ร่างกายของแม่เฒ่าหวังเริ่มเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็วราวกับมีบางสิ่งทำให้มันเกิดการสึกกร่อน รอยจ้ำเลือดที่อยู่บนใบหน้าของนางเริ่มลามไปทั่วร่างขณะที่เล็บของนางงอกยาวขึ้นกว่าเดิมถึงห้าเท่า
ว่ากันว่าเวลาที่คนเราหยุดหายใจ เล็บและเส้นผมจะยาวขึ้นเป็นเท่าตัว
หวังหลิงร้องไห้ปริ่มจะขาดใจเมื่อเขาเข้าใจทุกอย่างในที่สุด
หากไม่ใช่เพราะเขา ท่านแม่ก็คงไม่ต้องจบชีวิตลงในสภาพนี้..
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้มองแม่ลูกตระกูลหวัง แต่กลับมองไปที่เมฆสีดำที่อยู่เหนือบ้านตระกูลหวัง
เป็นอย่างที่นางคิด การตายของแม่เฒ่าหวังทำให้หญิงสาวสองคนปล่อยวางความแค้นของตัวเองลงได้
แต่จางหลิงเอ๋อร์เป็นนักตกทองสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ นางจึงมักจะเข้าหาชายทุกคนที่มีฐานะร่ำรวย นางมีนิสัยชั่วร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้พยายามปลอบประโลมนางไปก็ไร้ประโยชน์
“เจ้าคิดจะส่งวิญญาณพวกเราไปเพียงเพราะการตายของหญิงชรานางนั้นหรือ สองคนนั้นอาจจะโง่ แต่ข้าต่างจากพวกนาง” วิญญาณร้ายเยาะที่หญิงสาวสองคนนั้นยอมล่าถอยไป ทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนหน้าตัวเองเป็นใบหน้าของจางหลิงเอ๋อร์ราวกับดูดซับความมืดเหล่านั้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจนาง นางหัวเราะอย่างเย็นชา ”ถ้าไม่ใช่เพราะนังแก่กับลูกชายไร้ประโยชน์ของมันมาขวางทางข้า ป่านนี้ข้าก็คงได้เป็นภรรยาคนปัจจุบันของคุณชายรองตระกูลจางไปแล้ว!”
สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ”จางหลิงเอ๋อร์ เจ้าจะชอบคุณชายรองของตระกูลจางก็ไม่ผิด ตราบใดที่เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายของตัวเองให้ถูกต้องเสียก่อน เช่นนั้นย่อมไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้ แต่เจ้าที่รับหมั้นเขาไปแล้วกลับยังออกไปเที่ยวกับคุณชายรองตระกูลจาง ไม่ใช่แค่นั้น เจ้ายังเยาะเย้ยตระกูลหวังอีก! ผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พวกนี้ต้องมาตายก็เพราะเป็นตัวแทนของเจ้า เจ้ามันน่ารังเกียจยิ่งกว่าหวังหลิงเสียอีก ขนาดตายไปแล้วก็ยังไม่รู้บาปกรรมของตัวเอง กับคนอย่างเจ้า ต่อให้วิญญาณสลายไปก็ไม่มีใครรู้สึกสงสารด้วยซ้ำ”
จางหลิงเอ๋อร์ตอกกลับราวกับนางได้ยินเรื่องตลก ”เจ้าคิดว่าถ้าทำลายปราณแห่งความเคียดแค้นรอบๆ นี้ได้ แล้วเจ้าจะจัดการข้าได้หรือ ต่อให้นังผู้หญิงไร้ประโยชน์สองคนนั้นปิดปากเงียบและเลิกแค้นคนพวกนั้นไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังอยู่ในร่างเดียวกับข้า เจ้าก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดีมิใช่หรือ”
“ใครบอกว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้” เฮ่อเหลียนเวยเวยกัดนิ้วตัวเองพร้อมกับพูดขึ้น เลือดจากปลายนิ้วของนางไหลไปรวมกันยังมีดสั้นที่ปักอยู่บนพื้นทีละหยดราวกับถูกชักนำ จากนั้นนางก็ประสานนิ้วมือสองข้างเข้าหากัน ดวงตาของนางเย็นชาและเสียดแทงไปถึงกระดูกดำ นางร่ายคาถาเก้าอักขระออกมาโดยเริ่มจากนิ้วโป้ง จากนั้นจึงไล่ไปที่นิ้วชี้ ”หลิน ปิง โต้ว เจ่อ เจีย เจิ้น เลี่ย เฉียน…”
มวลอากาศไร้รูปร่างรวมตัวขึ้นตามการขยับมือของเฮ่อเหลียนเวยเวย ที่ด้านหลังของนางมีแสงสว่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนปรากฏขึ้นก่อตัวกลายเป็นดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอยู่ใต้ดอกบัวสีทอง เสื้อคลุมของนางปลิวไสวพร้อมกับเส้นผมสีดำที่ลอยอยู่ในสายลม แสงสว่างเรืองรองจำนวนนับไม่ถ้วนสาดส่องออกมาจากด้านหลังของนางราวกับหงส์เพลิงกลางเปลวเพลิง แสงนั้นผนวกเข้ากับดอกบัวสีทอง และกลายเป็นตราประทับขนาดใหญ่!
เมื่อวิญญาณร้ายเห็นภาพนี้ ดวงตาของมันก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง ”บทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้าย เจ้ากำลังสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายอยู่หรือ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!”
บทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายเป็นคาถาเดียวในการขับไล่วิญญาณร้ายที่ใช้แยกความดีออกจากความชั่วร้าย
แต่นอกจากคนที่บำเพ็ญเพียรมาถึงขั้นหนึ่งแล้ว คนที่จะจะสามารถใช้บทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายได้จะต้องมีสายเลือดของตระกูลผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเท่านั้น หลังจากสวดบทพระพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายจบ พลังของพวกเขาจะอ่อนแอลงหลายวัน
มีข่าวลือว่ามันเป็นคาถาเดียวที่ไม่เคยมีใครในตระกูลสามารถทำสำเร็จมาก่อน
บนโลกนี้ไม่ควรมีใครสวดคาถาขับไล่วิญญาณร้ายคาถานี้ได้อีกแล้ว!
นอกเสียจากว่าคนคนนั้นจะมีชะตาได้ศึกษาทางธรรม แต่กลับทำสัญญากับปีศาจ
มิฉะนั้นก็คงไม่มีใครสามารถนำมันมาใช้ได้
เพราะบทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายได้หายสาบสูญไปตั้งแต่สงครามเมื่อหนึ่งพันปีก่อนแล้วนั่นเอง!
เป็นไปได้อย่างไร!
คนคนนี้รู้จักบทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายได้อย่างไร!
ไม่ใช่แค่นั้น บนร่างของนางยังมีพลังธรรมะก่อตัวขึ้นอีกด้วย!
ดวงตาของวิญญาณร้ายเบิกกว้าง มันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ประเมินมนุษย์ตรงหน้าไว้ต่ำเกินไป
แต่ก็สายไปแล้ว เมื่อไม่มีชุดแต่งงาน มันก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อีก ลำแสงแห่งธรรมจากมีดสั้นเหล่านั้นยังคงเป็นสิ่งที่กักขังมันเอาไว้ในร่างมนุษย์นี้ เวลานี้เมื่อหญิงสาวคนอื่นๆ ล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้น พวกนางย่อมสามารถไปเกิดใหม่ได้โดยผ่านการชำระล้างจากบทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายนี้ ส่วนวิญญาณร้ายนั้นย่อมไม่มีที่ให้ไป ชะตากรรมเดียวของมันก็คือรอถูกบทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายกำจัดเท่านั้น!
คนคนนี้ยื้อเวลาไว้ไม่ฆ่ามันเสียทีเพราะต้องการให้ผู้หญิงพวกนั้นได้ไปเกิด
ตอนนั้นเองที่วิญญาณร้ายตระหนักได้ว่ามันพ่ายแพ้ยับเยินเพียงใด!
“วิญญาณร้ายจงสลายไป!” เสียงของเฮ่อเหลียนเวยเวยดังขึ้น
ตราประทับขนาดใหญ่ทิ้งตัวลงมาด้วยน้ำหนักราวกับขุนเขา มันค่อยๆ บดบังร่างของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์โดยเริ่มจากศีรษะ
ขณะที่มันเคลื่อนตัวลง แสงสีทองของมันก็ส่องสว่างไปทั่วผืนฟ้าสีดำ และสลายปราณแห่งความเคียดแค้นที่อยู่ในอากาศไปพร้อมกันเหมือนกับหิมะที่ระเหยกลายเป็นไอบางๆ!
เสียงกรีดร้องแหลมเสียดหูดังก้องทันทีที่เงาเงาหนึ่งราวกับถูกแสงแห่งธรรมดันออกมาจากร่างของเหยียนหลิ่วเอ๋อร์
มันพยายามจะหนี
แต่สุนัขล่าเนื้อสีดำของเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับเร็วกว่ามันหลายเท่า มันคำรามออกมาเบาๆ ก่อนจะกลืนวิญญาณตนนั้นลงท้องไปทั้งตัว!
สุนัขล่าเนื้อขยับปากสองสามครั้ง ก่อนจะวิ่งกลับไปยืนอย่างภูมิใจอยู่ข้างเฮ่อเหลียนเวยเวย ดวงตาอันเต็มไปด้วยความจงรักภักดีของมันยังคมกริบแม้จะอยู่ในความมืด
ไม่มีวิญญาณตนใดกล้าเฉียดเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากปราณแห่งความเคียดแค้นถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
พวกมันเสียต้นกำเนิดพลังไปแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงรีบถอยกลับหลังจากสังเกตได้ถึงอันตราย
แต่เมื่อพวกมันสูญเสียเกราะป้องกันจากปราณแห่งความเคียดแค้น วิญญาณที่อยู่เหนือขึ้นไปจึงไร้เกราะป้องกันตัว
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งครึ่งก้านธูป พวกมันก็ถูกยมทูตจับตัวได้ทั้งหมด!
ฝนหยุดตกแล้ว เวลานี้มีเพียงหิมะที่ตกหนัก สีขาวของหิมะราวกับจะสามารถชำระล้างทุกสิ่งไปได้
เหยียนหลิ่วเอ๋อร์ลืมตาขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหลับลึกอีกครั้ง
วิญญาณที่ติดเชื้อกลับคืนสู่สภาพเดิมของมัน พวกมันถือโอกาสในวันฟ้าครึ้มกลับไปที่บ้านของตัวเอง บางส่วนก็ไปเกิดใหม่ ในขณะที่บางส่วนก็ถูกยมทูตจับไปลงโทษ
ในที่สุดโลกมนุษย์และยมโลกก็กลับคืนสู่ความสงบ
ราชาแห่งนรกยกเลิกคำสั่งปิดเส้นทางแห่งการเกิดใหม่ หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มค้นหาทุกซอกทุกมุมในวังหลวง
เขาคิดว่าด้วยสติปัญญาที่เขามี เขาจะต้องเจอตัวเจ้าหมอนั่นอยู่ในวังหลวงอย่างแน่นอน
แต่คนซื่อๆ และโง่เขลาอย่างราชาแห่งนรกไม่รู้เลยว่าเขาถูกบุตรชายของตัวเองหลอกเข้าให้แล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้น บุตรแห่งราชานรกที่กำลังมีความสุขกับการได้หลอกคนอื่นก็มองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสีหน้าชั่วร้าย เขายกมือเล็กๆ ขึ้นเท้าคาง คล้ายกับจะแย้มรอยยิ้มออกมา
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมผู้หญิงคนนี้จึงเป็นตัวแปรสำคัญ บทสวดพุทธคุณขับไล่วิญญาณร้ายหรือ หืม น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก…