บทที่ 707 ข้าคือเทพมังกร
บทที่ 707 ข้าคือเทพมังกร
ซ่างเชียนรู้สึกหวาดกลัว เขายกกระบี่ที่น้องสาวของเขาให้มาและชักมันออกจากฝัก
เขาไม่ใช่ผู้บ่มเพาะปลายแถว ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะยอมรับชะตากรรมง่าย ๆ
กระบี่ของเขาปะทุด้วยเปลวเพลิงสีทอง ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับความตาย ดังนั้นเขาจึงไม่ออมแรงไว้แม้แต่น้อย พลังสิบสองจากสิบส่วนถูกโคจรขึ้นมาใช้งานอย่างฉับพลัน
ติ้งรุ่นเยาะเย้ย “เจ้ากล้าอวดทักษะกระบี่ต่อหน้าข้าเหรอ?”
ด้วยการฟันอันรวดเร็ว กระบี่ของซ่างเชียนจึงแตกออกเป็นสองส่วน และเปลวไฟสีทองที่โหมกระหน่ำก็ดับลงในทันที
ดาบของติ้งรุ่นไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่ยังคงเคลื่อนไปที่คอของซ่างเชียนด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลเพียงครั้งเดียว การโจมตีเต็มกำลังของซ่างเชียนถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ พลังชี่ของเขากำลังปั่นป่วน ไม่มีทางที่เขาจะตอบสนองได้ทันเวลา
ติ้งรุ่นได้ทำอย่างนี้มานับครั้งไม่ถ้วน นี่เป็นเพียงอีกครั้งหนึ่งที่จะเพิ่มเป็นสถิติในชีวิตของเขา
การแสดงออกของติ้งรุ่นปราศจากอารมณ์ และเจตนาฆ่าที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ซ่างเชียนหายใจลำบาก ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายมีเพียงความคิดเดียวที่ยังคงอยู่ในใจของเขา
ข้าตายแน่แล้ว!
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ซ่างหงที่หมดสติทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นและส่งหมัดไปที่ติ้งรุ่นซึ่งกำลังจะเอาชีวิตลูกของเขา ความเร็วและพลังที่อยู่เบื้องหลังหมัดนี้คือทั้งหมดแล้วที่เขามี มันรุนแรงอย่างถึงที่สุดแม้จะเป็นในยามที่เขาอยู่ในสภาพปกติก็ตาม เห็นได้ชัดว่าการที่เขาหมดสติเมื่อครู่เป็นเพียงการแสดงแสร้งทำเพื่อรอโอกาสนี้
ติ้งรุ่นยิ้ม “คิดไว้ไม่มีผิด!”
เมื่อครู่นี้เขาเห็นซ่างเชียนนำยาป้อนเข้าปากให้ซ่างหง ในฐานะนักฆ่าเบอร์ต้นที่มีชื่อเสียงในโลกใต้ดิน เขาไม่เพียงมีระดับการบ่มเพาะที่น่าสะพรึงกลัวเท่านั้น แต่เขายังมีความรอบคอบที่เหลือเชื่ออีกด้วย
ความระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในอาชีพของเขา ไม่ว่าระดับการบ่มเพาะจะสูงแค่ไหน การขาดความระมัดระวังจะทำให้ถูกฆ่าตายสักวันหนึ่งในที่สุด
เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อเห็นว่าอาการของซ่างหงยังคงไม่ดีขึ้นแม้จะกินยาเข้าไป เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อหลอกล่ออีกฝ่ายหนึ่งให้ติดกับดักแทน
ซ่างหงเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปดและสถานการณ์จะยากขึ้นในการจัดการถ้าฟื้นความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ และยิ่งไปกว่านั้นหากติ้งรุ่นโจมตีผิดเวลา เขาอาจจะถูกเปลี่ยนสถานะจากนักล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าได้ทันที
สีหน้าของซ่างหงมืดลง เขาตระหนักได้ว่าคู่ต่อสู้รู้อุบายของเขาแล้ว ทว่า โชคไม่ดีที่เขาใส่แรงทั้งหมดไปกับการโจมตีนี้แล้ว และด้วยสภาพปัจจุบันของเขา จึงไม่มีทางที่เขาจะโจมตีแบบนี้ได้อีก
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ปล่อยหมัดออกไป
แม้จะรู้ว่าเขาตกหลุมพรางของคู่ต่อสู้แล้ว สิ่งเดียวที่สำคัญในตอนนี้คือการทำให้คู่ต่อสู้ของเขาบาดเจ็บก่อนที่เขาจะตาย เพื่อให้ลูก ๆ ของเขามีโอกาสหลบหนีสำเร็จสูงขึ้น
น่าเสียดายที่ความหวังสุดท้ายนี้พังทลายลงอย่างรวดเร็ว เขาสามารถบอกได้จากสายตาของติ้งรุ่นได้ว่าดาบของอีกฝ่ายย่อมมาถึงคอของเขาก่อนที่หมัดของเขาจะไปถึงตัวมัน
หากเป็นตามปกติ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขา ต่อให้เป็นระยะห่างสามจั้งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ นับประสาอะไรกับความห่างในระยะมือเอื้อมถึงเท่านี้ แต่ทว่าในตอนนี้ ความห่างที่ดูเหมือนใกล้นี้มันกลับกว้างใหญ่พอ ๆ กับระยะห่างระหว่างสวรรค์และผืนโลก
รอยยิ้มชั่วร้ายแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของติ้งรุ่น เขาได้เห็นความสยดสยองและสิ้นหวังในสายตาของซ่างหงแล้ว ในฐานะนักฆ่า นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาสนุกที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังในระดับเดียวกับเขา
ความรู้สึกปีติยินดีที่ครอบงำเขาในช่วงเวลานี้เหนือกว่าความสนุกที่ได้เล่นกับสาวงามที่สุดในหอคณิกาซะอีก
ขณะที่ดาบของเขากำลังจะถึงคอของซ่างหง ก็มีเสียงที่น่ารังเกียจดังมาจากข้าง ๆ เขาในทันใด “แกมองอะไร?”
