บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ – ตอนที่ 81 Budding Glimpse

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

“หึ้ย—!?”

คอนแนลที่เห็นเศษดินก้อนเล็กๆ จำนวนมากกำลังพุ่งเข้ามาใส่นั้นได้กัดฟันตัวเองแน่นด้วยความสยดสยองก่อนที่เขาจะรีบสะบัดดาบในมือเข้าปัดป้องพวกมันโดยไม่ได้มีความคิดที่จะพยายามขยับโล่ของตัวเองที่หันไปทางอื่นอยู่เข้ามาบังเอาไว้เลยแม้แต่น้อยเพราะเขารู้ดีว่ามันจะไม่ทันการอย่างแน่นอน

 

เคล๊ง-เคล๊ง-เคล๊ง-เคล๊ง–ปึ๊ก–เคล๊ง–ปึ๊กปึ๊กปึ๊ก

 

ถึงแม้ว่าคอนแนลจะสามารถปัดป้องเศษดินพวกนี้ไปได้บ้างเป็นบางส่วน แต่ว่าด้วยจำนวนของเศษดินที่มากมายราวกับห่าฝนนั้นก็ทำให้เขาพลาดท่าโดนมันเข้าไปบ้าง ซึ่งความรุนแรงของเศษดินที่ถูกหวดมาด้วยค้อนยักษ์ของซิลเวสนั้นก็แทบจะรุนแรงพอๆ กับกระสุนวิซเลยซะด้วยซ้ำจนทำให้คอนแนลชะงักไปชั่วขณะและนั่นก็ให้เขาถูกเศษดินจำนวนมากพุ่งเข้ากระแทกใส่ตามมาในทันที

 

ปึ๊กปึ๊กปึ๊กปึ๊ก!!

 

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

 

ถึงแม้คอนแนลจะถูกเศษดินจำนวนมากพุ่งเข้ากระแทกใส่อย่างต่อเนื่องจนกระเด็นลอยไปตามแรงกระแทกแต่ว่าเมื่อทุกอย่างสงบลงไปแล้วทุกคนก็ได้พบว่าคอนแนลนั้นยังคงยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ได้ล้มลงไป และในขณะเดียวกันทางด้านเจ้าของการโจมตีด้วยเศษดินอย่างซิลเวสนั้นก็กำลังหมุนติ้วอยู่กับที่เป็นลูกข่างเนื่องจากว่าเธอไม่สามารถยั้งค้อนของเธอที่ถูกเหวี่ยงออกไปเต็มแรงได้

 

“หวาๆๆๆ ….อ๊ะ!”

 

ซิลเวสที่หมุนไปมาอยู่กับที่นั้นได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเธอพบว่าคอนแนลยังคงยืนอยู่ได้หลังจากที่รับกระสุนลูกปรายเศษดินของเธอเข้าไปจังๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ซิลเวสต้องรีบหาทางหยุดการหมุนของตัวเองในทันที

 

“ฮึ๊บ–”

 

ครืดดดดดดดดดด

 

ซิลเวสได้ตัดสินใจที่จะกระแทกค้อนยักษ์ของเธอลงใส่ผืนดินเพื่อที่จะใช้มันสร้างแรงต้านแต่ถึงอย่างนั้นค้อนยักษ์ของเธอก็ยังคงพาตัวเธอหมุนอยู่กับที่อีกสองรอบครึ่งจนกระทั่งมันหมดแรงส่งลง ซึ่งซิลเวสก็ได้สะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความมึนงงแล้วจึงสั่งให้ก้อนดินขนาดมหึมาก้อนสุดท้ายลอยเข้ามาหาเธอและออกแรงหวดใส่มันอีกครั้งในทันที

 

“นี่แน่ะ!”

 

โคร๊ม!!

 

ปึ๊กปึ๊กปึ๊กปึ๊กปึ๊กปึ๊ก!

 

“ถ้ามีเวลาให้เตรียมตัวก่อนของแบบนั้นมันก็ไม่ได้ผลหรอกนะครับ!”

 

ทางด้านคอนแนลที่ถูกกระแทกจนกระเด็นถอยกลับมานั้นได้ตั้งโล่ของเขาขึ้นและใช้มันเข้ารับเศษดินที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความใจเย็นจนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าในขณะที่เขากำลังตั้งสมาธิเพื่อรับมือกับเศษดินอยู่นั้นเสียงของค้อนยักษ์ที่กระแทกเข้ากับพื้นดินก็ได้ดังขึ้นมาเป็นชุดอีกครั้งหนึ่ง

 

ตึ้ง!! ตึ้ง!! ตึ้ง!!

