บทที่ 797 วิกฤต
บทที่ 797 วิกฤต
นางกำนัลรีบก้าวเข้ามาหยุดเขาไว้ “ท่านเสนาบดี ทั้งสองพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่”
“แต่ทางกองทัพมีเรื่องด่วน! จะมีผลกระทบร้ายแรงได้หากล่าช้าจนเกินไป!” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ท่านเสนาบดี แต่เราจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงถ้าเรารบกวนองค์จักรพรรดิในตอนนี้…” นางกำนัลกำลังจะร้องไห้
ซูอันพูดไม่ออกเมื่อได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ตอนนี้เขากำลังโอบเพ่ยเหมียนหมานไว้ในอ้อมแขนและแบ่งปันคำบอกรักซึ่งกันและกัน สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการคือการถูกรบกวน
อย่างไรก็ตามเพ่ยเหมียนหมานรีบผลักเขาออกไป “รีบเชิญเขาเข้ามา ข้าไม่ต้องการที่จะเป็นที่รู้จักในฐานะหญิงงามที่เป็นต้นเหตุให้อาณาจักรล่มสลาย”
ซูอันหัวเราะ
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเหตุใดจึงมีผู้ปกครองที่ไร้ความสามารถมากมายในประวัติศาสตร์ เมื่อมีนางสนมที่งดงามรายล้อมอยู่รอบตัว การลุกจากเตียงเพื่อออกว่าราชการในช่วงเช้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…
ชายหนุ่มปล่อยให้เพ่ยเหมียนหมานแต่งตัว ไม่มีทางที่เขาจะเชิญใครเข้ามาในขณะที่นางยังนอนอยู่บนเตียง เขาไม่ชอบที่จะแบ่งปันผู้หญิงของตัวเองให้เป็นอาหารตาให้ใคร
ขณะที่เพ่ยเหมียนหมานลุกขึ้น หน้าอกของนางก็กระเพื่อม ซูอันรู้สึกร้อนรุ่มอีกครั้ง
“ยังดูไม่พออีกเหรอ?” เพ่ยเหมียนหมานหยอกล้อ
ซูอันกลืนน้ำลาย “ข้าจะไม่มีวันเบื่อไปตลอดชีวิต! แม้แต่สิบชาติก็ยังไม่พอสำหรับข้า!”
เมื่อคำพูดออกจากปาก ซูอันก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าใส่นางและเอื้อมมือออกไปอย่างตะกละตะกลาม
เพ่ยเหมียนหมานตกใจและผลักเขาออกไป เมื่อมีคนสำคัญรออยู่ข้างนอก นางจึงไม่มีอารมณ์จะเล่นกับเขา
ในที่สุดนางก็หลบเลี่ยงเขาสำเร็จและหาเสื้อผ้ามาใส่ การแสดงออกของนางเริ่มแปลกขึ้นเล็กน้อย “เสื้อผ้าพวกนี้…แค่นี้เองเหรอ?”
ซูอันได้เห็นการแต่งตัวของนางกำนัลก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจคร่าว ๆ ว่านางน่าจะหมายถึงเสื้อผ้าของนางมันคงน้อยชิ้นเช่นกัน แต่เมื่อเขาหันกลับไปดู เขาเกือบจะกระอักเลือด
ในฐานะจักรพรรดินี เสื้อผ้าของนางทำมาจากวัสดุที่ดีกว่าของนางกำนัลอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่มีทางเทียบได้กับสิ่งที่สามารถผลิตได้โดยใช้เทคโนโลยีการปั่นและการทอที่พัฒนาขึ้นในยุคต่อมา
เสื้อผ้าของเพ่ยเหมียนหมานในตอนนี้มันน้อยชิ้นพอ ๆ กับที่นางคณิกาใส่กันเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับนางกำนัล เครื่องแต่งกายของเพ่ยเหมียนหมานประกอบด้วยสิ่งที่คล้ายกับเกาะอกตัวจิ๋วและกระโปรงสั้น แต่ด้วยสรีระของเพ่ยเหมียนหมานที่มีหน้าอกขนาดมหึมา เกาะอกของนางจึงยิ่งดูเล็กจิ๋วมากกว่าเดิม
อีกทั้งเอวของนางก็ยิ่งดูเปิดโล่ง เมื่อรวมกับขาเรียวยาวที่มีสัดส่วนพอเหมาะ นางจึงกลายเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของสาวงามที่ดุร้ายและเย้ายวน
เพ่ยเหมียนหมานค่อนข้างไม่สบายใจเกี่ยวกับการเปิดเผยเนื้อหนังของตนเองมากขนาดนี้และถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม คิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันในทันใด และนางก็ก้มลงในทันที
“มีอะไรเหรอ?” ซูอันตื่นตระหนกและรีบมาตรวจสอบนาง
เพ่ยเหมียนหมานกลอกตาใส่เขา “ลืมไปแล้วเหรอว่าทำอะไรกับข้าไว้?”
ตอนนี้ซูอันตระหนักดีว่าเกิดอะไรขึ้น นางเป็นสาวพรหมจรรย์ที่เพิ่งผ่านประสบการณ์คืนแรกอันรุนแรงมา คงจะน่าแปลกใจกว่านี้ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติเลย
“หยุดขำได้แล้ว!” เพ่ยเหมียนหมานกล่าวอย่างฉุนเฉียว “มีใครไม่รู้กำลังจะเข้ามา เจ้าไม่คิดว่าข้าแต่งตัวเปิดเผยมากไปหน่อยหรือไง?”
ซูอันหัวเราะ “ไม่ มันดูดีสำหรับเจ้าและสอดคล้องกับประเพณีของยุคนี้ อย่ากังวลไปเลย”
ชุดแบบนี้จะดูเปิดเผยเกินไปในเมืองจันทร์กระจ่าง แต่การแต่งตัวแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติในช่วงหน้าร้อนของยุคโบราณ อันที่จริงสาว ๆ หลายคนยิ่งสวมชุดที่เปิดเผยยิ่งกว่านี้ซะอีก
ทุกยุคสมัยมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง
หัวใจของเขาเบ่งบานด้วยความปีติในขณะที่ความคิดแล่นเข้ามาในหัว และเขาก็ออกคำสั่งให้คนภายนอกเข้ามา
ในเวลาไม่นานประตูเปิดออกและชายวัยกลางคนเดินเข้ามา “กระหม่อมฟู่ซัวถวายบังคมองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดินี!”
สีหน้าและการแสดงออกของฟู่ซัวดูบริสุทธิ์ใจและไม่ได้ทำให้เพ่ยเหมียนหมานอึดอัดแม้แต่น้อย
ซูอันพยักหน้า นี่คือขุนนางที่ดีและเขาสามารถบอกได้จากบุคลิกของอีกฝ่ายว่าเป็นคนซื่อสัตย์ที่ห่วงใยอาณาจักรอย่างแท้จริง
“ฟู่ซัว?” ข้อมูลบางอย่างเข้ามาในหัวของซูอันอย่างรวดเร็ว พระเจ้าอู่ติงได้รับคำพยากรณ์จากสวรรค์ผ่านทางความฝัน ซึ่งทำให้เริ่มค้นหาบุคคลที่สวรรค์ส่งมาให้จนท้ายที่สุดก็ได้พบ
ชายวัยกลางคนฟู่ซัวผู้นี้เคยเป็นทาสธรรมดาที่ทำงานเป็นแรงงาน ครั้งที่พบเจอฟู่ซัวกำลังสร้างกำแพงริมถนน เมื่อพระเจ้าอู่ติงปรากฏตัวและเลือกเขา
เรื่องนี้ถูกกล่าวถึงทั้งในหนังสือชื่อว่า ‘เมนเชียส’ และ ‘ซูจิง’
หลังจากได้รับเลือกจากพระเจ้าอู่ติง ฟู่ซัวไต่เต้าตำแหน่งอย่างรวดเร็วจนในที่สุดกลายเป็นเสนาบดีของราชวงศ์ซางซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมหาศาล
แต่ซูอันไม่เชื่อเรื่องไร้สาระที่สวรรค์บันดาลฝันให้แก่พระเจ้าอู่ติง โอกาสที่จะสุ่มเจอทาสจากข้างถนนที่มีความรู้ความสามารถจะมีสักแค่ไหน?
พระเจ้าอู่ติงเติบโตขึ้นมาในหมู่คนทั่วไปในช่วงวัยเด็ก เขาอาจรู้จักฟู่ซัวนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากนั้นเขาก็จงใจแต่งเรื่อง ‘ความฝันจากสวรรค์’ ขึ้น
เมื่อพระเจ้าอู่ติงขึ้นสู่อำนาจ เขาไม่มีประสบการณ์ อิทธิพล และกำลังคนที่เพียงพอ
นี่เป็นเหตุผลที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเขาไม่ได้ออกคำสั่งใดเลยเมื่อขึ้นครองราชย์เป็นเวลาสามปีเต็มและอยู่อย่างเงียบ ๆ คอยเฝ้าดูการทำงานของเหล่าขุนนางในราชสำนัก และจากนั้นต่อมาพระเจ้าอู่ติงได้พบฟู่ซัวคนรู้จักที่จะเสริมสร้างรากฐานของเขา
ซูอันรู้ดีว่านี่คือคนสนิทที่วางใจได้ ดังนั้นเขาจึงรีบทักทายกลับและพูดว่า “เสนาบดีฟู่ เกิดอะไรขึ้น?”
ในสมัยโบราณ ตำแหน่งเสนาบดีมีความสำคัญมาก ใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่งสามารถสนทนากับจักรพรรดิได้โดยตรง หลังจากที่ระบบศักดินาพัฒนาขึ้นในภายหลัง บทบาทของเสนาบดีก็ลดลงในที่สุด แม้แต่พวกเขาก็ต้องหมอบลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิ
“เราได้รับข่าวจากแนวหน้าว่ากองทหารที่เราส่งไปปราบปรามแคว้นเชียงขณะนี้ถูกสังหารจนหมดสิ้น!” ฟู่ซัวกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
“อะไรนะ!?” ซูอันได้เริ่มสวมบทบาทพระเจ้าอู่ติงอย่างช้า ๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยรู้ว่าจุดประสงค์ของการทดสอบนี้คืออะไร แต่เนื่องจากเขาและเพ่ยเหมียนหมานรับบทเป็นพระเจ้าอู่ติงและจักรพรรดินีฟู่ห่าว การตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อราชวงศ์ซางจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างแน่นอน
ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา แคว้นเชียงเป็นชนเผ่าที่มีอำนาจทางตะวันตกเฉียงเหนือของราชวงศ์ซาง อิทธิพลของพวกมันแผ่ขยายไปทั่วมณฑลกานซู่และซานซีในปัจจุบัน แคว้นเชียงมักจะส่งกองกำลังรุกล้ำเข้ามาปล้นสะดมชาวบ้านในอาณาจักรซางเป็นครั้งคราว
คราวนี้ แคว้นเชียงได้เปิดฉากการบุกรุกครั้งใหญ่ตามแนวชายแดนของอาณาจักรซาง แม้ว่าราชวงศ์ซางจะส่งแม่ทัพไปหยุดยั้ง แต่กองทัพกลับถูกกวาดล้างจนหมด
สิ่งนี้ทำให้ราชวงศ์ซางตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ท้ายที่สุด แคว้นเชียงก็เป็นศัตรูเก่าแก่ของราชวงศ์ซาง และอยู่ห่างไกลจากคำว่าอ่อนแอมาก ความประมาทเพียงเล็กน้อยจะนำไปสู่ความพินาศอย่างสมบูรณ์