ติ้งรุ่นสัมผัสได้ถึงแรงกระตุ้นที่ไม่อาจต้านทานได้ในตัวเขา เขาหันไปมองผู้พูดตามสัญชาตญาณและตอบกลับอย่างไม่อาจควบคุมปากตัวเอง “ข้ากำลังมองแกไง ไอ้โง่!”
ในเวลานี้เขารู้ว่ามันต้องฉิบหายแน่นอน…
ในการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะที่ทรงพลัง เส้นแบ่งระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้นั้นเบาบางยิ่งกว่าแผ่นกระดาษ
ช่วงเวลาแห่งความฟุ้งซ่านนี้ทำให้ดาบของเขาช้าลงเพียงเศษเสี้ยว
ทว่าหมัดของซ่างหงกลับไม่ได้ช้าลงเลย และกระแทกเข้าที่หน้าอกของติ้งรุ่นอย่างจัง!
ร่างกายของติ้งรุ่นถูกกระเด็นไปข้างหลัง เลือดพุ่งออกจากปากของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีที่รุนแรง
การจู่โจมอย่างเต็มกำลังของผู้บ่มเพาะระดับแปดเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าติ้งรุ่นไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ การโจมตีครั้งนี้จะส่งเขาลงนรกโดยตรง
อาการของซ่างหงไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไหร่นัก แม้ว่าการเบี่ยงเบนความสนใจของคู่ต่อสู้ไปชั่วขณะจะป้องกันดาบไม่ให้แทงทะลุคอของเขาได้ แต่ก็ยังสร้างบาดแผลที่กว้างและลึกที่ไหล่ของเขา ถ้ามันเจาะลึกลงไปอีกหน่อย เขาอาจจะพิการไปตลอดชีวิต!
ทั้งสองคนมองไปที่ซูอันในเวลาเดียวกัน
ซูอันยิ้มอย่างเขินอาย เขาเข้าไปใกล้เจิ้งตานและพูดว่า “อย่ามองข้าแบบนี้สิ ข้าอายนะ…”
“เจ้าเป็นคนของเผ่ามังกรเหรอ!?” ติ้งรุ่นจ้องมองซูอันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น?” ซูอันถามด้วยความสงสัย
“เพราะเจ้าใช้วิญญาณปรารภ!” ซ่างหงกล่าวพร้อมกับหายใจหอบ เขามองที่ซูอันด้วยความตกใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นซูอันใช้ทักษะนี้ ในงานประลองระหว่างตระกูล การบ่มเพาะของหยวนเหวินตงนั้นเหนือกว่าซูอันอย่างชัดเจน แต่กลับเป็นฝ่ายเสียสมาธิในช่วงเวลาวิกฤตให้กับคำพูดของซูอัน และจบลงด้วยการพ่ายแพ้ต่อซูอัน
ในเวลานั้นไม่มีใครคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้นี้ เฉพาะตอนนี้เมื่อติ้งรุ่นโพล่งออกมา เขารู้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้
ติ้งรุ่นเป็นหนึ่งในนักฆ่าที่เก่งกาจที่สุด และซ่างหงก็สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่มีความสุขุมอย่างมาก ไม่มีทางที่จะฟุ้งซ่านได้ง่ายเหมือนหยวนเหวินตง
ซูอันรู้ว่าทั้งสองกำลังเข้าใจผิด แต่เขาก็ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายเพราะนี่ถือว่าเป็นประโยชน์เช่นกัน หลังจากนี้เขาจะได้ไม่ต้องมีภาระในการอธิบายความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังทักษะ ‘แกมองอะไร?’ ของเขาให้คนอื่นฟัง
“ถูกต้อง ข้าไม่เพียงแต่เป็นเผ่ามังกรเท่านั้น แต่ยังเป็นการกลับชาติมาเกิดของมังกรบรรพบุรุษบรรพกาลอีกด้วย! ขนาดเทพมังกรยังต้องก้มหัวให้ข้า! หากเจ้าสังหารข้าเจ้าจะทำให้เผ่าพันธุ์มังกรทั้งมวลขุ่นเคือง! รู้แบบนี้แล้วเจ้ายังกล้าข้าฆ่าอีกไหม?”
ซูอันรู้สึกเพลิดเพลินเมื่อพูดถึงเรื่องไร้สาระเหล่านี้ ถ้าเขาทำให้คู่ต่อสู้กลัวได้จริงมันคงจะดีมาก แต่ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อย ๆ การทำเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีพอสมควร
ซ่างหงและติ้งรุ่นจ้องมาที่เขา ไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร
ซ่างเชียนเองก็พูดไม่ออก ส่วนซ่างเฉี่ยนมองไปที่เขาด้วยความอยากรู้อย่างมาก ผู้ชายคนนี้มีความลับมากมายจริง ๆ
เจิ้งตานเป็นคนเดียวที่ยิ้ม ผู้ชายคนนี้…คำโกหกของเจ้าช่างใหญ่โตเสมอ…