“ข้าโกรธนัก โกรธมากจริงๆ เลย!” สือหย่าฉีตะโกนอย่างน่ารำคาญเมื่อกลับถึงที่พัก ชุนเยี่ยนสาวใช้ของนางรีบรินชาให้นางถ้วยหนึ่ง แล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหนู เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?”
“จะเป็นอะไรไปได้อีก น่าอับอายชะมัด!” หวงเซียวเซียงยืนพิงขอบประตูด้วยความยินดีในความทุกข์ของผู้อื่น แล้วยิ้มเยาะเล็กน้อยเอ่ยว่า “ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย คิดจะนั่งข้างพี่เจวี๋ยเพื่อแสดงความใกล้ชิดและต้องการเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำให้ตัวเองอับอายขายหน้า และไม่มีที่ให้ระบาย มันช่างน่าเวทนาเสียจริงเชียว!”
“หวงเซียวเซียง เจ้าก็ไม่มีที่ไหนให้ไปเหมือนกัน!” สือหย่าฉีย้อนหวงเซียวเซียงอย่างดุเดือด ในดวงตาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต แล้วโต้กลับว่า “สะใภ้ใหญ่คนใหม่อะไรกัน กลัวที่ไหน เจ้าช่างมีความสามารถจริงๆ!”
“ก็ดีกว่าบางคนนะ แม้แต่กฎมารยาทพื้นฐานของคุณหนูผู้ดีที่พึงมีจะต้องไปห้องรับประทานอาหารและไปห้องครัวยังไม่รู้เลย ทั้งยังพูดอย่างภาคภูมิใจว่าตนถูกเอาอกเอาใจ นิ้วทั้งสิบไม่เคยสัมผัสแสงแดด หึ นั่นเป็นพวกไพร่กระฎุมพี! มีสาวใช้ปรนนิบัติแค่คนเดียวก็คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูที่เลี้ยงดูมาอย่างตามใจจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายมีสาวใช้หลายสิบคนคอยรับใช้อยู่รอบๆ ก็อึ้งไปเลย!” หวงเซียวเซียงศรศิลป์ไม่กินกันกับสือหย่าฉีมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อพบกันต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอก ขิงก็ราข่าก็แรงด้วยกันทั้งคู่
“เอาล่ะ พวกเจ้าก็ไม่ต้องทะเลาะกันอีก ลองคิดดูว่าจะทำอย่างไรดี เรามีเวลาไม่มาก” อวี้เมิ่งเหยามองทั้งสองคนอย่างเย็นชา ทั้งสองคนนี้มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ จึงเตือนว่า “วันนี้เป็นวันที่เราเพิ่งย้ายกลับมาหยกๆ แต่พี่ใหญ่เจวี๋ยกลับพาผู้หญิงคนนั้นไปเดินเล่น และไม่ได้มาดูว่าพวกเราอยู่กันเป็นอย่างไรบ้าง ข้าคิดว่าพวกเขายังรักกันดีมาก ไม่ใช่อย่างที่ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนพูดว่าไม่ไว้หน้าฮูหยินซั่งกวนอะไรนั่น หากเราไม่ดำเนินการใดๆ ในช่วงเวลาอันสั้น ก็อาจจะถูกตัดหางปล่อยวัดได้”
“ยังจะทำอะไรได้อีก แน่นอนว่าเป็นช่วงคับขัน ให้พี่เจวี๋ยเอ่ยปากขอแต่งงานกับเราเองเถอะ!” หวงเซียวเซียงพูดกลั้วหัวเราะว่า “พ่อของข้าได้บอกใบ้กับพี่เจวี๋ยแล้ว หวังว่าพี่เจวี๋ยจะให้ตำแหน่งที่เหมาะสมกับข้าได้ ข้าเรียกร้องไม่เยอะ ภรรยารองก็พอ”
