“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
วาคามิยะเก็บทัพเพอร์แวร์ก่อนที่จะเริ่มเช็ดโต๊ะด้วยผ้าที่ตัวเธอนั้นมักจะพกติดตัวเอาไว้ตลอด
…และในตอนนี้วาคามิยะก็ดูอารมณ์ดีสุดๆหลังจากที่ได้เห็นผมกินอาหารของเธอจนหมด
พอวาคามิยะทำความสะอาดเสร็จสรรพเธอก็ได้มานั่งข้างหน้าผมด้วยท่วงท่าที่แสนจะงดงามเหมือนเคย
“งั้นเรามาเริ่มเรียนกันเถอะค่ะ”
“รีบจังเลยนะ..”
“ค่ะ เพราะทุกวินาทีมันมีค่าไงคะ งั้นเราก็มาเริ่มจากการทบทวนเนื้อหาของเมื่อวานกันก่อนนะคะ เพื่อที่ตัวคุณนั้นจะได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ค่ะ”
“นี่ฉันจะต้องทบทวนอยู่อีกเหรอ”
“ค่ะ เราจะทวนจนกว่าคุณจะจำมันได้ขึ้นใจค่ะและจากนั้นเราก็จะนำความรู้ส่วนนี้ไปต่อยอดพัฒนาในส่วนถัดไปค่ะ”
“โอเค…เอาตามนั้นแล้วกันครับอาจารย์วาคามิยะ”
“……..”
วาคามิยะจ้องมาทางผมด้วยสายตาเหลือจะเชื่อ
หือ? ผมพูดอะไรแปลกๆไปเหรอ
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“เออคือมันอาจจะฟังดูหยาบคายหน่อยนะคะ แต่ว่า….ฉันไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองเลยว่าคุณจะยอมฟังกันง่ายๆแบบนี้”
“มันไม่หน่อยแล้วเฟ้ย เธอมองฉันเป็นคนยังไงเนี่ย”
“พวกดื้อด้านค่ะ”
“อะเออ มันก็ไม่ได้ผิดไปซะทั้งหมดละนะ”
การที่เธอบอกว่าผมเป็นพวกดื้อด้านมันก็ไม่ได้ผิดอะไรเพราะนิสัยของผมก็เป็นพวกที่ไม่ยอมฟังคนอยู่แล้ว
พอพูดเองมันก็รู้สึกกระดากปากยังไงชอบกลแฮะ
“นี่วาคามิยะ เธอกำลังทำอะไรน่ะ?”
“คือฉันจะเตรียมอาหารกลางวันรอ ในช่วงที่คุณกำลังเรียนอยู่ค่ะ…แต่ฉันจะใช้กระทะทั้งอย่างนี้ก็คงจะไม่ได้ด้วยเพราะงั้นฉันเลยจะล้างมันก่อนค่ะ”
วาคามิยะพูดในขณะที่ขมวดคิ้วมองไปยังกระทะที่ค่อนข้างสกปรก
ก็จริงของเธอเพราะกระทะในตอนนี้มันดูโทรมสุดๆ ถ้าหากฝืนใช้ไปทั้งแบบนั้นอาหารจะไหม้เอาซะเปล่าๆ
ซึ่งผมเองก็จำไม่ได้แล้วด้วยว่าครั้งล่าสุดที่ผมใช้มันคือเมื่อไหร่
“โทษทีนะ..ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ฉันก็ไม่ได้แตะมันอีกเลยตอนนี้สภาพมันคงไม่ต่างอะไรจากฟอสซิลแล้วละมั้ง”
“ก็จริงมองไปทางไหนก็มีแต่ฟอสซิลเต็มไปหมดเลยค่ะ”
“แหมๆ อย่าชมกันตรงๆแบบนี้สิ ฉันเขินนะเนี่ย”
“ฉันไม่ได้ชมค่ะ”
วาคามินะทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย
ท่าทางของเธอในตอนนี้ดูน่ารักสุดๆเลยละ
“ถึงฉันจะรู้สึกขอบคุณเธอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างก็เถอะ แต่เธอไม่คิดจะเจียดเวลาส่วนตัวให้ตัวเองหน่อยเหรอ?”
“พอฉันได้เห็นสภาพของคุณความคิดแบบนั้นก็ไม่มีในหัวเลยค่ะ ถ้าขืนปล่อยคุณไปในสภาพนี้ละก็คุณได้กลายเป็นคนไม่เอาอ่าวแน่ค่ะ”
“ถึงจะดูแปลกก็เถอะถ้าตัวเองเป็นคนพูด แต่ฉันเป็นคนไม่เอาอ่าวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วละ ขนาดเรื่องงานบ้านทั่วไปฉันยังทำอะไรไม่เป็นเลยถ้าจะให้พูดตามตรงก็คือ ความสามารถด้านงานบ้านของฉันมันเข้าขั้นย่ำแย่เลยละ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคงรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ เพราะงั้น..”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันจะทำให้คุณเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเองค่ะ”
วาคามิยะกำหมัดแน่นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ไอ้ผมก็สงสัยนะว่าอะไรเป็นตัวจุดประกายไฟให้เธอละนั่น
หรือถ้าจะให้ผมเดาก็คงจะประมาณว่า วาคามิยะเปรียบผมเหมือนหมาน้อยตาดำๆที่อยู่กลางสายฝนที่ดูเหมือนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ถ้าไม่ช่วยก็คงจะไม่ได้อะไรทำนองนั้นละมั้ง
“ถ้างั้นฉันจะเริ่มเตรียมอาหารแล้วนะคะแต่ก่อนอื่นฉันคงต้องทำความสะอาดของพวกนี้ก่อน”
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำนะว่าของพวกนั้นยังจะใช้ได้อยู่รึเปล่า”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ฉันได้เอาสิ่งที่คิดว่าน่าจะต้องได้ใช้มาด้วยค่ะ”
“อ๋อ งี้นี่เอง ก็ว่าล่ะทำไมกระเป๋าที่เธอเอามามันใหญ่ผิดหูผิดตา”
“ค่ะ สิ่งที่ฉันเตรียมมาก็มีกระทะ กับเครื่องปรุงต่างๆค่ะ”
“โห~~…..แต่เดี๋ยวนะนี่เธอจะทำอาหารให้ฉันจริงๆเหรอ?”
“คุณไม่อยากให้ฉันทำให้เหรอคะ? ถ้าคุณไม่อยากจริงๆละก็ ฉันไม่ทำก็ได้ค่ะ”
“เปล่าๆ ได้โปรดช่วยทำให้กระผมเถอะนะครับ”
“ฟุฟุฟุ ได้ค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือทำอาหารของตัวเองเลยเพราะงั้นก็อย่าคาดหวังมากนะคะ”
“แต่ฉันเชื่อมั่นในฝีมือเธอ”
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันจะลุยเต็มที่เลยเพราะงั้นคุณเองก็ต้องตั้งใจเรียนนะคะ”
“ได้ครับ”
“รอบนี้ฉันจะทำอาหารที่ถูกหลักโภชนาการให้นะคะ คุณจะได้แข็งแรง”
“นี่เธอเป็นแม่ของฉันรึไงเนี่ย!!”
“เดี๋ยวฉันจะซักเสื้อผ้าให้ด้วยเพราะงั้นอย่าโยนทิ้งเรี่ยราดอีกล่ะ”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้..”
“ทำสนองนีทตัวเองค่ะ”
“ไหงเธอถึงชอบอ้างแบบนี้ฟะ”
“ฉันว่าคุณคิดไปเองค่ะ”
วาคามิยะพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่ถ้าสังเกตดีๆใบหน้าของเธอก็ยังคงมีสีแดงระเรื่ออยู่ให้เห็นเล็กน้อย
หลังจากทานอาหารเสร็จผมก็เรียนหนังสือกับวาคามิยะต่อจนดึกดื่น เธอคอยสะกิดผมในตอนที่ผมทำท่าจะหลับแล้วพอผมจะแอบไปหลับในห้องน้ำเธอก็เดินมาเคาะประตู….ดูเหมือนผมจะหนีเธอไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
แต่ยังไงก็ตาม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารที่เธอทำนั้นมันอร่อยมากจริงๆ
จนถึงตอนนี้รสชาติของมันก็ยังคงตราตรึงใจผมอยู่
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเธอจะเคยบอกว่าไม่มั่นใจในฝืมือของตัวเองด้วย…นั่นน่ะเป็นเรื่องโกหกชัดๆ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้รับรู้ถึงความสมบูรณ์แบบของวาคามิยะด้วยตาของตัวเอง