้าย
สีหน้าของอ๋องเหลียงแปรเปลี่ยนไปในทันที เขากางแขนออกปรากฎม่านพลังโปร่งแสงล้อมรอบตัวเขาราวกับเปลือกไข่
ทั้งสองปะทะกัน แต่อ๋องเหลียงถูกหมอกสีดำห้อมล้อมอย่างรวดเร็ว
หลิวเหย่าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหลบหนี แต่เขาก็ถูกหมอกสีดำเข้าห้อมล้อมเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าหลู่ซานหยวนไม่ต้องการให้เขาเข้าไปช่วยกองทหารราชองครักษ์ที่เหลืออยู่
ทั้งสามคนพัวพันฟัดเหวี่ยงไปมาในอากาศอย่างดุเดือด แม้ว่าอ๋องเหลียงและหลิวเหย่าจะร่วมมือกัน แต่หลู่ซานหยวนดูเหมือนจะไม่ได้เสียเปรียบเลย ตรงกันข้าม เขาคือฝ่ายรุกด้วยซ้ำ
เมื่อหมอกสีดำปกคลุมท้องฟ้า ร่างของอ๋องเหลียงและหลิวเหย่าก็โผล่ออกมาเป็นครั้งคราว พวกเขาดูเหมือนเรือเล็กสองลำในทะเลท่ามกลางพายุที่จะจมลงเมื่อไหร่ก็ได้ ซูอันจึงอดไม่ได้ที่จะถามหวงฮุ่ยฮงว่า “ทำไมท่านไม่ช่วยพวกเขา? ท่านสามารถอัญเชิญราชโองการออกมาปราบหลู่ซานหยวนได้ไม่ใช่หรือไง?!”
หวงฮุ่ยฮงไม่คิดจะเคลื่อนไหว “แค่อ๋องเหลียงและแม่ทัพหลิวก็เพียงพอที่จะยับยั้งเขาได้”
ซูอันถอนหายใจ “นี่ท่านกำลังทรยศพวกเดียวกันหรือไง?”
หวงฮุ่ยฮงเลือกที่จะไม่ตอบ
เขาสูดลมหายใจอย่างไม่ใส่ใจและเพิกเฉยต่อคำพูดของซูอันอย่างชัดเจน
กองทัพกบฏเคลื่อนทัพมาถึงพวกเขาแล้ว กระบวนรบป้องกันของทหารราชองครักษ์ต้านรับอย่างดุเดือด แค่เพียงไม่กี่ลมหายใจทหารแนวหน้าของกองทัพกบฏก็ล้มตายจำนวนมากจากคมหอกของเหล่าทหารราชองครักษ์
ทว่าจำนวนกองทัพกบฏก็ดูคล้ายกับไร้ขีดจำกัด และพวกเขาแต่ละคนดูราวกับว่าถูกฉีดสารกระตุ้นบางอย่าง ตาของพวกเขาแดงก่ำ อีกทั้งยังตะโกนกรีดร้องอย่างไม่กลัวตายขณะที่เหยียบย่ำศพของสหายบุกเข้ามาเรื่อย ๆ
ทหารราชองครักษ์พยายามที่จะรักษาแนวรบเล็ก ๆ ของพวกเขาไว้อย่างสุดชีวิต แต่พวกเขาไม่สามารถยับยั้งทหารกองทัพกบฏที่มีจำนวนไม่สิ้นสุดได้ และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหลิวเหย่าไม่อาจจะสั่งการได้เนื่องจากกำลังพัวพันกับหลู่ซานหยวน ไม่นานนักแนวรบจึงถูกทะลวงและการสู้รบก็ได้กลายไปสู่การต่อสู้แบบจับคู่อย่างโกลาหล
หวงฮุ่ยฮงฟาดฟันใส่ทหารกองทัพกบฏที่อยู่ใกล้เคียงด้วยโซ่เกี่ยววิญญาณของเขาและทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่เป็นแนวรับสุดท้ายล้อมรอบซูอันและนักโทษคนอื่นเอาไว้
โชคดีที่ขณะนี้ยังมีทหารกองทัพกบฏไม่มากนักที่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้
ถึงกระนั้น หวงฮุ่ยฮงก็มีสีหน้าที่ค่อนข้างหนักใจ เขาสัมผัสได้ว่ากองทัพกบฏกำลังจะทุ่มกำลังจู่โจมสุดตัวไม่ช้าก็เร็ว
“ท่านผู้บัญชาการ เราจะทำยังไงต่อดี?” ทูตยุทธ์เสื้อแพรคนหนึ่งถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
หวงฮุ่ยฮงมองไปรอบบริเวณแล้วพูดเสียงต่ำว่า “ย้ายตำแหน่งไปยังที่ปลอดภัยกว่านี้ก่อน!”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา “นี่ไม่ถือว่าเป็นการทิ้งคนอื่นเหรอ?”
“หุบปาก!” หวงฮุ่ยฮงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “สิ่งสำคัญอันดับแรกของข้าคือการพาพวกเจ้าทุกคนกลับไปยังเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแค่นั้น!”
ซ่างหงก็พูดขึ้นเช่นกัน “ผู้บัญชาการหวง ทำไมท่านไม่ปลดผนึกของพวกเราล่ะ? ข้ายังคงเป็นขุนนางที่ภักดีต่อฝ่าบาท และด้วยความแข็งแกร่งของข้า ข้าสามารถให้ความช่วยเหลือพวกท่านได้ และยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกตระกูลของข้ายังคงอาศัยอยู่ในเมืองหลวงกันมากมาย ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้าจะใช้โอกาสนี้หลบหนี!”
“ท่านซ่างเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด การมีเขาเพิ่มขึ้นมาย่อมเป็นผลดีต่อการต่อสู้แน่นอน” ทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่นกล่าวกับหวงฮุ่ยฮง เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ปัจจุบันทำให้พวกเขากระวนกระวายใจ
“ไม่ได้!” หวงฮุ่ยฮงปฏิเสธข้อเสนอทันที เขาไม่ต้องการเสี่ยงโดยไม่จำเป็น “เคลื่อนที่!”
หลังจากสั่งจบ เขานำรถม้าทั้งสองคันเคลื่อนที่หนีออกไปในทันที พวกเขาจะปลอดภัยตราบเท่าที่สามารถไปถึงกองบัญชาการที่ใกล้ที่สุด
กองทัพกบฏตกตะลึงและไล่ตามพวกเขาทันที เหล่าทหารราชองครักษ์ก็ไล่ตามมาด้วย พวกเขาเข้าใจภารกิจเป็นอย่างดี หากเกิดอะไรขึ้นกับซูอันและนักโทษคนอื่น ๆ ไม่มีทางที่พวกเขาจะรอดจากโทษประหารได้ต่อให้พวกเขาจะสามารถผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัยก็ตาม
หวงฮุ่ยฮงนำทั้งกลุ่มหนีเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้เคียง
เมื่อเห็นว่าพวกเขาออกจากสนามรบได้แล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ทันใดนั้น กระบี่แหลมคมหลายเล่มก็พุ่งออกมาจากพื้นดิน ทิ่มแทงร่างกายส่วนล่างทูตยุทธ์เสื้อแพรด้วยความแม่นยำอันน่าทึ่ง