“ลุงหวงและพี่ใหญ่เจวี๋ยได้พบกันแล้วหรือ?” อวี้เมิ่งเหยามองหวงเซียวเซียงด้วยความประหลาดใจ แม้จะรู้ว่าหวงเซิ่ง มาร่วมงานแต่งของซั่งกวนเจวี๋ย แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะได้พบกับซั่งกวนเจวี๋ย และพูดคุยเรื่องการแต่งงานของทั้งสอง
“ของมันแน่อยู่แล้ว! ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่าพ่อของข้าว่างมาก ดั้นด้นมาไกลถึงลี่โจวเพื่ออะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อการแต่งงานของข้า! พี่เจวี๋ยได้ตกลงแล้ว ดังนั้นข้าไม่ต้องกังวลเลย ตราบใดที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตั้งท้อง พี่เจวี๋ยจะจัดงานแต่งให้ข้า ทุกคนในที่นี้ก็เป็นพี่น้องกัน ข้าไม่จำเป็นต้องปิดซ่อนไว้จนกว่าจะจบ แนะนำให้พวกเจ้าวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ เสียเลย” หวงเซียวเซียง
กล่าวอย่างมีชัย บิดาของนางเคยเลียบเคียงเอ่ยถึงเรื่องนี้กับซั่งกวนเจวี๋ยจริง แต่ซั่งกวนเจวี๋ยบอกว่าทั้งสองเป็นเพียงเพื่อนธรรมดา และยังไม่ถึงจุดจะพูดคุยการแต่งงานได้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่านางมาลี่โจวโดยซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้เชิญ แต่นางถ่อมาเอง หากหวงเซิ่งไม่สบายใจ กรุณาพาลูกสาวกลับไปด้วย
คำสัญญาที่เรียกว่าจะเป็นภรรยารองอะไรนั้น เป็นเพียงแค่หวงเซียวเซียงจงใจพูดยียวนผู้หญิงทั้งสอง หากทั้งสองคนตื่นตระหนกเพราะเหตุนี้ จะออกโรงเองแน่นอน ไม่ว่าพวกนางจะพยายามเกลี้ยกล่อมซั่งกวนเจวี๋ยหรือโจมตีเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ล้วนเป็นการสร้างโอกาสให้นาง นั่นคือนกกระจอกเหลืองคอยจับจิกกินอยู่เบื้องหลังนั่นเอง
“ข้าไม่เชื่อที่เจ้าพูดหรอก” อวี้เมิ่งเหยามองหวงเซียวเซียงอย่างเยียบเย็น สายตาประหนึ่งกระบี่อาบน้ำแข็งแล้วพูดว่า “เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาให้พี่เจวี๋ยตกลงจะแต่งกับเจ้าในฐานะภรรยารอง ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดต้องรอให้ฮูหยินใหญ่มารับที่เรือนหิมะสุขใจพร้อมกับพวกเรา?”
“ถือสิทธิ์? เทพธิดาหยกไม่คิดว่าคนที่ไม่มีสิทธิ์พูดที่สุดก็คือเจ้าหรอกหรือ?” หวงเซียวเซียงไม่รู้สึกกินปูนร้องท้องและอับอายที่จะต้องเผชิญกับการจับผิดคำโกหก จึงเย้ยหยันต่อปากต่อคำกันว่า “ลูกที่แม่หม้ายเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ต่อให้จะได้ใบบุญของพ่อที่ตายไปแล้วก็ตาม ยังไม่รู้ว่าลุงที่ช่วยเหลือพวกนั้นมีเจตนาอะไรด้วยซ้ำ แล้วจะเพลิดเพลินไปกับความสุขที่แท้จริงได้อย่างไรเล่า? จะดีจะชั่วน้องหย่าฉียังมีสาวใช้คอยรับใช้อยู่ข้างกาย เกรงว่าเทพธิดาหยกจะไม่มีสาวใช้เป็นของตัวเองใช่ไหม?!”
“ไม่ใช่นะ!” สือหย่าฉีตอบ นางยังไม่เข้าใจว่าอวี้เมิ่งเหยาเกิดมายากจน จึงต้องแสร้งทำเป็นคนหยิ่งผยองจองหองพองขนพลางกล่าวว่า “มิฉะนั้นด้วยความหยิ่งผยองของเทพธิดาหยก จะพึ่งพาตระกูลซั่งกวนไม่จากไปได้อย่างไรเล่า? บอกว่าเป็นห่วงพี่เจวี๋ยนั่นเป็นเรื่องจอมปลอม เป็นห่วงความสะดวกสบายที่ใช้ชีวิตในตระกูลซั่งกวนถึงจะเป็นเรื่องจริงต่างหาก”
“หงหลัวซา สำนักดรุณีหยกดูเหมือนจะมีไว้สำหรับชีวิตอนุภรรยา ไม่รู้หรือว่าอาจารย์เจ้าสำนักผู้นั้นของเจ้าคิดจะขายเจ้าให้เป็นอนุภรรยา?” อวี้เมิ่งเหยากัดฟันพูด พวกสือหย่าฉีเหน็บแนมฉีกหน้านางจนทนไม่ได้ถึงที่สุด ใช่แล้ว นางด้อยค่ามาก ไม่ได้มีชีวิตร่ำรวยมาตั้งแต่ยังเด็กล้วนเพราะได้รับทุนจุนเจือจากสหายของบิดาก่อนที่จะเสียชีวิต มารดาเป็นเพียงลูกสาวที่มีพรสวรรค์ในชนบท แม้จะฉลาดอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงแสงสว่างเล็กน้อยเท่านั้นเอง ในตอนนั้นที่มารดาแต่งงานกับบิดา ไม่มีอะไรจะกังวลไปกว่าเรื่องอาหารและเสื้อผ้า ไหนเลยจะรู้ว่าบิดาถูกคนฆ่าตายหลังจากนางเกิดได้ไม่นาน
โชคดีที่เมื่อผู้คนในยุทธจักรต่อสู้กับพวกวายร้าย ได้ถูกนักล่านรกที่อำมหิตฆ่าตาย จึงฝากชื่อเสียงไว้เพื่อผดุงความยุติธรรมและสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับสองแม่ลูก บรรดาลุงๆ ที่เคยรู้จักกับพ่อก่อนจะเสียชีวิตได้ช่วยอุปถัมภ์ทางการเงินเป็นครั้งคราวแม้จะยากลำบาก แต่ก็ยังประทังผ่านไปได้ ทว่าสิ่งที่นางทนไม่ได้คือคนเหล่านั้นแอบมองแม่ของนาง นางรู้แม้กระทั่งว่าบางครั้งแม่ต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายพวกนั้นเพื่อเลี้ยงชีพ กระนั้นนางก็ทนไม่ได้ ความหยิ่งยโสของนางจะไม่ถูกบังคับออกมาได้อย่างไร
นางเร่ร่อนท่องไปในยุทธภพตอนอายุสิบสี่ปี เป็นคนรู้จักเอาตัวรอดมาตลอด ไม่มีข่าวลือกับผู้ชายในยุทธภพในแง่เสียหายอะไร นางต้องการแต่งงานกับผู้ชายที่มีพื้นฐานทางครอบครัว อย่างน้อยก็เหมือนกับพ่อของนาง ถ้าตัวตาย คนนั้นก็จะไม่มีทางให้ลูกเมียอยู่ดีกินดีได้ก็จะไม่เชื่อใจอย่างแน่นอน
แต่ช่างยากเย็นนัก ในยุทธภพบรรดาคุณชายจอมยุทธ์ที่ฐานะร่ำรวยแล้วจะไม่มีหญิงงามคนสนิทนั้นมีไม่มากนัก แม้จะมีเจ้าสำนักหนุ่มสองสามแห่งมาสนใจนาง แต่คนเหล่านั้นก็เติบโตขึ้นมาได้หลายปีหรือสิบกว่าปีเท่านั้น ทั้งยังมีผู้หญิงรายล้อมอยู่ข้างกายมากมาย นางจะเสียโอกาสปล่อยตัวเลือกแรกที่สำคัญที่สุดไปไม่ได้
อวี้เมิ่งเหยารู้อยู่ลึกๆ ว่า ตัวเลือกแรกของนางสำคัญมาก หากบุคคลแรกที่เกี่ยวข้องกับนางเป็นเพียงนายน้อยของสำนักเล็กๆ เว้นแต่คนผู้นั้นจะมีวันหนึ่งกลายเป็นมังกรผงาด มิฉะนั้นชีวิตของนางในชาตินี้ก็จะถูกฝังกลบไว้เท่านั้น เป็นโอกาสบังเอิญมากที่ได้รู้จักกับซั่งกวนเจวี๋ย หลังจากได้พบนางก็รู้ว่า นี่คือคู่หมายที่นางใฝ่ฝันคะนึงหามาตลอด ดังนั้นนางจึงตีสนิทกับซั่งกวนเจวี๋ยโดยไม่รักนวลสงวนตัว แล้วไล่ตามมาถึงลี่โจวอย่างไร้ยางอาย ส่วนซั่งกวนเจวี๋ยดูเหมือนจะต้องตาต้องใจนาง จึงเชิญนางไปเป็นแขกที่ตระกูลซั่งกวน
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะยังมีชีวิตแบบนี้ อาหารการกินและเสื้อผ้าอาภรณ์ของตระกูลซั่งกวนล้วนเป็นสิ่งที่นางคิดไม่ถึง มีทุกอย่างตั้งแต่ผ้าไหม ผ้าแพร และอาหารทะเลเลิศรสหายาก ทั้งยังมีรังนก หูฉลามซึ่งไม่เคยกินมาก่อน นี่เป็นเพียงอาหารธรรมดาในตระกูลซั่งกวน แม้แต่สาวใช้ที่ตระกูลซั่งกวนส่งมาให้พวกนางได้เรียกใช้สอยชั่วคราวก็ยังดีกว่าชีวิตของนางที่บ้าน นางจึงได้ตัดสินใจแล้วในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร แม้จะเป็นอนุภรรยา นางก็ต้องอยู่ต่อให้ได้
หวงเซียวเซียงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย ภูมิหลังครอบครัวของทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน แม้จะไม่ยอมแพ้ แต่นางก็รู้ว่าไม่มีทางทัดเทียมกับหวงเซียวเซียงได้ แต่สือหย่าฉีนั้นแตกต่างออกไป แม้จะเกิดในสำนักดรุณีหยก แต่สำนักดรุณีหยกก็เป็นเพียงสำนักเล็กๆ ที่แปลกแยก นางเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง (ถ้าไม่ใช่เด็กกำพร้าก็ต้องเป็นลูกสาวนอกสมรสที่บิดาไม่ต้องการ) สำนักดรุณีหยกล้วนมีแต่ผู้หญิง คนที่โตแล้วพูดยาก แต่เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม จะได้เป็นเจ้าสำนักดรุณีหยก อาจารย์ผู้มีเสน่ห์คนนั้นของสือหย่าฉีได้แต่งงานกับจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงของยุทธภพในฐานะภรรยาหรืออนุภรรยา เพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าจอมยุทธ์ในทุกด้าน บางคนถึงกับกล่าวว่า ตราบเท่าที่สามารถจ่ายได้ราคางาม ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร สำนักดรุณีหยกจะให้เขาแต่งงานกับศิษย์คนโปรด และทำหน้าที่เป็นภรรยาหรืออนุภรรยาได้ตามใจชอบ
“ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่เจวี๋ยจะไม่มีวันทนให้ข้าต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้” สือหย่าฉียังดูเหมือนว่าจมอยู่ในความเจ็บปวด แต่ก็ยิ้มอย่างหยิ่งผยองมากขึ้น แล้วกล่าวว่า “สำหรับเจ้า ข้าคิดว่าพี่ใหญ่เจวี๋ยไม่มีแก่ใจกับดอกเซียนน้ำที่ไม่ออกดอกพรรค์นั้น!”
“เอาล่ะ เป็นคนกันเองแท้ๆ ล้อเล่นพอหอมปากหอมคอ อย่าทำร้ายน้ำใจกันเลย” หวงเซียวเซียงกลายเป็นผู้หย่าศึกในครั้งนี้แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ยามนี้เราต้องไคร่ครวญไม่เพียงแค่ความเห็นของพี่ชายเจวี๋ย คนที่ปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดและกลายเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวน คิดว่านางเป็นหญิงสาวที่สูงศักดิ์จริงๆ ก็เป็นประเด็นเช่นกัน ฮูหยินใหญ่ไม่ได้บอกหรือว่า แม้แต่ชุยอวี่เฟยซึ่งเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลชุยก็ล้มเหลวอย่างน่าอนาถ น้องทั้งสองอย่าลืมว่าคุณหนูผู้นั้นหยิ่งและทระนงตนเพียงใดเมื่อเห็นพวกเราครั้งที่แล้ว”
“เช่นนั้นพี่หวงหมายว่า…” อวี้เมิ่งเหยารู้ดีว่ายามนี้ถึงแม้ทั้งสามจะไม่ต้องจับมือกัน แต่ก็ไม่อาจรวมตัวกันได้ จะต้องมุ่งความสนใจไปที่ซั่งกวนเจวี๋ยและภรรยา
“สะใภ้ใหญ่คนนี้ก็สวยเหมือนกัน!” หวงเซียวเซียงกล่าวอย่างไม่พอใจ นางคิดเสมอว่าตนงามหยาดเยิ้ม ต่อให้จะยืนอยู่กับเหล่าหญิงตระกูลสูงศักดิ์ก็จะไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่หลังจากได้เห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ในวันนี้ นางเกิดสงสัยตงิดๆ อยู่ในใจ บางทีที่ผ่านมานางอาจจะสายตาสั้นจริงๆ แต่นางก็ยังเชื่อมั่นว่า เยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นเป็นเพียงผู้หญิงที่มีพื้นเพมาจากการค้าขาย จะหาข้อ
บกพร่องที่ร้ายแรงได้เป็นแน่ และในเวลานั้นนางจะได้เห็นใบหน้าที่สวยสะคราญกลายเป็นสภาพที่น่าเวทนาจนดูไม่ได้
“พูดเข้าประเด็นสำคัญเถอะ พี่หวง เราไม่อยากฟังเจ้าพล่ามเรื่องไร้สาระอะไรนั่น” สือหย่าฉีพูดออกมาตรงๆ นางไม่มีกะจิตกะใจจะฟังเรื่องไร้ประโยชน์พรรค์นั้นของหวงเซียวเซียง
“ข้าคิดว่านางไม่เห็นจะวิเศษวิโสอะไรเลย พวกเจ้าลองคิดดู นางเป็นเพียงลูกสาวพ่อค้าเล็กๆ ในอู๋โจว จะรู้อะไรได้บ้าง แต่ทำสงครามต้องมีกลยุทธ์ชัดเจน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เรายังต้องทำความรู้จักนาง ถึงจะลงมือสะดวก พรุ่งนี้เช้า ข้าจะไปเยี่ยมสะใภ้ใหญ่คนนี้ซึ่งกล่าวขานกันงามเลอโฉมจนน่าทึ่ง เพื่อดูว่านางมีอะไรที่ยอดเยี่ยมบ้าง น้องทั้งสองคิดว่าอย่างไร?” หวงเซียวเซียงแม้จะพูดเชิงเกริ่นถาม แต่ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าสองคนจะไปหรือไม่ นางก็จะพาไป
“ข้าจะไป” อวี้เมิ่งเหยาคิดอยู่แล้วว่านางจะต้องแต่งตัวอย่างไรในวันพรุ่งนี้ เยี่ยนมี่เอ๋อร์มีลักษณะอ่อนโยนใจดี เช่นนั้นนางจะปรากฏตัวในลักษณะที่โดดเด่นเย็นชาเท่านั้น มิฉะนั้นจะถูกบดบังด้วยท่าทีของนาง
“ข้าจะไปด้วย” สือหย่าฉีขบฟันกรอดพูดว่า “ชุนเยี่ยน พรุ่งนี้เจ้าออกไปกับข้า ข้าจะแสดงให้นางเห็นว่า สาวใช้แบบไหนเป็นสาวใช้ที่ดี!”
หวงเซียวเซียงหัวเราะร่วนออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “น้องสาวผู้แสนดี ไฉนเจ้าถึงยังคิดเรื่องนี้อยู่ ข้ามีเพียงสาวใช้สองคนคอยอยู่รับใช้ข้างกาย จะต้องพาไปด้วยหรือ?”
“แน่นอน!” สือหย่าฉีพูดอย่างที่ควรจะเป็นว่า “ไม่อย่างนั้นพวกเราทั้งสามคนจะเสียหน้านะ! โอ้โห พี่อวี้ เจ้าไม่มีสาวใช้คนสนิทอยู่เคียงข้างเลย แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า”
อวี้เมิ่งเหยาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดอย่างเย็นเยียบว่า “เราจะไปเยี่ยม ไม่ใช่ไปแสดงอำนาจ คนเยอะจะมีประโยชน์อันใด! ข้าจะกลับไปก่อน!”
“ฮ่า ทั้งยากจนและไส้แห้ง แต่ยังต้องแสร้งทำเป็นสูงส่ง” สือหย่าฉีเห็นการเสแสร้งของอวี้เมิ่งเหยาเป็นไม่ได้
“น้องไม่จำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับนาง นางน่ะ ถูกกำหนดให้เป็นผู้แพ้” หวงเซียวเซียงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าควรจะกลับห้องเช่นกัน สัญญาแล้วนะ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาหาน้อง มาสายไม่ได้เชียว!”
——————-