 

“ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้พักเลยงั้นสินะครับ…”

 

คอนแนลพูดพึมพำออกมาเมื่อเขาได้พบว่าซิลเวสได้เรียกเอาก้อนดินขนาดยักษ์ขึ้นมาจากพื้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่าในครั้งนี้เขาไม่ได้คิดที่จะรีบร้อนเข้าไปจัดการเด็กสาวหูแมวด้วยความรีบร้อนอย่างเมื่อสักครู่เนื่องจากว่าเขาเพิ่งจะได้รับบทเรียนราคาแพงไป

 

“ในเมื่อซิลเวสเล่นทุ่มสุดตัวแบบนี้ผมเองก็คงจะต้องเอาจริงบ้างเหมือนกันแล้วสินะครับเนี่ย…”

 

คอนแนลพูดขึ้นมาพร้อมกับขยับแว่นของตัวเองให้เข้าที่ก่อนที่เขาจะเสียบดาบของตัวเองใส่เข้าไปในตัวโล่อีกครั้งหนึ่งท่ามกลางความสงสัยของทุกคน

 

‘หมอนั่นเก็บดาบไปอีกแล้ว คิดจะยอมแพ้แล้วหรือไงน่ะ?’

 

‘นั่นสิ หรือเพราะรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ก็เลยคิดจะยอมแพ้กันนะ’

 

‘แต่ว่าก่อนหน้านี้ที่เจ้าแว่นนั่นเก็บดาบไปก็เห็นว่าเขาระเบิดก้อนหินยักษ์นั่นได้กระจุยแถมยังเป่าซิลเวสจังซะกระเด็นไปไกลเลยนะ ไม่แน่ว่าที่ผ่านมาเขาอาจจะใช้ดาบเพื่อออมมืออยู่ก็ได้หรือเปล่า? แบบเพราะเห็นว่าซิลเวสจังน่ารักเกินไปหรืออะไรแบบนั้นน่ะ’

 

วิ๊ง…

 

ในขณะที่เหล่าเด็กนักเรียนห้องสามกำลังหันไปมองนักเรียนคนหนึ่งที่เหมือนจะชื่นชมในความน่ารักของซิลเวสอยู่ด้วยสายตาเย็นชานั้นทางด้านซิลเวสที่กำลังยืนประจันหน้าอยู่กับคอนแนลก็ได้สังเกตเห็นประกายแสงระยิบระยับผิดธรรมชาติกำลังเกาะกลุ่มกันอยู่ที่โล่ของคู่ต่อสู้ของเธอ

 

“เอ๋…? ละอองแสง…? ไม่ใช่สิ… ละอองน้ำหรอ?”

 

ซิลเวสที่เพ่งมองดูการกระทำของคอนแนลนั้นได้พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจเมื่อเธอพบว่าตัวด้ามดาบของคอนแนลที่เสียบอยู่กับโล่ของเขานั้นกำลังเรืองแสงสีน้ำเงินจางๆ ออกมาเป็นสัญญาณว่าเขากำลังใช้วิซธาตุน้ำอยู่นั่นเอง แต่ถึงแบบนั้นคอนแนลก็ไม่ได้พูดตอบอะไรเพื่อไขความข้องใจของเธอออกมาแถมยังขยับโล่ของเขาเป็นการยั่วยุอีกด้วย

 

ซึ่งซิลเวสได้เห็นท่าทางยั่วยุของคอนแนลเข้าไปนั้นก็ถึงกับคิ้วกระตุกในทันทีเพราะว่าในขณะที่เธอได้ทุ่มสุดตัวเพื่อสร้างก้อนดินยักษ์ขึ้นมาถึงสองรอบเพื่อโจมตีใส่เขา ทางด้านพี่คอนแนลของเธอกลับใช้วิซเพื่อสร้างละอองน้ำบางๆ ออกมาสะท้อนแสงเล่นซะอย่างนั้น

 

“คิดว่าแค่สร้างละอองน้ำออกมาสะท้อนแสงแล้วจะทำให้พี่ชนะได้หรือไงหะ!?”

 

ฟุ๊บบบ!!

 

ซิลเวสตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับสั่งให้ก้อนดินที่เพิ่งจะก่อตัวขึ้นมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวพุ่งเข้าใส่คอนแนลตรงๆ ด้วยความโกรธในทันที ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามแผนของคอนแนลที่รู้จักนิสัยของซิลเวสดีอยู่แล้วจนมั่นใจได้ว่าถ้าเขาทำอย่างนี้เด็กสาวหูแมวผมสีฟ้าจะต้องสติหลุดอย่างแน่นอน

 

“เป็นไปตามแผนเลยนะครับเนี่ย อย่างน้อยก็ปลอดภัยไปลูกนึงแล้ว”

 

คอนแนลพูดขึ้นมาก่อนที่เขาจะกระชับโล่ในมือขึ้นและใช้มันเข้ารับก้อนดินยักษ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าด้วยระยะห่างที่มากกว่าคราวที่แล้วมากนั้นก็ทำให้เหล่าเด็กนักเรียนและอลิซที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ได้พบว่าในขณะที่ก้อนดินยักษ์กำลังจะสัมผัสกับตัวคอนแนลนั้นโล่เหล็กของเขาก็ได้เรืองแสงสีแดงจางๆ ออกมา

 

ฟู่วววว…. ตู้ม!!

