บทที่ 787 ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม
มีสิ่งของหลายอย่างกองอยู่รอบ ๆ โลงศพ และซูอันต้องการรื้อค้นอย่างละเอียด
เพ่ยเหมียนหมานกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น นางจึงคอยอยู่เคียงข้างซูอันตลอด
มีของมากมายทุกประเภทจัดวางอยู่รอบโลงศพ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องทองสัมฤทธิ์ แต่ก็มีสิ่งของหลายอย่างที่ทำจากหยก กระเบื้องเคลือบ กระดูก งาช้าง และเครื่องประดับอื่น ๆ
ทางทิศเหนือของโลงศพมีหม้อทองแดงหลายแบบวางตั้งอยู่ ในสมัยโบราณ หม้อไม่เพียงแต่ใช้ทำอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจอีกด้วย
ทิศใต้ของโลงมีเหยือกสุราทรงสี่เหลี่ยม ถ้วยทรงสี่เหลี่ยม เครื่องปั้นดินเผา ไห หม้อ แก้วน้ำ และสิ่งของอื่น ๆ ที่ผู้ตายใช้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ประเพณีการฝังศพของราชวงศ์ซางในสมัยโบราณให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้อย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ตายได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่พวกเขาได้รับในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมสิ่งเหล่านี้จึงถูกพบในสุสาน
แน่นอนว่าซูอันไม่รู้จักวัตถุทองสัมฤทธิ์เหล่านี้ ซึ่งมีรูปร่างและขนาดต่างกัน ทั้งหมดนี้หมี่ลี่เป็นคนที่อธิบายให้เขาฟัง
นางเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉิน ดังนั้นนางจึงรู้เรื่องเหล่านี้มากกว่า นางยังมีความรู้ที่สั่งสมจากห้องสมุดของราชวงศ์ ดังนั้นความรู้ของนางจึงกว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีก นางรู้สึกสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อหลังจากอธิบายทุกอย่างให้คนไม่รู้อย่างซูอันฟัง
ซูอันไม่ได้สนใจคำพูดของนางมากนัก แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะลดความกระตือรือร้นของนางเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อแทน “สิ่งที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะเป็นอาวุธ เอ๊ะ? อาวุธนี้คืออะไร?”
ซูอันสังเกตว่ามีอาวุธทองแดงมากมายที่อีกด้านหนึ่งของห้อง มีหอก และลูกธนู แต่อาวุธชนิดหนึ่งที่ดูแปลกสำหรับเขา มันมีรูปร่างเหมือนขวาน แต่ใบมีดกว้างกว่ามากอีกทั้งมีส่วนแหลมชี้ขึ้นด้านบน
“นั่นมันเยว่ (钺)!” การแสดงออกของหมี่ลี่เริ่มจริงจัง “นั่นไม่ใช่อาวุธธรรมดา ปกติจะไม่ใช้ในสนามรบ แต่ใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจเด็ดขาดในการสั่งการกองทัพซึ่งองค์จักรพรรดิเป็นผู้มอบให้กับผู้ได้รับเยว่ หนึ่ง สอง สาม…มีเยว่อยู่เจ็ดเล่ม บุคคลนี้ต้องมีอำนาจพิเศษในกองทัพ! แต่ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขามาก่อนเลย?”
“คนในยุคนี้ไม่มีความสามารถในการทิ้งหนังสือหรือบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอื่น ๆ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ท่านจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขา” ซูอันตั้งข้อสังเกต “ที่นี่ไม่มีตราหยก ไปดูที่อื่นกันดีกว่า”
ซูอันคิดที่จะนำของทั้งหมดในห้องติดตัวออกไปด้วย ต้องรู้ว่าทุก ๆ อย่างในห้องนี้ล้วนเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่าได้ในโลกก่อนหน้าของเขา!
อย่างไรก็ตาม เขาเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่ามากนักในโลกแห่งการบ่มเพาะนี้ และพวกมันเป็นเพียงสิ่งของธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษ พวกมันไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลยเมื่อนำมันออกไป
เพ่ยเหมียนหมานพูดขึ้น “เอ๊ะ สิ่งนี้สวยจริง ๆ”
ซูอันรีบเดินไปดู เขาคิดว่านางพบตราหยกหรือเครื่องประดับบางอย่าง แต่ทว่านางเพียงแค่กำลังมองรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่งด้วยรอยยิ้มกว้าง
รูปหล่อชิ้นนี้พิเศษจริง ๆ มันดูเหมือนกระทิง แต่ก็ค่อนข้างแตกต่างจากกระทิงทั่วไป กระทิงทองสัมฤทธิ์ตัวนี้ดูกำยำมาก หัวของมันเหยียดไปข้างหน้าและปากของมันเปิดอ้าเล็กน้อย ส่วนอื่น ๆ เช่น ตา หู จมูก เขา ลำตัว และหาง มีสีสันสดใสและเหมือนจริงราวกับมีชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งตัวของรูปหล่อกระทิงทองสัมฤทธิ์ตัวนี้ถูกสลักด้วยรูปสัตว์มากมายไม่ว่าจะเป็นมังกร นก เสือ ช้าง และสัตว์อื่น ๆ ทั้งหมดถูกแกะสลักไว้ทั่วทั้งตัวทำให้ดูสง่างามและวิจิตรบรรจงยิ่งขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่าส่วนลำตัวของมันจะดูองอาจและทรงพลัง แต่ทว่าส่วนหัวของมันกลับอยู่ในลักษณะเอียงคอเล็กน้อย และปากของมันก็เปิดอ้า ซึ่งทำให้มันดูไร้เดียงสาอย่างมีเสน่ห์ ไม่น่าแปลกใจที่เพ่ยเหมียนหมานชอบมัน
“ถ้าชอบก็เอาไปด้วยสิ” ซูอันจับมือเพ่ยเหมียนหมาน มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
หมี่ลี่กลอกตา
“ไม่ดีกว่า” เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัว “มันถูกฝังไว้กับคนตาย อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาชอบเมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่าขโมยของแบบนี้เลย…”
นางเหลือบมองโลงศพยักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ นาง แล้วย้ายไปที่ด้านข้างของซูอัน นางพูดเสียงเบาว่า “ที่นี่แปลกเกินไป…สิ่งต่าง ๆ อาจยุ่งเหยิงได้ถ้าเราทำให้เจ้าของสุสานโกรธและออกมาจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเอง”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เพ่ยเหมียนหมานดูกล้าหาญอยู่เสมอ เขาไม่คิดว่านางจะมีความเกรงกลัวเรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้
เสียงของหมี่ลี่ดังขึ้นในหัวของเขา “หยุดทำตัวเจ้าชู้ได้แล้ว ยังมีที่อื่นอีกที่เจ้ายังไม่ได้ดู”
ซูอันกระโดดด้วยความตกใจเมื่อเห็นนางมองโลงศพ “ท่านต้องการเปิดโลงศพอย่างนั้นเหรอ?”
หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “แน่นอน! ของมีค่าที่สุดมักจะอยู่ในโลงศพเสมอ ป้ายหยกของนางอาจจะอยู่ข้างใน!”
ซูอันกลืนน้ำลาย “นั่นไม่มากไปหน่อยเหรอ? เราจะรบกวนการนอนของเขา”
“อย่าทำตัวสำออย!” หมี่ลี่ด่าเขา “นี่คือโอกาส! ผู้ที่ปฏิเสธที่จะสำรวจภูเขาแห่งขุมทรัพย์คือคนโง่ที่น่าเหยียบย่ำที่สุด อีกทั้งเจ้ายังสัญญากับเด็กสาวคนนั้นว่าเจ้าจะตามหาป้ายหยกให้เจอ และเจ้าจำเป็นต้องค้นหากลไกที่จะออกจากมิติลับนี้ด้วย หลุมฝังศพนี้ค่อนข้างผิดปกติ ใครจะรู้ว่ามีเบาะแสสำคัญซ่อนอยู่ภายในหรือไม่”
คำพูดของนางฟังดูสมเหตุสมผลสำหรับซูอันและเมื่อเขานึกถึงอดีตที่น่าเศร้าของเด็กสาว เขาก็ตัดสินใจ “อย่างนั้นก็ได้!”
เพ่ยเหมียนหมานตกใจเมื่อเห็นว่าซูอันกำลังจะเปิดโลงศพ นางรีบเดินไปหยุดเขา แต่ซูอันกลับย้ำในสิ่งที่หมี่ลี่พูดกับนาง
เพ่ยเหมียนหมานกัดริมฝีปากแต่ก็พยักหน้าเห็นด้วยในตอนท้าย “ตกลงตามนั้น เนื่องจากเจ้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ข้าจะสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า แต่ระวังด้วย”
ซูอันพยักหน้าจากนั้นก็โค้งคำนับไปที่โลงศพ “ผู้อาวุโสที่เคารพ ข้าขออภัยที่รบกวนความสงบสุขของท่าน แต่พวกเราต้องหาทางออกจากที่นี่อย่างไม่มีทางเลือกอื่น โปรดยกโทษให้การกระทำของเราด้วย”
หมี่ลี่บ่นเมื่อเห็นการกระทำของเขา “เสียเวลาเปล่า!”
โลงศพนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองชั้น คล้ายกับเป็นการวางโลงศพเข้าไปในโลงศพอีกที
โลงศพชั้นนอกนี้ถูกทาด้วยสีดำเป็นหลัก โดยมีลวดลายสีแดงและสีเหลืองแต่งแต้ม
หลังจากที่ซูอันแสดงความเคารพ เขาหยิบหอกทองสัมฤทธิ์จากผนังห้องและสอดมันเข้าไปใต้ฝาโลงเพื่องัดเปิดโลงศพชั้นนอก
เมื่อฝาโลงชั้นนอกถูกเปิดออก เขาเห็นวัตถุหลายชิ้นวางอยู่ในช่องว่างระหว่างโลงศพชั้นในและชั้นนอก เช่น หมวกแม่ทัพและเครื่องปั้นดินเผาชั้นดี แต่กลับไม่มีตราหยกที่เจียงเจียงพูดถึง
อย่างไรก็ตาม ความหวังของเขายังคงอยู่ ตามปกติแล้วสิ่งของที่วางในโลงศพชั้นในนั้นย่อมดีกว่าของที่ถูกวางอยู่ในโลงศพชั้นนอก ซึ่งหมายความว่าป้ายหยกอาจอยู่ข้างใน!
โลงศพชั้นในทาสีแดง มันถูกสลักลวดลายมังกรและปลาอันวิจิตรงดงาม ฝาโลงศพปิดด้วยแผ่นทองคำเปลว ทองคำนั้นหายากในสมัยอินซางดังนั้นด้วยจำนวนทองคำบนโลงศพ มันง่ายที่จะจินตนาการถึงสถานะที่น่าเคารพของผู้ที่ถูกฝังที่นี่เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่
ซูอันต้องการเลียนแบบตัวละครในซีรีย์เรื่อง ‘ล่าปริศนาสุสานมรณะ’ ซึ่งก็คือการจุดเทียนไขที่มุมของโลงศพและดูว่าจะดับหรือไม่เพื่อเป็นการระมัดระวังไว้ก่อน
แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็คิดว่าเนื่องจากพวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะ ดังนั้นคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอยู่ในโลงศพย่อมไม่น่าเป็นอันตรายต่อพวกเขามากนัก ส่วนไอ้เรื่องตัวประหลาดที่อาจกระโจนเข้าใส่พวกเขาหลังจากเปิดโลงนั้น พวกเขาก็ยังสามารถต่อสู้กับมันได้ เมื่อพิจารณาจากจำนวนครั้งที่พวกเขาต่อสู้กับพวกผีดิบแล้ว การจุดเทียนเพื่อเป็นการป้องกันนั้นดูไร้สาระเกินไป
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนเพ่ยเหมียนหมานเป็นครั้งสุดท้ายให้ระวัง ก่อนที่จะใช้หอกงัดเปิดฝาโลง
มีเครื่องหยกมากมายอยู่ภายใน แหวนหยกและชิ้นส่วนหยกอื่น ๆ ถูกจัดเรียงตามร่างกายส่วนบนทั้งสองด้านของบุคคลที่ถูกฝัง และเครื่องประดับรูปมังกรสี่ชิ้นถูกจัดวางไว้บนหลังของเขา เกือบเป็นเส้นตรงจากบนลงล่าง เครื่องสูบยาเส้นหยกวางอยู่บนหน้าอกและหน้าท้อง ขณะที่เปลือกหอยอยู่ที่ร่างกายส่วนล่าง ด้านล่างของโลงศพเต็มไปด้วยชาด
เพ่ยเหมียนหมานพิงซูอันโดยไม่รู้ตัว “ทำไม…ทำไมท่าทางของเขาแปลกแบบนี้?”
บุคคลที่ถูกฝังยังไม่ได้กลายเป็นกระดูก แต่ดูเหมือนศพที่ค่อนข้างสมบูรณ์และแห้งเหี่ยว พวกเขาสามารถนึกได้อย่างชัดเจนถึงภาพของผู้ตายในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่น่าแปลกก็คือท่าทางที่ศพนี้ถูกวางไว้ในโลงศพ
เขาไม่ได้นอนหงายหรือนอนตะแคงเหมือนที่ศพทั่วไปที่ควรจะถูกจัดวางในโลง แต่ศพนี้ถูกจัดวางให้นอนคว่ำหน้าลง
เสียงของหมี่ลี่ดังขึ้น “นี่อาจเป็นสิ่งที่เป็นที่รู้จักในตำนานว่าเป็นสุสานแบบนอนคว่ำ มีคนสองประเภทเท่านั้นที่ถูกฝังเช่นนี้ ประการแรกคือผู้มีฐานะต่ำต้อยซึ่งชัดเจนว่าคนผู้นี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงเหลือความเป็นไปได้อีกเพียงอย่างเดียวคือชายผู้นี้ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ แต่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม!”
ลมร้ายพัดมารอบตัวพวกเขาทันทีที่นางพูดเช่นนี้ อุณหภูมิลดลงและความหนาวเหน็บได้ไหลผ่านร่างกายของพวกเขา