บทที่ 696 แปดเดียวดาย
บทที่ 696 แปดเดียวดาย
“ออกไปจากที่นี่แม่นางชิว! มันอันตราย!” ซ่างเชียนรีบเตือน สถานการณ์ตอนนี้อันตรายมาก! การที่สาวสวยอย่างชิวฮัวเล่ยมาปรากฏตัวที่นี่ก็เหมือนกับลูกแกะที่หลงเข้ามาในถ้ำเสือ!
ซูอันกลอกตา เจ้าจะโง่ไปถึงไหน? แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของชิวฮัวเล่ย แต่เจ้าก็ควรตระหนักได้บ้างจากการที่เห็น ๆ อยู่ว่านางบินลงมาจากท้องฟ้าใช่ไหม? นางจะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?
ซ่างหงขมวดคิ้ว…ท่าทีของลูกชายเขาช่างน่าผิดหวังจริง ๆ
ชิวฮัวเล่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย นายน้อยซ่าง”
ในเวลาเดียวกัน นางสังเกตเห็นซูอันในชุดเจ้าบ่าว และเจิ้งตานในชุดเจ้าสาว พวกเขาเหมือนคู่แต่งงาน นางจึงสะดุ้งเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เจิ้งตานเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลซ่างไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมซ่างหงและซ่างเชียนถึงดูยินยอมกับเรื่องนี้?
ภูตดำก็ตระหนักได้ทันท่วงที “พวกมันสลับตัวกัน เราเกือบจะตกหลุมพรางแล้ว! ทุกคน…จับชายในชุดเจ้าบ่าวเป็น ๆ! เขาคือซูอันตัวจริง!”
อีกคนหนึ่งพูดขัดขึ้น “ถ้าผู้หญิงคนนั้นสมรู้ร่วมคิดกับพวกมันเพื่อจงใจหลอกเราล่ะ?”
หัวหน้าภูตดำตกตะลึง เรื่องนี้เป็นไปได้เช่นกัน! ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งอีกรอบ “จับเป็นทั้งสองคน สังหารทูตยุทธ์เสื้อแพรและชายชราคนนั้นซะ!”
ชิวฮัวเล่ยถอนหายใจ “ตัวจริงตัวปลอมยังแยกไม่ออกเลย อย่างน้อยเจ้าควรนับไข่ก่อนที่พวกมันจะฟักเป็นตัวสิ”
ผู้นำภูตดำจ้องมองร่างกายของนางอย่างตะกละตะกลามด้วยดวงตาที่เร่าร้อน “เจ้าไม่ต้องกลัว เมื่อเราทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จแล้วเราจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีแน่ ๆ!”
แม้ระดับการบ่มเพาะของชิวฮัวเล่ยจะดูน่าประทับใจ แต่ดูเหมือนพวกภูตดำจะไม่ได้ใส่ใจเลย
ชิวฮัวเล่ยส่ายหัว “ไม่ใช่กองทัพของแม่ทัพหลู่หรอกเหรอที่บังคับให้คนเหล่านี้แยกตัวออกมาจากกลุ่มเข้ามาในป่านี้? เจ้าคิดจะแย่งผลงานของคนอื่นงั้นเหรอ?”
ภูตดำต่างตกตะลึง “เจ้าคือคนของหลู่ซานหยวน!”
“อะไรนะ?!” ซ่างเชียนรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขาได้ออกจากร่างไปแล้ว เขาไม่คิดว่าสาวสวยคนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกบฏ!
ในทางตรงกันข้าม เจิ้งตานรู้สึกชื่นชมชิวฮัวเล่ย ด้วยเหตุที่นางเคยเป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มอาชญากรที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองจันทร์กระจ่าง ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าชิวฮัวเล่ยคล้ายกับตัวเองในบางมุม ถ้าชิวฮัวเล่ยเป็นเพียงคณิกาอันดับหนึ่ง เจิ้งตานอาจรู้สึกดูถูกนางแทน
“น่าเสียดายที่หลู่ซานหยวนได้คำนวณผิดพลาดครั้งใหญ่ในวันนี้โดยส่งเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อ่อนแอเช่นเจ้ามา! ทั้งหมดที่เขาทำคือมอบเครื่องอุ่นเตียงให้เรา” ภูตดำทั้งหมดหัวเราะอย่างครื้นเครง
“ใครบอกว่าข้ามาคนเดียว” ชิวฮัวเล่ยยิ้ม นางปรบมือเบา ๆ และร่างทั้งแปดค่อย ๆ เดินออกมาจากทิศทางที่ต่างกัน
พวกเขาเป็นกลุ่มผสม แต่ละคนมีทั้งสูง เตี้ย ผอม ชาย และหญิง
เมื่อผู้นำภูตดำสังเกตเห็นลักษณะเฉพาะและการแต่งกายของพวกเขา ก็รู้สึกหวาดกลัว “แปดเดียวดายแห่งสำนักมาร!”
ร่างอ้วนหนึ่งในนั้นหัวเราะคิกคัก “น่าแปลกใจจริง ๆ! แม้แต่นักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ยังรู้จักเรา”
สีหน้าของภูตดำเริ่มแย่ลงในทันที
“แปดเดียวดายคืออะไร?” ซูอันถามซ่างหง
“พวกเขาเป็นสมาชิกระดับสูงของสำนักมาร ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังธาตุทั้งแปด โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลม สายฟ้า และน้ำแข็ง” ซ่างหงตอบ “ข้าไม่แน่ใจว่าสำนักมารร่วมมือกับกองทัพกบฏมานานแค่ไหน…ไม่สิ จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งสองกลุ่มอาจเป็นพันธมิตรกันมานานแล้ว”
ชิวฮัวเล่ยหันกลับมายิ้มให้เขา “คนฉลาดอย่างท่านซ่างควรเข้าใจว่าคนฉลาดไม่ได้มีชีวิตยืนยาวเสมอไป”
ซ่างหงดูเหมือนจะไม่สนใจ “ดูจากสภาพตอนนี้แล้ว ข้าไม่คิดว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่หรอก”
ภูตดำเลือกช่วงเวลานี้เพื่อเคลื่อนไหว พวกเขายิงธนูใส่แปดเดียวดาย ด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลและแทบจะในทันที
ธนูทุกคันเปล่งแสงสีน้ำเงินระยิบระยับซึ่งเห็นได้ชัดว่าเหล่าภูตดำนั้นได้เริ่มใช้ค่ายกลผสานพลังของพวกเขาซึ่งคล้ายกับการผสานพลังของเหล่าทหารในกองทัพยามร่วมกันต่อสู้ในกระบวนรบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าธนูเหล่านี้จะต้องมีพลังทำลายล้างสูงจนน่าตะลึง!
ภูตดำเหล่านี้ดูเหมือนจะสื่อสารกันด้วยจิตใต้สำนึก แทบไม่มีใครเปล่งเสียงใด ๆ เลย แต่พวกเขาก็โจมตีพร้อมกันทั้งหมด ลูกธนูทุกดอกมันเร็วราวกับแหวกผ่านข้ามมิติได้ พวกมันพุ่งเข้าหาที่จุดสำคัญของเป้าหมายในพริบตา
ซูอันตกตะลึง ภูตดำเหล่านี้เป็นมือสังหารชั้นยอดจริง ๆ! เขาอาจจะไม่สามารถโต้ตอบได้ทันเวลาหากตัวเองเป็นคนที่ถูกยิง
สมาชิกของแปดเดียวดาย ไม่คิดว่าการโจมตีจะมาอย่างรวดเร็วและมีระเบียบเช่นนี้ ลูกธนูมาถึงร่างกายก่อนที่พวกเขาคิดที่จะหลบซะอีก
“แปดเดียวดายแห่งสำนักมารดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย!” หัวหน้าภูตดำเยาะเย้ย แต่ขณะที่เขากำลังจะพูดอย่างอื่นต่อ ใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง ลูกธนูของพวกเขาไม่ได้แทงทะลุร่างของเป้าหมาย แต่พวกมันกลับค้างอยู่กลางอากาศ ปักคาอยู่ที่ม่านพลังโปร่งใสรอบ ๆ ตัวแปดเดียวดายแต่ละคนและติดค้างอยู่อย่างนั้น
ร่างของแปดเดียวดายแต่ละคนเปล่งแสงสีต่างกัน พวกเขาสร้างม่านพลังรูปทรงกลมโปร่งใสตามลำดับธาตุที่แต่ละคนมี ลูกธนูสีดำแวววาวที่ยิงโดยภูตดำหยุดลงที่เกราะโปร่งใสเหล่านี้
หลังจากนั้นอีกเพียงชั่วอึดใจ ลูกธนูก็ตกลงไปที่พื้นทีละลูก
ซูอันกำลังเฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างตั้งใจ ม่านพลังทรงกลมแสงสีแดงควรเป็นเกราะป้องกันของธาตุไฟ อันโปร่งใสสีน้ำเงินอ่อนน่าจะเป็นธาตุน้ำ และอันสีทองสำหรับธาตุโลหะ…อืม อันนั้นน่าจะเป็นของธาตุไม้…จริง ๆ แล้วเป็นเฉดสีเขียวที่สวยทีเดียว…
เหล่าภูตดำตกตะลึงกับเกราะทรงกลมเหล่านี้อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นพวกเขาจึงชักกระบี่ยาวบางออกมาแล้วบุกเข้าประชิดด้วยความเร็วสูงจนทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะกลายเป็นโปร่งใสคล้ายล่องหน ทั้งหมดโจมตีกลุ่มแปดเดียวดายอย่างต่อเนื่องจากทุกทิศทุกทาง
พวกเขาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เป้าหมายเดียวในแต่ละครั้ง แต่เปลี่ยนเป้าหมายขึ้นอยู่กับว่าการโจมตีแบบใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นนักฆ่าชั้นยอดด้วยกลยุทธ์ของตัวเองและยุทธวิธีที่ฝึกฝนมาอย่างดี
แม้แต่จากภายในรถม้า ซูอันก็สามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันรุนแรงที่ปกคลุมทั้งสนามรบ ใบไม้หลายใบปลิวกระจัดกระจายในบริเวณสนามรบ ก่อนจะถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ทันทีด้วยคลื่นการปะทะแห่งการโจมตีอันรุนแรง
เขาสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากตัวเขาเองตกอยู่ในการโจมตีอันรุนแรงของเหล่าภูตดำ…
ท้ายที่สุดไม่ว่าตัวเองจะใช้สมองหนักแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหาวิธีหลีกเลี่ยงความตายได้เลย เขาจะมีโอกาสรอดได้ก็ต่อเมื่อเขาหนีได้ทันเวลาก่อนจะถูกล้อม
อย่างไรก็ตาม แปดเดียวดายแห่งสำนักมารดูสงบอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขายืนนิ่งไม่หลบ เผชิญหน้ารับการโจมตีโดยตรง
เกราะม่านพลังทรงกลมโปร่งแสงของพวกเขาสั่นไหวแต่ไม่แตกสลาย ไม่ว่าเหล่าภูตดำจะโจมตีอย่างรุนแรงเพียงใด
ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง “ถูกโจมตีขนาดนี้ยังไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ?”