 

เสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนกับเสียงของไอน้ำร้อนที่กำลังระเหยอย่างรวดเร็วได้ดังขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะเกิดการระเบิดขึ้นที่เบื้องหน้าของโล่ของคอนแนล ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นการระเบิดที่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ว่ามันก็เพียงพอที่จะทำให้ก้อนดินยักษ์ที่ถูกยิงออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้จับตัวกันอย่างแน่นหนาแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยกระเด็นกลับไปใส่เจ้าของได้อย่างสบายๆ

 

“ว๊าย—!? อ่ะ—”

 

ซิลเวสที่ถูกเศษดินกระเด็นกลับมาใส่นั้นได้รีบก้มลงไปกุมหัวหลบพวกมันอย่างรีบร้อนก่อนที่เธอจะรีบเงยหน้ากลับมาดูว่าคอนแนลคิดจะอาศัยโอกาสนี้เข้ามาโจมตีเธอซ้ำหรือเปล่า ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอได้พบว่าในขณะนี้คอนแนลกำลังพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วแถมยังตั้งโล่ที่มีละอองน้ำสะท้อนแสงเป็นประกายของเขาเอาไว้ที่เบื้องหน้าอีกด้วย

 

“ย—ยังหรอกค่ะ!”

 

ฟิ้วววว

 

ซิลเวสที่เห็นว่าคอนแนลกำลังพุ่งเข้ามาใส่เธออย่างรวดเร็วนั้นได้รีบร้อนลุกขึ้นมาอย่างลนลานก่อนที่เธอจะสั่งให้ก้อนดินยักษ์อีกก้อนหนึ่งพุ่งสวนกลับเข้าไปใส่คอนแนลเพื่อที่จะหยุดเขาเอาไว้

 

กึ้ง!! ครึกครึกครึก…

 

แต่ว่าความเร็วของก้อนดินยักษ์ที่พุ่งออกไปนั้นกลับเชื่องช้าแตกต่างจากครั้งที่ผ่านๆ มาที่พวกมันถูกยิงออกมาตรงๆ ราวกับว่าเป็นกระสุนขนาดยักษ์ ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นเพราะว่าการยิงก้อนดินขนาดยักษ์ออกมาต่างกระสุนด้วยความเร็วขนาดนั้นคงจะกินพลังงานวิซจากร่างเล็กๆ ของซิลเวสไปมากจนทำให้เธอไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

 

ซึ่งทางด้านคอนแนลที่เห็นว่าก้อนดินยักษ์ที่ถูกยิงออกมาในครั้งนี้มีความเร็วที่น้อยกว่าเมื่อสักครู่มากแถมยังตกลงสู่พื้นจนกลายเป็นกลิ้งเข้ามาหาเขาจนดูราวกับว่ามันเป็นลูกบอลยักษ์แทนที่จะเป็นกระสุนนั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะกระโดดขึ้นไปเหยียบมันและดีดตัวอีกครั้งเพื่อพุ่งเข้าใส่ซิลเวสเป็นเส้นตรงในทันที

 

“ย๊ากกก!!”

 

“พี่คอนแนลลืมไปแล้วหรอไงว่าหนูไม่ต้องใช้วิซก็ยิงพวกมันได้เหมือนกันน่ะ!!”

 

ปึ้ง!!

 

ซิลเวสที่เห็นว่าคอนแนลได้กระโดดขึ้นกลางอากาศจนเป็นเป้านิ่งนั้นได้ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับเหวี่ยงด้ามค้อนยักษ์ที่กำลังเรืองแสงสีเหลืองออกมาเข้าหวดก้อนดินยักษ์ก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่อย่างรุนแรงจนมันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กๆ พุ่งเข้าใส่คอนแนลอีกครั้งเหมือนกับที่เธอเคยทำก่อนหน้านี้ แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนก็คือว่าในครั้งนี้คู่ต่อสู้ของเธอได้เตรียมตัวพร้อมเอาไว้ก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

 

“จะไปลืมได้ยังไงล่ะครับ!!”

 

คอนแนลตะโกนตอบเธอกลับไปก่อนที่เขาจะชักดาบที่ถูกเสียบไว้กับโล่ของเขาออกมาและฟันมันออกไปเบื้องหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ละอองน้ำที่กระจุกตัวกันอยู่ที่โล่ของเขาสาดกระจายออกไปเป็นวงกว้างจนสะท้อนแสงระยิบระยับและหลังจากนั้นคอนแนลก็ได้ตั้งโล่ของเขาขึ้นมาเบื้องหน้าอีกครั้งก่อนที่แสงสีแดงที่เรืองแสงจางๆ อยู่บนตัวโล่จะส่องสว่างจ้าขึ้นมา

 

ฟู่ว—

 

ละอองน้ำที่ถูกคอนแนลสาดกระเซ็นออกไปเบื้องหน้านั้นได้ส่งเสียงเหมือนกับว่ามันกำลังระเหยอย่างรวดเร็วออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ทันใดนั้นเองมันจะปะทุออกมาเป็นระเบิดลูกเล็กๆ จำนวนมาก

 

ปุ้งปุ้งปุ้งปุ้งปุ้งปุ้งปุ้งปุ้ง!!

 

ระเบิดขนาดเล็กๆ ที่ถูกคอนแนลจุดขึ้นมากลางอากาศอย่างต่อเนื่องเป็นวงกว้างนั้นได้ปัดกระสุนลูกปรายเศษดินของซิลเวสที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาไปทางอื่นเกือบจะทั้งหมดจนตัวของคอนแนลที่กำลังพุ่งเข้าใส่ซิลเวสนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

ปุ้งปุ้งปุ้งปุ้ง!!

 

แต่ถึงแม้ว่าตัวเจ้าของละอองน้ำระเบิดได้พวกนั้นจะปลอดภัยจากกระสุนดินไปแล้วละอองน้ำจำนวนหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ยังคงไล่ระเบิดเข้าใกล้ตัวซิลเวสมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะระเบิดออกอย่างรุนแรงที่สุดระยะของมันหรือก็คือที่เบื้องหน้าของซิลเวสนั่นเอง

 

ปั๊ง!!

 

“ว๊าย—!?”

 

ซิลเวสที่เจอกับระเบิดเสียงดังในระยะประชิดนั้นได้เผลอปล่อยมือออกจากค้อนยักษ์ของเธอและก้มลงไปกุมหัวตัวสั่นจนดูราวกับว่าเธอเป็นแมวน้อยขี้ตกใจถึงแม้ว่าตัวละอองน้ำจะระเบิดห่างออกไปเบื้องหน้าจนไม่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยก็ตามที ซึ่งคอนแนลที่เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนนั้นก็ได้รีบเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าใส่ซิลเวสเพื่อที่จะโจมตีซ้ำในทันที

 

“หว๊าย—อย่าเข้ามานะ!!”

 

ซิลเวสที่ก้มกุมหัวตัวเองอยู่นั้นได้ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเธอเห็นว่าคอนแนลกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็วจนทำให้คำพูดหยอกเล่นของอลิซที่บอกว่าให้เธอสู้กับคอนแนลเหมือนกับว่าเขากำลังจะเข้ามาทำมิดีมิร้ายเธอผุดกลับขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้ซิลเวสต้องรีบเอื้อมมือไปคว้าค้อนยักษ์ของตัวเองที่เผลอปล่อยลงพื้นขึ้นมาถือเอาไว้อย่างลนลานและส่งวิซใส่มันเป็นจำนวนมากจนด้ามจับของมันเรืองแสงสว่างจ้าออกมาและออกแรงหวดมันออกไปเบื้องหน้าเต็มแรงในทันที

 

ฟุ๊บ!!

 

“ไม่ได้ผลหรอกครับ!!”

 

คอนแนลที่เห็นค้อนยักษ์ถูกเหวี่ยงเข้าใส่อย่างรุนแรงจนเกิดเสียงแหวกอากาศเสียงดังลั่นนั้นได้เสียบดาบของเขากลับไปข้างในโล่อีกครั้งจนทำให้เกิดละอองน้ำแผ่กระจายออกมาเบื้องหน้าโล่ของเขา ซึ่งคอนแนลก็ได้ใช้โล่ที่กำลังเรืองแสงสีแดงและมีละอองน้ำปกคลุมอยู่เข้ารับค้อนยักษ์อย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

ฟู่ววว—ตู้ม!!!

 

“หวาาา——”

 

ซิลเวสที่หวดค้อนยักษ์ออกไปเต็มแรงนั้นได้หลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อค้อนยักษ์ของเธอได้สะท้อนกลับไปทางด้านหลังอย่างรุนแรงและฉุดกระชากร่างของเธอให้ปลิวลอยตามมันไปด้วย

 

“ฟู่ว…”

 

แต่ถึงแม้ว่าซิลเวสจะเสียหลักและปลิวกระเด็นลอยห่างออกไปแบบนั้นก็ตามทางด้านคอนแนลที่เร่งรัดบุกเข้าหาซิลเวสเมื่อสักครู่นี้กลับไม่ได้มีความคิดที่จะตามไปโจมตีเธอซ้ำเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากว่าเขาได้ถือโอกาสนี้ในการหยุดพักหายใจหลังจากที่เขาได้ผลาญวิซจำนวนมากเพื่อใช้ในการป้องกันอย่างต่อเนื่องไปเมื่อสักครู่นั่นเอง

 

ซึ่งในขณะที่คอนแนลกำลังยืนนิ่งเพื่อปรับลมหายใจอยู่นั้น ทางด้านซิลเวสที่กระเด็นออกไปไกลก็กำลังใช้ค้อนยักษ์ของเธอยันพื้นเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้พร้อมกับหอบหายใจอย่างหนักหน่วงอยู่

 

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

 

ซิลเวสที่กำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วงนั้นได้มองดูมือที่สั่นเทาของตัวเองและแสงสีเหลืองริบหรี่ที่ด้ามจับค้อนของเธอด้วยความสงสัยก่อนที่เธอจะเร่งวิซของตัวเองเข้าใส่มันจนด้ามค้อนของเธอเรืองแสงออกมาอีกครั้งและยกมันขึ้นมาด้วยสองมือพร้อมกับออกวิ่งเข้าใส่คอนแนลอีกครั้งหนึ่งในทันที

 

“ย—ยังหรอกน่า!!”

