บทที่ 683 สายตาและโลกทัศน์คับแคบเพียงนี้เลยหรือ?
ต้นหลิวมาแล้ว!
หัวใจที่เต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของเหล่าของวิเศษเบาลงอย่างสิ้นเชิง พวกมันเชื่อใจในตัวต้นหลิวมาก ต่างประจักษ์กันก่อนหน้านี้แล้วว่าต้นหลิวน่ากลัวปานใด
“พี่หลิวไร้เทียมทาน!”
มัจฉาสัตมายาตะโกนลั่น สีหน้าเต็มตื้น ในใจของเขา ต้นหลิวเป็นรองเพียงคุณชาย กวาดล้างศัตรูได้ทุกหมู่เหล่า!
“ตัวบ้าบออะไรอีกล่ะ!”
จ้าวแห่งความพิศวงแค่นเสียงเย็น คิ้วขมวดน้อย ๆ ตวาดออกมา “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงกล้าวางมาดใหญ่โตต่อหน้าข้าถึงเพียงนี้ มาแค่…ก้านหลิวก้านเดียวเท่านั้น”
พลังชั่วร้ายน่าครั่นคร้ามหลั่งไหลออกจากตัวมัน อวกาศนอกอาณาจักรระเบิดรุนแรง ดวงดาวทั้งหมดแตกออก ไม่เหลืออยู่สักดวง
“ตัวบ้าบออะไรอีกฮึ? ตาไม่ดีเอาเสียเลย ยังไม่รีบถอนรากถอนโคนมันมาอีก เจ้ามัวรออะไรอยู่?!”
จ้าวแห่งความพิศวงถีบเข้าที่ตัวจ้าวหลาน จนจ้าวหลานล้มหัวคะมำ ดินเต็มปาก
มันยั้งพลังอยู่ มิฉะนั้นที่ถีบไปพอจะเอาชีวิตจ้าวหลานแล้ว
จ้าวหลานอัดอั้นตันใจเป็นหนักหนา!
มันน่ะหรือตาไม่ดี?
มันกล้าตาดีที่ไหน?
มันแค่หัวเราะก่อนหน้านี้ยังมิได้ ไฉนเลยจะกล้าทึกทักอันใดเอาเองอีก!
หากมิใช่เช่นนี้ ด้วยนิสัยของมัน หลังจากได้ยินวาจาเหิมเกริมของต้นหลิว มีหรือจะอยู่เฉยได้ไหว?
ไม่มีทางอยู่แล้ว!
คงต่อว่าหรือลงมือกำราบต้นหลิวไปนานแล้ว!
ทว่ามันกล้าแค่คิดในใจเท่านั้น มิกล้าเอ่ยออกมาเลยสักนิด
มันคลานขึ้นจากพื้นทันที ก่อนจะบุกไปหาต้นหลิว
ระหว่างนี้ มันมิกล้าเปล่งแม้แต่ถ้อยคำเดียว กลัวจะพูดอันใดผิดแล้วแสลงหูจ้าวแห่งความพิศวงท่านนี้อีก
“เจ้าเพิ่มพลังให้มันได้ตลอดมิใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าทำต่อสิ พลังแค่นี้ของมันไม่คณนามือข้าหรอก…” ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา
จากนั้นก้านหลิวไหวเบา ๆ หนึ่งที ก็มีลำแสงเจิดจ้าพุ่งไปหาจ้าวหลาน
จ้าวหลานผวาทันที ดวงวิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุด มันสัมผัสได้ว่าภายในลำแสงนี้มีพลังสยดสยองน่ากลัวเพียงใดแฝงเอาไว้ เกินกว่าที่มันจะรับมือไหว!
ต่อให้พลังที่มันมีในครอบครองตอนนี้จะแข็งแกร่งมหันต์ก็มิไหว!
อย่างที่คิด มันเปล่งพลังเต็มกำลังก็ต้านมิได้ ห่างชั้นกันเกินไป!
เสียงดังตู้ม มันถูกลำแสงนั้นยิงใส่ กระเด็นออกไปทันใด ล้มแทบเท้าจ้าวแห่งความพิศวง ปากกระอักเลือดออกมาไม่หยุด ร่างหายไปกว่าครึ่งค่อนตัว
จ้าวแห่งความพิศวงสายตาเย็นเยียบทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้นหลิวกำลังท้าทายมันอยู่!
มันไฉนเลยจะทนไหว?!
เป็นไปได้เช่นไร!
“ลุกขึ้นสู้ต่อ!”
มันตวาดเสียงเย็น กระทืบเท้ากับพื้น จ้าวหลานที่นอนแนบเท้ามันกระเด้งตัวขึ้นมาในบัดดล
จากนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งของมันก็ซัดลงมา กดลงบนหัวจ้าวหลาน ถ่ายเทพลังสู่ตัวจ้าวหลาน
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ลำแสงพิศวงพวยพุ่งออกจากตัวจ้าวหลานเรื่อย ๆ ร่างทั้งร่างขยายจนมหึมา เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้จ้าวแห่งความพิศวงมิได้ ‘อ่อนโยน’ อย่างครั้งก่อน ถ่ายพลังออกไปอย่างบ้าคลั่งจนเพิ่มขึ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า!
อย่าให้เอ่ยเลยว่าจ้าวหลานทรมานขนาดไหน พลังดุดันมากมายหลั่งไหลสู่ร่างของมันอย่างบ้าคลั่ง มันรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้ระเบิดเต็มที ความเจ็บปวดแผ่ซ่านสู่ทุกอณูในตัว มันได้ลิ้มรสความทุกข์ที่หนักหนายิ่งกว่าตายอีกครั้ง
“พอได้แล้ว พอได้แล้ว!”
มันร่ำไห้ น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไร้เสียง ร่ำร้องในใจไม่หยุด
จ้าวแห่งความพิศวงไม่สนใจความรู้สึกของมันเลยสักนิด มันใกล้จะระเบิดแล้วจริง ๆ ทว่าจ้าวแห่งความพิศวงก็ยังไม่มีทีท่าหยุดยั้ง
มันไม่เคยคิดเลยว่า ยามตัวเองได้รับพลังสยดสยองน่ากลัวปานนี้จะไม่รู้สึกสุขใจเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังตรอมตรมอย่างแสนสาหัสอีกด้วย!
ท้ายที่สุด จ้าวแห่งความพิศวงก็รามือ
“พอแล้ว”
มันเอ่ยเสียงราบเรียบ “ไปเถิด ถอนรากถอนโคนมันออกมาผ่าทำฟืน!”
พลังที่มันถ่ายเทให้แก่จ้าวหลานในครานี้แข็งแกร่งพอแน่นอน ต่อให้พาตัวจ้าวหลานไปยังอาณาจักรโกลาหลระดับกลาง จ้าวหลานก็สร้างชื่อเสียงได้แน่นอน กวาดล้างศัตรูได้มากมาย
“ได้!”
จ้าวหลานตอบรับทันที รีบบุกเข้าไปหาต้นหลิว
พลังในกายตอนนี้มหาศาลเกินไป มันจึงต้องรีบ ‘ระบาย’ ออกมา!
“พอแล้วรึ?”
ต้นหลิวหัวเราะเบา ๆ “นี่หรือคือสายตาการมองเห็นของเจ้า พลังแค่นี้หาได้พอไม่…”
ก้านหลิวของมันสะบัดอีกครั้ง ลำแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา ทิ่มแทงไปหาจ้าวหลาน!
เสียงดังปัง จ้าวหลานกระเด็นไปอยู่แทบเท้าจ้าวแห่งความพิศวงอีกครั้ง
หนนี้มันบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม ทันทีที่ไปอยู่แทบเท้าจ้าวแห่งความพิศวง ร่างของมันก็ระเบิดแหลก กลายเป็นหมอกเลือด
เมื่อได้เห็นภาพนี้ นัยน์ตาจ้าวแห่งความพิศวงพลันหรี่ลง ประกายประหลาดวูบวาบอยู่ในนั้น
นี่มันเรื่องอันใดกัน? จักรวาลโกลาหลชั้นต่ำเยี่ยงนี้มีกำลังรบระดับต้นหลิวอยู่ด้วยรึ?
มันคิดไม่ถึงจริง ๆ!
ตามหลักแล้วไม่ควรเป็นเช่นนั้น ความโกลาหลเป็นบ่อเกิดของสรรพสิ่ง ไม่ว่าญาณใดล้วนอยู่ใต้ขีดจำกัดของความโกลาหล ภายในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ พลังความโกลาหลแข็งแกร่งเพียงใด ระดับของสิ่งมีชีวิตในนั้นก็สูงได้เท่านั้น
พลังโกลาหลเป็นเหมือนเพดาน
แต่เห็นได้ชัดว่าต้นหลิวตรงหน้าทลายเพดานของจักรวาลโกลาหลผืนนี้ไปแล้ว พลังที่มีนั้นเกินกว่าพลังโกลาหลในจักรวาลโกลาหลผืนนี้!
ทำได้อย่างไรกัน?
มันเชื่อไม่ลง!
เพดานนั้นทลายได้ง่ายที่ไหนกัน?
ต่อให้เป็นความพิศวงลางร้ายอย่างพวกมัน ก็ต้องได้รับพลังเทวโลกมาช่วยจุนเจือก่อน จึงจะทลายเพดานในจักรวาลโกลาหล แล้วกระโดดข้ามขีดจำกัดออกมาได้
เท่าที่พวกมันรู้มา ภายในจักรวาลโกลาหลมากมายเหล่านี้ มีสิ่งมีชีวิตไม่กี่ตนที่สามารถทลายเพดานของจักรวาลโกลาหลที่ตนอยู่ จนสามารถกระโดดข้ามขีดจำกัดออกมาได้
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยากมาก จนแทบเป็นไปไม่ได้เลย ถึงอย่างไรพลังที่ใช้บำเพ็ญตน ทั้งวิถีและวิชาอาคมล้วนมาจากจักรวาลโกลาหล ไฉนเลยจะทลายได้?
ต้นหลิวกลับทลายได้ จะมิให้มันตะลึงได้อย่างไร?
“มิน่าถึงหยิ่งผยองปานนี้! กระนั้นก็ไม่มีประโยชน์! เพดานของจักรวาลโกลาหลชั้นต่ำเช่นนี้ ทลายได้แล้วอย่างไร เดิมทีก็มิได้สูงอยู่แล้ว!”
จ้าวแห่งความพิศวงแค่นเสียงเย็น ชี้นิ้วไปยังจ้าวหลานผู้กลายเป็นหมอกเลือด เสี้ยวอึดใจนั้น หมอกเลือดที่สลายออกหลอมรวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง กายเนื้อของจ้าวหลานหลอมรวมเข้ามา
ทันทีที่กายเนื้อของจ้าวหลานหลอมรวมขึ้นมา ก็มีแรงดูดมหาศาลดึงมันขึ้น มือใหญ่ของจ้าวแห่งความพิศวงกดลงบนหัวของจ้าวหลานอีกครั้ง ถ่ายพลังเข้าไปในตัวจ้าวหลานต่อ
ไม่เอาน่า!
พวกท่านสองคนสู้กันเองเลยมิได้หรือ?
ไยต้องให้ข้าเป็นตัวกลางด้วย!
ชั่วพริบตานั้น น้ำตาของจ้าวหลานหลั่งรินลงมาดุจสายฝน เจ็บปวดชอกช้ำ เหตุใดมันถึงอนาถาเช่นนี้ เสมือนลูกบอลให้จ้าวแห่งความพิศวงกับต้นหลิวเตะไปเตะมา!
ศึกต่อสู้ระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ ใช่เรื่องให้ตัวละครต่ำต้อยเช่นมันคอยเป็นตัวกลางที่ไหน ดวลกันไป ดวลกันมา มันต้องลำบากแทบแย่ มิสู้ฆ่ามันเสียเลยยังจะดีกว่า!
แต่ทั้งหมดนี้มิอาจเป็นไปตามที่ใจมันนึก ร่างของมันบวมเป่งขยายตัวประหนึ่งลูกบอลยักษ์กลมกลึง ความรู้สึกเจ็บปวดเหลือล้น คล้ายจะระเบิดอยู่รอมร่อกลับมาอีกครั้ง มันร้องไห้จนน้ำมูกไหล
หนนี้ จ้าวแห่งความพิศวงลงมือรุนแรงยิ่งขึ้น พลังที่ถ่ายเทลงไปนั้นกล้าแกร่งยิ่งขึ้น นี่คือพลังที่ฝืนถ่ายเข้าไป อย่าให้เอ่ยเลยว่ามันทรมานปานใด ทุกข์ทนยิ่งกว่าตายอย่างแท้จริง
“ไม่ต้องรีบ ค่อยเป็นค่อยไป ข้าให้เวลาเจ้าจนพอ คราวนี้อย่าให้ข้าต้องผิดหวังอีก…”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง มิได้ลงมือยับยั้งแต่อย่างใด
เหิมเกริมยิ่งนัก!
สีหน้าของจ้าวแห่งความพิศวงขุ่นหมอง เขาเคยถูกหมิ่นเกียรติถึงเพียงนี้ที่ไหน?
มันเร่งความเร็วในการถ่ายเทพลังทันที พลังมากมายถูกมันส่งเข้าไปในตัวจ้าวหลาน
“อ๊ากกกกก!”
จ้าวหลานทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกถูกฝืนถ่ายเทพลังเช่นนี้ทรมานเกินไป มันควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว!
“หือ? จะหยุดแล้วหรือ อย่าหยุดจะดีกว่า พลังเท่านี้ยังไม่พอ…”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเรื่อยเปื่อย
พี่ชาย!
พี่ชายบังเกิดเกล้า!
พี่ชายบังเกิดเกล้าที่เคารพ!
เลิกพูดเสียทีได้หรือไม่?!
หลังจากจ้าวหลานได้ยินคำกล่าวของต้นหลิว ก็ร้องไห้หนักยิ่งขึ้น
จะทำร้ายกันก็ไม่น่าถึงขั้นทำเหมือนมันมิใช่มนุษย์นี่!
เอ่อ… แม้ว่ามันจะมิใช่มนุษย์จริง ๆ กระนั้นก็ไม่ควรทำร้ายมันถึงเพียงนี้!
“ได้ สมดังที่เจ้าหวัง หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”
เดิมจ้าวแห่งความพิศวงคิดรามือแล้ว แต่เมื่อได้ยินวาจาเหล่านั้นของต้นหลิว มันกลับเร่งความเร็วในการถ่ายพลังอีกครั้ง
“อ๊ากกกก!”
จ้าวหลานโหยหวน ชักกระตุกไปทั้งร่าง สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนราง ไม่รู้สึกตัวอีกต่อไป
ในที่สุด จ้าวแห่งความพิศวงก็ยอมรามือ พลังที่มันถ่ายไปคราวนี้มากพอและแข็งแกร่งพอจะทำลายล้างจักรวาลโกลาหลผืนหนึ่ง มันไม่เชื่อว่าจะกำราบต้นหลิวมิได้
“เจ้าตัวไร้ประโยชน์!”
มันปรายตามองจ้าวหลาน พบว่าตัวจ้าวหลานยังชักอยู่ ไม่เหลือสติ
“มอบพลังให้เจ้า เจ้ายังรับไม่ไหว เศษสวะจริง ๆ!”
มันแค่นเสียงเย็น ชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้น มีลำแสงแทรกซึมเข้าไปยังส่วนวิญญาณของจ้าวหลาน ช่วยประคองวิญญาณจ้าวหลาน คืนสติให้มัน
ไม่นานนัก สติจ้าวหลานก็กลับมา
“ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ!”
มันออกคำสั่งใส่จ้าวหลานเสียงเย็น
จ้าวหลานคำรามเสียงต่ำ ประหนึ่งอสุรกายคลุ้มคลั่ง ต้องการเร่งปลดปล่อยพลังในตัวที่ ‘เกินเกณฑ์’ ไปอย่างมาก
มันกระโจนตัวขึ้น เหาะไปทางต้นหลิว
“นี่หรือคือขอบเขตโลกทัศน์ของเจ้า ก็จริง ปลาซิวปลาสร้อยอย่างเจ้า ไหนเลยจะมีโลกทัศน์กว้างไกลได้…”
ต้นหลิวปริปาก ลำแสงเจิดจ้าพวยพุ่งออกไปอีกครั้ง จ้าวหลานถูกหวดกลับมาประดุจพ่อที่ตีลูก ร่างกายระเบิดเป็นหมอกเลือด ห่างชั้นกันมากจริง ๆ
ดุดันปานนี้เชียวหรือ?!
นัยน์ตาของจ้าวแห่งความพิศวงหรี่ตาอย่างแรง สะท้านใจอย่างยิ่งยวด มันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าต้นหลิวจะมาถึงขั้นนี้ ทรงพลังแกร่งกล้าได้ถึงเพียงนี้!
แบบนี้ใช่การทลายเพดานของจักรวาลโกลาหลชั้นต่ำที่ไหน แบบนี้เหมือนทลายเพดานจักรวาลโกลาหลระดับสูงออกมาชัด ๆ!
มันมีสีหน้าเคร่งเครียด เผชิญกับศัตรูตัวฉกาจเข้าแล้วจริง ๆ หนนี้ มันมิได้ถ่ายพลังให้แก่จ้าวหลานอีก เพียงบุกเข้าไปหาต้นหลิวด้วยตนเอง
เสียงดัง ‘ฟึ่บ!’ มันเรียกดาบใหญ่สีดำออกมา ก่อนจะควงดาบใหญ่สีดำนั้นฟาดฟันใส่ต้นหลิว
“ข้าบอกแล้วว่า ในตัวพวกมันมีพลังเบ็ดเสร็จอย่างที่เจ้าจินตนาการไม่ออก บัดนี้ ข้าจะให้เจ้าได้เห็น ให้เจ้าเป็นตัวช่วยกระตุ้นพลังของพวกมันออกมา”
ต้นหลิวคำรามออกมา พลังประหลาดบางอย่างซัดสาดออกมา พันธนาการจ้าวแห่งความพิศวงไว้กลางอากาศ
“อะ…อะไรกัน!”
จ้าวแห่งความพิศวงอุทานเสียงหลง กลัวจนสติแทบกระเจิง
ต้องมีพลังฝีมือระดับใดกัน ถึงสะกดมันได้ด้วยวาจาเดียว?!
มันขนลุกเกลียว เหงื่อเย็นไหลโซมกาย พลังที่พันธนาการมันอยู่นี้เหนือชั้นกว่ามันมาก มันมิอาจสลัดหลุดไปได้เลย ไม่ถือว่าอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน!
“ปล่อยเฮือกสุดท้ายของเจ้าออกมาเสีย กระตุ้นพลังของพวกมันออกมา”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา