ตอนนี้ผมรู้สึกดีสุดๆเลยละหลังจากที่ไม่ได้เห็นพื้นโล่งๆมานาน
เพราะครั้งล่าสุดที่ผมได้เห็นก็คงจะเป็นในตอนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
“โอ๊ะ อร่อยจังแฮะ”
ผมหยิบคุกกี้ที่วาคามิยะซื้อมาเข้าปาก
พูดตามตรงมันอร่อยใช่ย่อยเลยล่ะ
ในตอนนี้ผมกับวาคามิยะนั้นก็ได้นั่งหันหน้าเข้าหากันซึ่งทางวาคามิยะก็เอาแต่เขียนอะไรบางอย่างลงไปในสมุดซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการวางแผนเกี่ยวกับการเรียนบทต่อไป
ส่วนทางผมน่ะเหรอก็กำลังแก้โจทย์ที่วาคามิยะให้มาไงละ
“อ่าาา ผิดแล้วค่ะ คุณต้องแก้โจทย์ตรงนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปทำตรงนั้นนะคะ”
“เฮ้ออ..”
เสียงของวาคามิยะดังก้องอยู่ในห้องเล็กๆของผม
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีผู้หญิงอยู่ในห้องของผมแต่ผมกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด…
ในตอนที่เธอสอนผมเธอโคตรจะไร้ความปราณีเลย…แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอเป็นคนที่สอนเก่ง
“มีอะไรเหรอคะ?”
“ก็หลังจากที่ถอนหายใจฉันก็รู้สึกได้ว่าความสุขเล็กๆน้อยๆของฉันมันค่อยๆจางหายไปอ่ะ”
[การถอนหายใจทำให้ความสุขจางหายไป]เป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงเลยเพราะที่ผมถอนหายใจออกมาก็เพราะไม่มีความสุขไงละ
“เป็นความเชื่อส่วนบุคคลสินะคะ แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้วการถอนหายใจนั้นมันส่งผลดีต่อสุขภาพค่ะ”
“โอ้ ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ยแล้วมันช่วยอะไรอีกไหม?”
“มันยังช่วยปรับสมดุลในร่างกายอีกด้วยค่ะ….อ๊ะ เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังนะคะ”
“ชิ”
“โทคิวากิซัง หรือว่าคุณพยายามพูดนอกเรื่องเพื่อหนีการเรียนงั้นเหรอคะ”
“ไม่มีทาง ฉันจะทำไปทำไมละ”
“แต่น้ำเสียงดูไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะคะ เอาเถอะ ในตอนนี้ช่วยจดจ่อกับการเรียนด้วยค่ะ”
“คราบบบ..”
“งั้นต่อไปเรามาเรียนวิชาภาษาอังกฤษกันเถอะค่ะ จนกว่าคุณจะจำคำศัพท์ได้ 100คำ ฉันจะไม่ให้คุณนอนค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้นคุกกี้ที่อยู่ในมือผมก็ล่วงลงพื้น
ป-ปีศาจ นี่เธอกะจะฆ่าแกงกันเลยรึไง!!
“นี่มันก็ดึกแล้วนะ..และตอนนี้ก็เป็นเวลานอนของฉันแล้วด้วย”
“นี่มันเพิ่งจะ 4ทุ่มเองค่ะ เพราะเราเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำความสะอาดไงคะเพราะงั้นเรื่องนอนเอาไว้ทีหลังค่ะ”
“ไม่ดีม้างง เอาไว้ต่อพรุ่งนี้ก็ได้ แล้วนี่ก็ถึงเวลาที่เธอควรจะกลับบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ”
การที่เธอมาอยู่ในบ้านของเด็กผู้ชายจนดึกดื่นแบบนี้เธอต้องโดนพ่อแม่โกรธหนักแน่ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะบอกพวกเขาว่าฉันไปอยู่บ้านเพื่อนมาค่ะ”
“คำพูดแบบนี้อย่างกับพวกผู้หญิงเวลาโกหกเพื่อที่จะหนีไปเที่ยวบ้านแฟนยังไงอย่างงั้นแหละ”
“ถ้ามองในแง่นั้นมันก็จริงค่ะแต่ว่าตอนนี้ฉันแค่อยู่ในบ้านของเพื่อนผู้ชายเอง”
“แล้วการที่เธออยู่ในบ้านของผู้ชาย เธอไม่คิดว่ามันอันตรายหน่อยเหรอ”
“ไม่ค่ะ ก็เพราะฉันเชื่อใจโทคิวากิซังไงคะ และอีกอย่าง—“
“หืม?”
“ฉันมั่นใจในเซ้นส์การมองคนของตัวเองค่ะ”
วาคามิยะพูดออกมาพร้อมกับชูอกภูมิใจในตัวเองซึ่งนั่นก็ทำให้ผมไม่รู้ว่าควรมองไปทางไหนดี
ถึงจะดีใจก็เถอะที่เธอเชื่อใจผม แต่..การที่เธอพูดแบบนี้ นั่นก็เหมือนกับว่าเธอไม่ได้มองผมในฐานะผู้ชายคนนึงเลยนี่หว่า
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้อยากให้บรรยากาศมันอึดอัดเพียงเพราะเธอเอาแต่ระแวงผม
“แต่ที่คุณพูดมามันก็ถูกนะคะ พอมาคิดดูดีๆ นี่ฉันก็ใจกล้าเหมือนกันนะเนี่ยที่มาอยู่ในห้องกับเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน…”
“นี่เธอเพิ่งจะคิดได้เรอะ..”
“โทคิวากิซังคิดว่าฉันเป็น อีตัว งั้นเหรอคะ?”
“ไหงถึงเป็นงั้นไปได้ละ!!”
“ที่คุณพูดมาไม่ได้หมายความว่าฉันเป็น ‘ผู้หญิงใจง่ายที่ชอบเข้าห้องผู้ชายไปทั่ว’ อะไรแบบนี้งั้นเหรอคะ”
“ไม่มีทาง”
ผมพูดพร้อมกับดื่มชาที่วาคามิยะชงมาให้
“แต่ฟังนะ วาคามิยะ มนุษย์เพศชายมันก็สองจิตสองใจกันทั้งนั้นแหละ เพราะงั้นเธอต้องระวังนะ ถ้าเธอประมาทละก็เธออาจจะเสียใจทีหลังก็ได้”
ผู้ชายคนไหนบ้างละที่จะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้ามีสาวสวยอยู่ในห้องของตัวเองแล้วยิ่งอยู่กันสองต่อสองอีก ดีนะที่คราวนี้เป็นผม
“ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ฉันก็จะยอมรับว่าฉันเป็นพวกมองคนไม่เก่งและจะจำเป็นบทเรียนค่ะ”
วาคามิยะเอามือแตะปากของตัวเองพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนนั่นทำให้ผมรู้สึกทึ่งกับรอยยิ้มของเธอแต่ผมก็สามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ด้วยการหยิกขาตัวเอง
“การที่ทำแบบนั้นมันไม่คุ้มหรอกนะแล้วมันก็เสี่ยงมากด้วย”
“บางอย่างก็ต้องกล้าเสี่ยงถึงจะรู้ค่ะ”
“แต่เรื่องแบบนี้เธอไม่ควรเสี่ยงเลย เรื่องแบบนี้มันย้อนกลับมาแก้ไขไม่ได้นะ”
“ก็ได้ค่ะ วันนี้ฉันจะกลับบ้านเพราะงั้นเราก็มารีบจำคำศัพท์พวกนี้กันเถอะค่ะ”
“เปลี่ยนหัวข้อได้ทุเรศมากครับ”
ผมถอนหายใจออกมาพร้อมกับเปิดสมุดคำศัพท์ที่เทพธิดาจดเอาไว้ให้
—หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“ไม่ไหวแล้วอะ ฉันยัดคำศัพท์เข้าหัวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว..”
“เข้าใจแล้วค่ะ ดูเหมือนว่าถ้าฝืนไปมากกว่านี้จะเป็นผลเสียเอา…ช่วยไม่ได้ ถ้างั้นวันนี้ก็พอแค่นี้กันก่อนนะคะ โทคิวากิซัง วันนี้คุณทำได้ดีมากเลยค่ะ”
“อ่าา~~….ปวดหัวตัวร้อนไปหมด รู้สึกเหมือนฉันกำลังจะป่วยเลย”
ผมจิบชาก่อนจะฟุบหน้าลงที่โต๊ะ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ใช้สมองเยอะขนาดนี้…
จากนั้นวาคามิยะก็สวมเสื้อคาร์ดิแกนเตรียมที่จะกลับบ้าน เธอใช้เวลาทุกวิได้คุ้มค่าสุดๆเลยแฮะ
“เดี๋ยวมันจะเสียของเอาถ้าเราทิ้งขนมที่เหลือไปเพราะงั้นโทคิวากิเก็บเอาไว้เถอะค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
“ครั้งหน้าฉันจะมาอีก เพราะงั้นขอรบกวนด้วยนะคะ”
“อื้มได้สิ แล้วก็ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คนเราต้องช่วยเหลือกันในยามที่ลำบากอยู่แล้ว”
พอคุยเสร็จผมก็เดินไปส่งวาคามิยะจากนั้นผมก็เดินกลับอพาร์ทเม้นท์
ห้องของผมในตอนนี้ดูสะอาดสะอ้านและอ้างว้างมากแต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่น