 

ฟุ๊บบบ—ตึ้ง!!!

 

ซิลเวสร้องปลุกใจตัวเองขึ้นมาพร้อมกับออกแรงทุบมันลงใส่คอนแนลตรงๆ ในแนวตั้งแบบไม่มีการพลิกแพลงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งคอนแนลที่เห็นแบบนั้นก็รีบดีดตัวถอยหนีไปโดยไม่ได้ใช้วิชาโล่ระเบิดของเขาเข้ารับมันเนื่องจากว่าเขาสังเกตเห็นถึงท่าทางของซิลเวสที่แปลกไปเล็กน้อยนั่นเอง

 

“เดี๋ยวก่อนสิครับซิลเวส!”

 

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

 

ฟุ๊บ!! ตึ้ง!!

 

ซิลเวสไม่ได้พูดตอบอะไรคอนแนลกลับไปและเหวี่ยงค้อนยักษ์ของเธอเข้าใส่คอนแนลอีกครั้งแต่ก็พลาดเป้าไปจนทำให้หน้าดินที่โดนค้อนของเธอเข้าไปแทนถึงกับแตกกระจาย ซึ่งซิลเวสที่โจมตีพลาดเป้าไปเป็นครั้งที่สองก็ได้หยุดพักเพื่อหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะอัดวิซของเธอเข้าใส่ตัวค้อนอีกครั้งหนึ่งจนด้ามจับของมันเรืองแสงขึ้นมาอีกรอบ

 

“แฮ่ก…แฮ่ก… ฮึ๊บ…”

 

“พอได้แล้วมั้งครับซิลเวส!!”

 

“ย้าาาาาา——-”

 

ตึ้ง!!!

 

เสียงร้องตะโกนของซิลเวสและเสียงของค้อนที่ระเบิดหน้าดินจนแตกกระจายได้ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแทนคำตอบของเธอก่อนที่ซิลเวสจะยกค้อนของเธอขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่คอนแนลอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งๆ ที่ตัวเธอเองก็แทบจะหายใจไม่ทันอยู่แล้วด้วยซ้ำ

 

ซึ่งสภาพของซิลเวสนั้นก็ทำให้คอนแนลได้ตัดสินใจที่จะยกโล่ของเขาที่มีไอน้ำสะท้อนแสงระยิบระยับเข้าปะทะกับค้อนยักษ์ของซิลเวสอีกครั้งเพื่อที่จะได้จบการสอบในครั้งนี้เร็วๆ แทนที่จะพยายามพูดห้ามเธอดีๆ เนื่องจากดูเหมือนว่าเด็กสาวหูแมวคนนี้จะเลือดขึ้นหน้าจนไม่ได้ฟังเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“ในเมื่อพูดดีๆ แล้วไม่ยอมฟังกัน ถ้าอย่างงั้นก็คงจะต้องใช้วิธีรุนแรงกันบ้างแล้วล่ะครับ!”

 

ฟู่วววว…. ตู้ม!!

 

 

“เด็กหูแมวคนนั้นน่าจะใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที่แล้วนะอลิซ…”

 

“อื้ม…”

 

ในขณะเดียวกันที่ด้านข้างของสนามหญ้าที่ถูกใช้เป็นสนามสอบนั้นก็ได้มีเสียงของอารอนพูดขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ เหมือนกับทุกครั้ง แต่ว่าอลิซที่เป็นคู่สนทนาของเขานั้นก็ทำเพียงแค่ส่งเสียงตอบกลับมาเบาๆ พร้อมกับขีดเขียนอะไรสักอย่างลงไปในเอกสารในมือโดยไม่ได้ละสายตาไปจากการต่อสู้เบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

“จะมาอื้มอะไรกันเล่า… เท่าที่ฉันดูเด็กคนนั้นกำลังอยู่ในอาการโอเวอร์ฮีตขั้นที่สองแล้วนะ… ถ้ายังปล่อยให้ฝืนต่อไปแบบนี้เดี๋ยวก็ได้เข้าสู่อาการขั้นสามจนสลบไปจริงๆ หรอก… แถมดูแล้วท่าทางว่าเด็กคนนั้นจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังโอเวอร์ฮีตอยู่น่ะ…”

 

“หรือพูดง่ายๆ ก็คือไม่รู้ตัวสินะว่ากำลังฝืนตัวเองเกินเหตุอยู่น่ะ…”

 

อลิซพูดตอบอารอนกลับไปพร้อมกับเขียนสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งจะพูดขึ้นมาลงไปในเอกสารในมือพร้อมกับจ้องมองซิลเวสที่กำลังยืนโงนเงนกุมด้ามค้อนที่ส่องแสงติดๆ ดับๆ ในมือแน่นโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีเลยแม้แต่น้อย ซึ่งการกระทำของอลิซนั้นก็ทำให้อารอนถึงกับต้องขมวดคิ้วและพูดถามเธอขึ้นมาในทันที

 

“นี่เธอกับเอริกะกำลังวางแผนทดสอบอะไรอยู่กันแน่น่ะหะ…?”

