ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 844 ผู้รุกรานจะต้องตายไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน

ตอนที่ 844 ผู้รุกรานจะต้องตายไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน

ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นของแต่ละคน หลายคนจึงเริ่มเพ้อฝันไปว่าพวกเขาเป็นร่างอวตารของเหล่าเทพ แต่สุดท้ายแล้วตัวละครในตำนานก็อาจจะไม่ได้มีพลังมากเท่าที่เขียนบรรยายเอาไว้ แต่เมื่อมังกรที่ควรจะมีตัวตนอยู่แค่ในตำนานเรื่องเล่า มาปรากฏตัวอยู่ในสนามรบ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่เหนือก้อนเมฆ สูงส่งงดงามมาก!

มังกรดำพุ่งตรงเข้าหานักบุญและเฉินไป่หลี่ ราวกับว่ามันทนรอที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังระดับ A ไม่ไหวแล้ว!

โดยไม่รู้ที่มาที่ไปของมังกร เฟิงเยี่ยหมิงและเฟิงอวิ๋นลู่รู้สึกงงงวย “นี่คือปรมาจารย์ผู้มีพลังเสกสรรที่สามารถเสกโทเทมและสิ่งมีชีวิตในตำนานงั้นเหรอ?”

มีเพียงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่รู้ความจริง เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ฉากนี้ชวนให้นึกถึงการต่อสู้ในซากลบนัวร์ ชั่วขณะก่อนหน้านี้ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิดว่าเธอกำลังต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่จากนั้นระลอกทองแดงก็มาช่วยเธอ

เมื่อมีเหล่าระลอกทองแดงยืนขวางศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจเธอ หลี่ว์ซู่จะต้องใจสลายถ้าเธอตาย หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิด

ตอนนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้สึกว่าพลังกลับมาเต็มที่แล้ว เธอถูกล้อมรอบด้วยศัตรูมากมากมาย ความคิดเพียงอย่างเดียวในหัวเธอตอนนี้ก็คือต้องฆ่าศัตรูให้ได้มากกว่านี้ ฆ่าจนกว่าพลังหยดสุดท้ายของเธอจะหมดไป

เธอรู้ว่าไม่มีหนทางให้หนีอีกต่อไป เธอจะถูกระเบิดอีกครั้งแม้ว่าเธอจะหาที่หลบใต้ดิน ดังนั้นเธอจึงควรทำอะไรสักอย่างมากกว่าการยอมตายอย่างน่าอนาถ

แต่อย่างไรก็ตาม เธอรู้ว่าถ้าเธอตาย หลี่ว์ซู่จะต้องเศร้าโศกและร้องไห้ขณะที่กอดร่างไร้ชีวิตเธอไว้ในอ้อมแขน และสุดท้ายแล้วหลี่ว์ซู่ก็จะถูกทิ้งให้อยู่ในโลกใบนี้อย่างเดียวดาย จู่ๆ หัวใจของเธอก็เต้นรัวด้วยความเจ็บปวด เธอต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อหลี่ว์ซู่ นี่ช่างเป็นความคิดที่แปลกประหลาด

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยิ้มให้กับท้องฟ้า ในตอนที่ฮุ่นตุ้นปรากฏตัว เธอก็รู้ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไป

เธอแน่ใจว่าเธอจะทำได้ ถึงแม้จะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมก็ตาม

มังกรดำยังคงมุ่งหน้าตรงเข้าใส่เป้าหมาย แต่มีร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังของมัน แล้วพุ่งเข้าใส่ฝูงชนของสมาชิกกลุ่มฟีนิกซ์

ร่างที่กระโดดลงมานั้นให้ความรู้สึกถึงความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่ง!

การมาถึงของเขาช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้ระลอกทองแดงได้ในทันที แต่เขาคนเดียวจะสามารถเอาชนะศัตรูหลายพันคนได้อย่างไร

มีตำนานเล่าว่าผู้กล้าหนึ่งคนสามารถเอาชนะกองกำลังทหารหลายแสนได้อย่างง่ายดาย

แต่นั่นก็เป็นเพียงตำนาน!

สายลมพัดอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่อาจสั่นคลอนร่างนั้นได้ จากบนท้องฟ้า หลี่ว์ซู่ก้มลงมองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ และในวินาทีที่ดวงตาสองคู่สบกัน รอยยิ้มก็เบ่งบานบนแก้มของพวกเขา มันเป็นเหมือนคำสัญญาที่ว่าคนทั้งคู่จะยืนหยัดต่อสู้กับโลกใบนี้ก็เพียงเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างกัน

หลี่ว์ซู่หัวเราะ ”ถ้าหากว่าฉัน หลี่ว์ซู่คนนี้ไม่ได้เกิดมา วิถีแห่งกระบี่ก็คงจะมืดมนเหมือนค่ำคืนอันยาวนาน เสี่ยวอวี๋ อะไรคือสิ่งที่ตามมาหลังจาก ‘เพื่อนทางไกลมาเยี่ยม’

การร่วมมือกันของทั้งสองคนเป็นไปอย่างราบรื่น หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยกมือขึ้น และใช้พลังของจอห์นสันจนหยดสุดท้ายเพื่อสร้างกระบี่ยาวกว่าสองพันเล่มบนท้องฟ้า และในขณะเดียวกัน ต้นแบบกระบี่มากกว่าสองพันเล่มก็เริ่มส่งเสียงดังกึกก้องอยู่ในจุดชี่ไห่ของหลี่ว์ซู่ ในวินาทีต่อมากระบี่แสงแหวกผ่านอากาศและหลอมรวมเข้ากับกระบี่ยาว

ในทันใดนั้นเอง ราวกับว่าพายุแห่งการลงทัณฑ์ก็ถูกส่งลงมาจากสวรรค์!

“ผู้รุกรานจะต้องตายไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตอบด้วยรอยยิ้ม

“ถูกต้อง” หลี่ว์ซู่ตอบด้วยใบหน้าน่ากลัว “พวกมันจะต้องตาย!”

ผู้คนจะต้องจดจำวันนี้ วันที่ราชันฟ้าหลี่ว์ลงจากท้องฟ้ามาสังหารศัตรูนับพันพร้อมห่าฝนกระบี่!

เฉินจู่อานยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบๆ ในตอนนี้ดูเหมือนหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นเพียงสองคนบนโลก บนสนามรบที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของสงคราม ในขณะที่หลี่ว์ซู่คือจุดจบ ข้างๆ พวกเขา พื้นที่ว่างระหว่างท้องฟ้าและผืนดินเต็มไปด้วยฝนกระบี่

จากนั้นกระบี่ยาวก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มฟีนิกซ์เหมือนฝนดาวตกด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเสียง ไม่ว่าอย่างไรทุกสิ่งคือกระบี่ก็ไม่อาจเทียบชั้นกับการมีกระบี่ของจริงนับหมื่นในมือ และนี่เองคือไพ่ตายของหลี่ว์ซู่ในการต่อสู้ครั้งนี้!

สมาชิกของกลุ่มฟีนิกซ์จำนวนนับไม่ถ้วนถูกกระบี่ยาวเสียบทะลุจนตาย และเพราะเงาของกระบี่ พื้นดินทั้งหมดจึงถูกปกคลุมด้วยความมืดเนื่องจากกระบี่เหล่านั้นบดบังแสงอาทิตย์

ในเวลาชั่วพริบตา กระบี่แสงปลิดชีพคนไปหลายพันคน!

ผู้คนที่ยืนอยู่บนป้อมปราการมองดูการสังหารเบื้องหน้าด้วยความเงียบ ไม่มีใครคิดว่าการออกโรงครั้งแรกของหลี่ว์ซู่จะร้ายแรงถึงชีวิตแบบนี้!

จนถึงตอนนี้เองที่หลี่ว์ซู่ลงมาถึงพื้นดิน และผลกระทบอันยิ่งใหญ่จากการลงมาถึงพื้นของเขาก็ส่งให้เกิดม่านฝุ่นขนาดใหญ่ฟุ้งขึ้นรอบๆ ตัวเขา

ทุกคนรอให้ฝุ่นจางลง พวกเขาสงสัยว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น ฝนกระบี่ช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้เหล่าทหารในชุดเกราะทองแดงได้เป็นอย่างดี พวกเขายังหวังว่าตนเองจะสามารถจัดการศัตรูนับพันได้โดยการตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียวเช่นกัน!

แต่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ไม่เคยมีมาก่อนแม้แต่ในหมู่ผู้มีพลังระดับ A หลี่ว์ซู่จะต้องได้รับการยกย่องให้เป็นผู้กล้าในการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน ด้วยกระบี่ยาวในมือแต่ละข้าง ทหารในชุดเกราะทองแดงรอคอยอย่างอดทนให้หลี่ว์ซู่ปรากฏตัว เขาคือผู้ช่วยให้รอด และเขาจะช่วยกำจัดศัตรูที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งหมด!

แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนต้องรู้สึกตกตะลึงเมื่อหลี่ว์ซู่พุ่งออกมาจากม่านฝุ่นพร้อมกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่อยู่บนหลัง เขาวิ่งผ่านเฟิงเยี่ยหมิง เฟิงอวิ๋นลู่ และทหารในชุดเกราะทองแดงโดยไม่แม้แต่จะหยุด

นั่นทำให้พวกเขาสับสน จากนั้นหลี่วซู่ก็หันมาหาพวกเขาพร้อมกับตะโกนว่า “พวกคุณกำลังรออะไรอยู่ วิ่งสิ!”

ทุกคนรู้สึกพูดไม่ออก

ทำไมจู่ๆ เรื่องถึงพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้! ราชันฟ้าคนที่เก้าจะช่วยรักษาภาพลักษณ์สุดเท่ไว้ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ

จริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่ก็อยากจะทำแบบนั้น แต่เขาเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดี ตอนนี้กระบี่แสงของเขาหมดแล้ว เขาไม่สามารถสร้างการโจมตีได้อีก!

ตอนนี้เขาฆ่าสมาชิกกลุ่มฟีนิกซ์ไปได้มากกว่าหนึ่งพันคนแล้ว แต่เครือข่ายฟ้าดินก็ยังคงมีกำลังคนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากไม่รีบหนีตอนนี้ ก็อาจจะไม่มีโอกาสอื่นอีก!

ในขณะเดียวกันนี้เอง กลุ่มฟีนิกซ์กำลังระแวดระวังว่าอาจจะมีคลื่นกระบี่พุ่งออกมาจากม่านฝุ่นที่หนาแน่นนั้น

แต่เมื่อฝุ่นจางลง พวกเขาถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วหลี่ว์ซู่พร้อมด้วยเหล่าระลอกทองแดงที่ตามไปด้านหลัง ได้ไปถึงที่กำแพงป้อมปราการแล้ว!

นี่มัน…พวกเขาคิดว่าหลี่ว์ซู่จะสู้ให้นานกว่านี้!

ในอีกด้านหนึ่ง เฉินไป่หลี่ที่ได้รับความช่วยเหลือจากฮุ่นตุ้น ก็กลายเป็นถือไพ่เหนือกว่านักบุญไปแล้วในตอนนี้ แต่ฟรานเชสโกและหัวหน้าบาทหลวงกลับมาถึงก่อนที่เฉินไป่หลี่และฮุ่นตุ้นจะสร้างทีมที่แข็งแกร่งได้

ตอนนี้เองที่หลี่ว์ซู่ตะโกนบอกและเร่งให้ชายชรารีบออกมาจากสนามรบในทันที

แต่ในระหว่างที่เฉินไป่หลี่กำลังเร่งถอยกลับไป นักบุญและหัวหน้าบาทหลวงก็ตามมาด้านหลังอย่างกระชั้นชิด ท่าทางดูเหมือนตั้งใจว่าจะต้องฆ่าเฉินไป่หลี่ให้ได้!

การต่อสู้ของพวกเขาขยับเข้าใกล้กับป้อมปราการมากขึ้นเรื่อยๆ ฮุ่นตุ้นร้องคำรามอยู่บนฟ้า เหมือนว่ามันกำลังก่นด่าด้วยความโกรธ…

ในตอนที่พวกเขากำลังเกือบจะเข้าไปในป้อมปราการ นักบุญและหัวหน้าบาทหลวงก็บินกลับไปและถอนตัวจากการต่อสู้ ในอีกด้านหนึ่ง เนี่ยถิงค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนกำแพง ตรึงนักบุญ หัวหน้าบาทหลวง และ ฟรานเชสโกไว้ด้วยการจ้องมอง

เขาไม่ได้มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด การกระทำง่ายๆ เช่นการเดินไปบนกำแพงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ศัตรูล่าถอย

หัวหน้าบาทหลวงหัวเราะ “ท่าท่างสูงส่งยิ่งใหญ่เหลือเกิน! คุณจะโจมตีพวกเราเพราะพวกเราทำลายประเทศของคุณหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าคุณคงไม่ทำ!”

เนี่ยถิงมองเขาและขู่ว่า “ไปซะ”

นักบุญจ้องเนี่ยถิงกลับไปในขณะที่ยังรักษาระยะห่าง เขาท้าทายเนี่ยถิงด้วยการถากถางว่า “การต่อสู้ระหว่างเราเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และผมก็มั่นใจว่าคุณคงไม่ยอมวิ่งหนีแน่ คุณเลี่ยงสงครามครั้งนี้ไม่ได้ และคุณก็จะไม่ยอมทำลายโลกใบนี้เช่นกัน”

พวกเขาทั้งสามคนพนันเลยว่าเนี่ยถิงจะไม่ลงมือทำอะไรทั้งนั้น ช่างองอาจเสียจริง!

ในขณะเดียวกัน หลี่ว์ซู่เพิ่งจะปีนขึ้นไปถึงบนกำแพง เขามองไปที่นักบุญและหัวหน้าบาทหลวงซึ่งถอยออกไปไกลมาก เขาถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมถึงถอยไปยืนกันไกลขนาดนั้นล่ะ”

[ได้แต้มจากคาร์มิลโล บอร์เกส +666!]

[ได้แต้มจากคิงการ์เซีย +666!]

[ได้แต้มจาก…]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น!

ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท