บทที่ 728 แม่ชีเจ้าเสน่ห์
บทที่ 728 แม่ชีเจ้าเสน่ห์
ซ่างเชียนสะบัดหัวไปมา เขาโกรธจนปล่อยให้ใครไม่รู้เดินเข้ามาใกล้โดยที่เขาไม่รู้ตัวขนาดนี้ได้ยังไง?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองดูผู้มาใหม่ เขาก็หายใจออกทันทีด้วยความโล่งอก
นางเป็นแม่ชีวัยกลางคน สวมชุดคลุมนักพรตเต๋าสีเหลือง และถือแส้หางม้าสีขาวเหมือนหิมะอยู่ในมือ
ดูเหมือนผิดที่เรียกนางว่าสตรีวัยกลางคน ใบหน้าของนางไร้ร่องรอยเหี่ยวย่นของความชรา แต่ไม่มีทางที่นางจะเป็นหญิงสาว นางเปล่งออร่าของวุฒิภาวะที่เด็กสาวไม่สามารถเลียนแบบออกมาได้
นางไม่ได้สวยมาก อย่างน้อยก็ด้อยกว่าเพ่ยเหมียนหมานและเจิ้งตาน แต่นางก็ไม่สามารถถูกมองว่าน่าเกลียดได้เช่นกัน ด้วยท่าทางของนางบางคนอาจมองว่านางมีเสน่ห์ดึงดูดมากคนหนึ่งด้วยซ้ำ
“พี่สาว ท่านกำลังพูดกับข้าเหรอ” น้ำเสียงของซ่างเชียนก็สุภาพเช่นกัน ยังไงก็ตาม ผู้ชายมักพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าหญิงงามโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าเห็นคนอื่นที่นี่ไหมล่ะ?” แม่ชีเต๋าหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะของนางแฝงไปด้วยเสน่ห์ลึกลับ
ซ่างเชียนรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ เสียงหัวเราะของนางไม่ได้ถือว่าไพเราะแต่ก็ไม่ได้ฟังดูน่ารำคาญใจเช่นกัน ความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางนั้นยากจะอธิบาย
บางทีอาจเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ที่ลึกลับ เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของนางเป็นสิ่งที่สตรีทั่วไปไม่อาจมี นี่เป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับเขา
“พี่สาว ท่านรู้จักซูอันด้วยเหรอ?” แทนที่จะสูญเสียความคิดอ่านไป ซ่างเชียนกลับระมัดระวังตัวมากขึ้น
“ไม่รู้จัก แต่ข้าได้ยินเจ้าสาปแช่งเขา ดังนั้นเขาต้องไม่ใช่คนดี” แม่ชีเต๋ากล่าว
ซ่างเชียนรู้สึกปีติอยู่ในใจ ที่ผ่านมาทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะสรรเสริญซูอันมากเกินไป เพ่ยเหมียนหมานชอบซูอัน คู่หมั้นของเขาก็ติดใจซูอัน… และสิ่งที่ยากที่สุดที่จะยอมรับก็คือพ่อและน้องสาวคนเล็กก็ชอบซูอันไม่ต่างจากคนอื่นเลย!
ซ่างเชียนกำลังจะบ้าอยู่แล้ว ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้ยินใครบางคนที่พูดตรงกับใจเขา เขาถึงกับน้ำตาซึม
“พี่สาว เจ้าพูดถูกจริง ๆ! ไอ้เวรซูอันนั้นน่ารังเกียจอย่างยิ่ง!” ซ่างเชียนย้ำ
“เขาทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจขนาดนี้?” แม่ชีเต๋าถามด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ “เป็นไปได้ไหมว่าเขาขโมยภรรยาของเจ้าไป?”
“ไม่มีวัน!” ใบหน้าของซ่างเชียนแดงก่ำ แม้ว่าเจิ้งตานและซูอันจะดูเหมือนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ จะก้าวหน้าไปไกลถึงขนาดนั้นแล้ว
หรือต่อให้จะมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างซูอันกับเจิ้งตานแล้ว ผู้ชายคนไหนจะยอมรับเรื่องน่าละอายเช่นนี้กับผู้อื่น?
“มันเป็นตัวน่ารำคาญที่สุดในชีวิตของข้า!”
แม่ชีเต๋ายิ้มและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าว่าเขาน่ารำคาญขนาดนั้น ก็เผชิญหน้ากับเขาตัวต่อตัวไปเลยสิ การสาปแช่งเขาลับหลังดูไม่ใช่สิ่งที่ผู้กล้าทำกันแม้แต่น้อย”
ใบหน้าของซ่างเชียนร้อนขึ้น “ใครบอกว่าข้าไม่ได้ทำ? ข้าเพิ่งล้มเหลวไป นั่นคือทั้งหมด!”
เพื่อหยุดนางจากการสอดรู้สอดเห็นต่อไป เขาจึงถามอย่างรวดเร็วว่า “ว่าแต่ท่านมาที่นี่ทำไมเหรอพี่สาว? ย่านนี้มันเป็นดินแดนรกร้างค่อนข้างอันตรายและมีสัตว์ร้ายสัญจรไปมามากมาย อีกทั้งยังอาจจะเจอพวกโจรใจบาปก็ได้”
แม่ชีเต๋าถอนหายใจ “นักบวชเช่นข้าจำเป็นต้องเดินทางท่องไปเรื่อยทั่วหล้าเพื่อแสวงการรู้แจ้ง จนถึงตอนนี้ข้ายังโชคดีที่ยังไม่เคยเจอสัตว์ร้ายเลย ส่วนโจร…เจ้าเป็นหนึ่งในพวกเขาหรือไม่เล่า?”
ซ่างเชียนยืดอกและประกาศอย่างรวดเร็ว “ไม่แน่นอน! จริง ๆ แล้วข้าเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการที่รับผิดชอบในการจับกุมอาชญากร!”
“โอ้?” แววแปลกประหลาดแวบผ่านดวงตาของแม่ชีเต๋า “แสดงว่าเจ้าเป็นทหาร! เช่นนั้นข้าขออภัยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าให้สมเกียรติตั้งแต่แรกพบ”
ซ่างเชียนมีความสุขที่ได้ยินคำชมของนาง ทันใดนั้นเขาก็พบว่าผู้หญิงคนนี้น่าดึงดูดมาก ใครจะสนใจเกี่ยวกับเจิ้งตานหรือเพ่ยเหมียนหมานอีกเล่า?
เจ้าทั้งคู่พลาดไปแล้วล่ะ!
เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “พี่สาว ตอนนี้ท่านกำลังจะไปไหน? ข้าสามารถร่วมทางไปกับท่านได้ถ้าท่านต้องการคนคุ้มกัน”
“เจ้าจะคุ้มกันข้าเหรอ?” ดวงตาของนางฉายแววแปลก ๆ อีกครั้ง
“แน่นอน! ท่านอาจไม่รู้จากการมองด้วยตาเปล่า แต่จริง ๆ แล้วข้าเป็นผู้บ่มเพาะระดับหก! โจรกับสัตว์อสูรบนภูเขานี้ล้วนไม่อาจเทียบกับข้าได้!” ซ่างเชียนยังคงโอ้อวดต่อไป เขาต้องให้ความมั่นใจกับผู้หญิงคนนี้ว่าเขาแข็งแกร่งและเป็นที่พึ่งของนางได้
“ระดับหก? เจ้าช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” แม่ชีเต๋าป้องปากของนางด้วยสีหน้าชื่นชม
“อันที่จริงพ่อของข้าแข็งแกร่งกว่าข้าอีก เขาเป็นผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดของระดับแปด!” ซ่างเชียนอยากจะพูดเกินจริงและบอกว่าพ่อตัวเองอยู่ในระดับที่เก้า แต่เขากลัวว่ามันจะดูไม่น่าเชื่อเกินไป
แม่ชีเต๋าหัวเราะคิกคัก “นายน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างโดดเด่น”
ซ่างเชียนรู้สึกยินดีกับตัวเองเป็นอย่างยิ่ง มีหญิงสาวมากมายที่มาติดพันเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพราะมองว่าเขามีตระกูลที่โดดเด่นและสถานะของเขาก็สูงส่ง แม่ชีลัทธิเต๋าอย่างนางซึ่งเคยชินกับชีวิตเรียบง่ายย่อมไม่ใช่เป้าหมายที่ท้าทาย “ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าท่านจะไปไหน ถ้าท่านจะเดินทางไกล ข้าจะไปกับท่านก็ได้”
เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าปลายทางของนางจะเป็นอย่างไร เขาก็จะบอกว่ามันอยู่ทางเดียวกับเขา
เขาจะดูแลนางและใกล้ชิดกับนาง สำหรับคนที่มีเสน่ห์และความสามารถแบบเขา คงจะเป็นเหมือนการเดินเล่นในสวนสาธารณะ
สำหรับพ่อและน้องสาว ซ่างเชียนไม่ต้องการที่จะกลับไปหาพวกเขาเพียงเพื่อให้ถูกตำหนิอีกครั้ง อย่างแย่ที่สุดก็ค่อยไปสมทบกับพวกเขาอีกครั้งในเมืองหลวง
เขามองผู้หญิงคนนี้โดยไม่รู้ตัว เขาสามารถเดาโครงร่างที่เย้ายวนของขณะนี้นางจะสวมเสื้อคลุมหลวม ๆ ก็ตาม
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่สวยเท่าเพ่ยเหมียนหมานและเจิ้งตาน แต่นางก็มีเสน่ห์ดึงดูดสำหรับเขาไม่น้อย
หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงในขณะที่เขาคิดล่วงหน้าถึงฉากต่าง ๆ ในใจ
แม่ชีเต๋านั้นดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเร่าร้อนในดวงตาของเขา นางมองดูเขาก่อนที่จะพูดว่า “ข้ากำลังจะไปเมืองเล็ก ๆ ข้างหน้า นั่นเป็นทางเดียวกับเจ้าหรือเปล่านายน้อย?”
“ข้าอยู่ที่นั่น! เจ้าไว้ใจข้าได้” แววตาของซ่างเชียนเป็นประกาย
“โอ้? ข้าไม่ได้รบกวนนายน้อยให้เดินทางช้าลงใช่ไหม?” แม่ชีเต๋าดูเขินอายเล็กน้อย
“ไม่เลย ๆ มันไม่ได้ไกลขนาดนั้น” ขณะที่เขาพูดเรื่องนี้ ซ่างเชียนก็จำสมาชิกของสำนักมารได้ซึ่งทำให้เขาหยุดชั่วคราว “แต่ข้าแนะนำว่าตอนนี้อย่าเพิ่งไปที่นั่นเลย ผู้คนจากสำนักมารอาจยังไม่จากไป”
“สำนักมาร?” ตาของนางกระตุกไปทางซ้ายและขวา “โอ้ ซูอันที่เจ้าสาปแช่ง…เขาอยู่ที่นั่นหรือ?”
ซ่างเชียนกล่าวว่า “ใช่ มันรอดชีวิตมาได้ยาวนานขนาดนี้เพราะอาศัยโชค แต่ตอนนี้มันตกอยู่ในมือของสำนักมารแล้ว ดังนั้นมันคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก”
แม่ชีเต๋าพยักหน้า “เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องรีบไป”
ซ่างเชียนตกตะลึง “พี่สาว ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพูดเหรอ?”
แม่ชีเต๋าพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ได้ยินสิ แต่เจ้าน่าทึ่งมากไม่ใช่เหรอนายน้อย? เจ้าสามารถปกป้องข้าได้ใช่ไหม? ข้าแน่ใจว่าคนจากสำนักมารคงไม่สามารถต่อกรกับเจ้าได้แน่จริงไหม?”
“แน่นอน… แน่นอน!” ซ่างเชียนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “เชิญทางนี้”
…