 

“ทั้งสองคนหยุดมือ!! การสอบเสร็จสิ้นแล้ว!!”

 

อลิซที่ได้ยินอารอนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดนั้นไม่ได้พูดตอบอะไรเขากลับไปก่อนจะตะโกนบอกเด็กนักเรียนผู้โชคร้ายทั้งสองคนที่ถูกเธอจับมาฟาดกันอยู่ให้หยุดมือลง ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ซิลเวสได้ง้างค้อนในมือขึ้นเหนือหัวเพราะกะจะใช้มันทุบเข้าใส่คอนแนลอีกครั้งหนึ่งอยู่พอดี

 

“อ่ะ—- หวาๆๆๆ”

 

โคร๊ม!

 

“ป—เป็นอะไรหรือเปล่าครับซิลเวส!?”

 

คอนแนลที่เห็นซิลเวสหงายหลังล้มลงไปหลังจากที่แสงจากด้ามค้อนของเธอดับลงไปในตอนเธอง้างมันขึ้นเหนือหัวพอดีนั้นได้รีบร้องถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงและรีบเดินเข้าไปช่วยพยุงเธอขึ้นมา ในขณะที่ทางด้านอารอนนั้นก็รีบสั่งให้คาร์เทียร์เข้าไปตรวจอาการของสาวน้อยหูแมวผมสีฟ้าในทันที

 

“คาร์เทียร์! รีบเข้าไปดูอาการเด็กคนนั้นเร็ว!!”

 

“ค—ค่ะ!!”

 

คาร์เทียร์ที่ถูกอารอนสั่งมานั้นได้กอดกระเป๋าในมือของเธอแน่นขึ้นและรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของซิลเวสอย่างรวดเร็วในขณะที่ทางด้านอารอนนั้นก็กำลังหรี่ตาจ้องมองอลิซอยู่ด้วยสายตาตำหนิจนทำให้เธอต้องรีบพูดแก้ต่างขึ้นมา

 

“เด็กนั่นก็แค่ล้มลงไปเพราะเผลอหยุดส่งวิซที่ใช้เป็นพลังงานสำหรับคริสตัลควบคุมน้ำหนักค้อนอยู่จนถือมันเอาไว้ไม่ไหวต่างหากล่ะ คอนแนลเขาไม่ได้ทำอะไรรุนแรงขนาดนั้นสักหน่อย”

 

“แล้วมันจำเป็นที่จะต้องให้พวกเขามาสู้สุดตัวกันแบบนี้จริงๆ หรือไง…? ถ้าเกิดว่าเธอปล่อยให้พวกเขาสู้กันนานกว่านี้สักห้านาทีก็คงจะต้องพาไปส่งที่คลินิกของฉันแทนห้องพยาบาลแล้วนะ…”

 

“อยากบ่นก็ไปบ่นเอริกะนู้นสิ ฉันแค่ทำตามที่ถูกบอกมาก็แค่นั้นเอง… แต่ว่ามันก็อย่างที่นายรู้ว่าทั้งหมดนี่มันก็เพื่อตัวของเด็กๆ พวกนี้เองน่ะ เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากจะแย่งช่วงเวลาที่เด็กๆ พวกนี้ควรจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างสนุกสนานไปหรอกนะ…”

 

อลิซพูดตอบอารอนกลับไปพร้อมกับมองดูซิลเวสที่กำลังนอนแผ่ยิ้มแป้นอยู่กับพื้นพร้อมกับพูดตอบคำถามของคาร์เทียร์ที่เดินเข้ามาตรวจดูอาการของเธอไปด้วยในขณะที่ทางด้านอารอนนั้นก็ยังคงเผยความกังวลออกมาอยู่เช่นเดิม

 

“นั่นสินะ… แต่ว่าถึงขนาดต้องจับพวกเด็กๆ มาฝึกแล้วก็ใช้พวกเขามาทดลองอุปกรณ์ต่างๆ แบบนี้นี่พวกเธอต้องเข้าตาจนขนาดไหนกันแล้วเนี่ย…”

 

“ก็ขนาดที่ว่าเอริกะกำลังทุ่มทุกอย่างที่มีเพื่อเพิ่มโอกาสรอดให้เด็กๆ พวกนี้อยู่นั่นแหล่ะ… ถ้ายังไงนายกับคาร์เทียร์ก็ช่วยดูแลสุขภาพของพวกเด็กๆ ให้พวกฉันหน่อยก็ละกัน ตกลงมั้ย?”

 

“เธอก็พูดอย่างกับว่ายัยเอริกะเหลือทางเลือกอื่นให้ฉันมากนักล่ะ…”

 

อารอนขมวดคิ้วพูดตอบอลิซกลับไปในจนทำให้เด็กสาวผมสีขาวเผยรอยยิ้มออกมาบางๆ แล้วจึงหันหลังกลับและออกเดินกลับเข้าไปในตึกเรียนจนทำให้อารอนที่ถูกทิ้งไว้ที่ด้านข้างสนามหญ้าได้แต่ต้องรีบเดินไปช่วยคาร์เทียร์ดูอาการของซิลเวสด้วยอีกคนหนึ่ง

 

ซึ่งเมื่ออารอนเดินไปถึงกลุ่มของเด็กนักเรียนนั้นเขาก็พบว่าคาร์เทียร์เพิ่งจะตรวจดูอาการของซิลเวสเสร็จและกำลังเปิดกระเป๋ายาเพื่อหยิบเอาหลอดแก้วขนาดเล็กๆ ที่บรรจุน้ำยาบางอย่างออกมาส่งให้กับซิลเวสอยู่พอดี

 

“ซิลเวสเอาเจ้านี่ไปเปิดฝาแล้วก็ลองดมมันดูนะคะ มันจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น… อ่ะ แต่ว่าห้ามเอามันไปดื่มเด็ดขาดเลยนะคะ”

 

“หอมจัง…”

 

ซิลเวสที่รับหลอดยาไปจากคาร์เทียร์นั้นได้เอามันไปเปิดฝาออกและลองดมกลิ่นของมันดู ซึ่งเธอก็พบว่านอกจากมันจะมีกลิ่นหอมแล้วมันยังช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและเวียนหัวน้อยลงนิดหน่อยด้วย ในขณะที่ทางด้านคาร์เทียร์ที่ดูจนมั่นใจแล้วว่าคนไข้ของเธอไม่น่าจะเอามันไปดื่มเล่นนั้นก็ได้หันไปตรวจดูอาการของคอนแนลต่อบ้างโดยมีอารอนยืนมองดูเธออยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

 

“เป็นไงบ้างคาร์เทียร์… มีใครบาดเจ็บอะไรร้ายแรงหรือเปล่า…?”

 

อารอนพูดถามคาร์เทียร์ขึ้นมาเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเธอได้ตรวจอาการของคอนแนลเสร็จแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้คาร์เทียร์รีบหันมาพูดรายงานผลตรวจให้อารอนทราบในทันที

 

“ไม่มีค่ะ พี่คอนแนลมีแค่รอยฟกช้ำกับรอยบาดเล็กๆ น้อยๆ จากเศษดินเศษหินที่ซิลเวสตีใส่เองค่ะ ส่วนซิลเวสไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแต่ว่าหมดแรงไปเพราะว่าอาการโอเวอร์ฮีตขั้นสองปลายๆ ค่ะ”

 

“เพราะงั้นเธอก็เลยเอายาดมของฉันให้ซิลเวสเขางั้นสินะ… ทำได้ดีมากคาร์เทียร์…”

 

อารอนพูดชมคาร์เทียร์ขึ้นมาพร้อมกับลูบหัวของว่าที่พยาบาลตัวน้อยของเขาไปมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะหันไปพูดถามคอนแนลขึ้นมา

 

“นายจะไปพักที่ห้องพยาบาลก่อนหรือเปล่าล่ะคอนแนล…?”

 

“อ่ะ— ไม่เป็นอะไรหรอกครับอาจารย์อารอน เดี๋ยวผมขอตัวกลับขึ้นห้องเรียนเลยน่าดีกว่านะครับจะได้ไม่รบกวนซิลเวสเขาด้วย”

 

“อื้ม…”

 

อารอนพยักหน้ารับคำของคอนแนลกลับไปก่อนที่เขาจะละสายตาไปมองซิลเวสที่เผลอใช้วิซเกินขนาดจนเกิดอาการโอเวอร์ฮีตโดยไม่รู้ตัวอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงหันกลับไปหาคอนแนลและพูดสั่งเขาไปด้วยความเป็นห่วง

 

“ฉันว่านายไปให้ฉันตรวจดูที่ห้องพยาบาลสักหน่อยน่าจะดีกว่านะ… เพราะว่าบางทีอาการบาดเจ็บก็ไม่ได้แสดงออกมาในทันทีน่ะ… ถ้ายังไงก็ลองไปตรวจดูเผื่อไว้ก่อนน่าจะดีกว่า…”

 

“เอ๋ะ… ถ้าอาจารย์อารอนว่าแบบนั้นมันก็ได้แหล่ะครับ”

 

“อื้ม… ถ้างั้นก็ไปที่ห้องพยาบาลกันเถอะ…”

 

“หว๋าๆๆๆ”

 

ซิลเวสที่กำลังดมยาดมอยู่อย่างสบายใจนั้นได้หลุดเสียงร้องแปลกๆ ออกมาเมื่ออยู่ดีๆ อารอนได้เดินเข้ามาจับตัวเธอยกขึ้นเพื่อที่พวกเขาจะได้ย้ายไปรักษาที่ห้องพยาบาลกันแทนจนทำให้ซิลเวสต้องรีบพูดบอกเขาเกี่ยวกับอาวุธสุดรักของเธอในทันที

 

“เดี๋ยวค่ะๆ แล้วค้อนของหนูล่ะ”

 

“เดี๋ยวหนูยกค้อนของซิลเวสไปให้เองค่ะ! ฮึ๊บ—”

 

คาร์เทียร์ที่อาสาจะยกค้อนของซิลเวสไปให้นั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เพราะว่าตัวค้อนนั้นมีน้ำหนักมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากจนแรงของเธอทำให้มันขยับขึ้นมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคาร์เทียร์ก็ได้แต่หันไปมองซิลเวสด้วยสายตาประหลาดใจจนซิลเวสที่แหงนหน้ามองดูเรื่องสนุกๆ อยู่ในอ้อมแขนของอารอนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

 

“แฮะๆ ก็ถ้าไม่ได้ใส่วิซลงไปต่อให้เป็นเจ้าของอย่างหนูก็ยกมันไม่ขึ้นหรอกค่ะ~”

 

“ต้องใช้วิซด้วยงั้นหรอคะ…”

 

“อ่ะ… ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวผมจะลากค้อนไปไว้ที่หน้าห้องพยาบาลให้เองก็แล้วกันนะครับ คาร์เทียร์เดินไปกับคุณอารอนก่อนได้เลยครับ!”

 

คอนแนลที่ได้ยินคาร์เทียร์พูดคำว่าวิซขึ้นมานั้นได้รีบพูดเสนอตัวขึ้นมาในทันทีด้วยความกลัวว่าเด็กสาวผมสีเทาอาจจะอยากลองใช้วิซของเธอในการยกค้อนขึ้นมาก่อนที่เขารีบเดินเข้าไปจับด้ามของค้อนและออกแรงยกมันดู

 

“ฮึ๊บ—- เอ๋…? นี่มันหนักกว่าเมื่อก่อนอีกหรือเปล่าเนี่ยครับ…”

 

คอนแนลที่ออกแรงเต็มที่เพื่อที่จะขยับค้อนของซิลเวสนั้นได้แต่พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เพราะว่าน้ำหนักของค้อนนั้นดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นมาจากปีก่อนๆ ที่เขาจำได้มากจนแรงของเขาไม่สามารถทำให้มันขยับได้เลยแม้แต่น้อย

 

“แหม่~ คนเราก็ต้องมีพัฒนากันบ้างสิพี่คอนแนล~ เอาจริงๆ ให้หนูถือไปเองน่าจะง่ายสุดแล้วล่ะมั้ง อาจารย์อารอนเดินไปทางนั้นหน่อยสิคะ”

 

“ม–ไม่เป็นไรค่ะ! ซิลเวสเป็นคนป่วยเพราะงั้นอย่าเพิ่งออกแรงหรือว่าใช้วิซเด็ดขาดเลยนะคะไม่งั้นหนูจะโกรธจริงๆ ด้วย!! ฮึ๊บบบ—– เอาล่ะไปกันเถอะค่ะ!”

 

คาร์เทียร์พูดขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับออกแรงยกค้อนในมือขึ้นด้วยสองมือจนมันลอยขึ้นเหนือพื้นก่อนที่เธอจะถือมันเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับอารอน ซึ่งนั่นก็ทำให้ซิลเวสถึงกับต้องพูดขึ้นมาด้วยความชื่นชม

 

“โหว~ คาร์เทียร์จังยกมันไหวด้วยล่ะ! หนูก็นึกว่าจะมีแต่พี่รีซาน่าที่ยกมันไหวโดยไม่ต้องใช้วิซซะอีกนะเนี่ย~”

 

“เฮ้อ… ถ้ายังไงก็อย่าฝืนออกแรงมากเกินละกันนะคาร์เทียร์”

 

“ค—ค่ะ!! ค—แค่นี้สบายมากค่ะ!!”

 

อารอนที่เห็นว่าคาร์เทียยกค้อนยักษ์เดินมาทางพวกเขานั้นพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำเพียงแค่พูดเตือนโดยไม่ได้พูดห้ามอะไรคาร์เทียร์ออกมาและเดินนำเธอไปทางห้องพยาบาล ซึ่งคาร์เทียร์นั้นก็รีบพูดรับคำของอารอนก่อนที่เธอจะเปลี่ยนไปใช้วิธีลากค้อนยักษ์ไปกับพื้นที่กินแรงน้อยกว่าแทนถึงแม้ว่ามันจะทำให้สนามหญ้าตรงที่เธอเดินผ่านพังพินาศเป็นทางยาวก็ตาม

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

Status: Ongoing
เมื่อคำสัญญาจากอดีตได้หวนคืนกลับมาเพื่อทวงคืนสิ่งที่ถูกหยิบยืมไป การเดินทางของคนถูกทิ้งกลุ่มหนึ่งเพื่อจะช่วยเหลือมนุษยชาติจึงได้เริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท