เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 121 เรื่องในอดีตตระกูลกงพลี
“ความรู้สึกนี้มันน่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะมีแรงกระตุ้น ผมรู้สึกได้ว่าระหว่างพวกเขามันเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้อยากได้ตำแหน่งอะไร”
“แม่เป็นคนที่มีนิสัยแข็งกร้าว ตอนที่ยังสาว ท่านทุ่มเทแรงทั้งหมดที่มีให้กับบริษัท แต่หลังจากที่แม่ของผมรู้เรื่องนี้เข้า ท่านกลับไม่ได้ใช้วิธีการที่ถูกต้องในการกอบกู้สถานการณ์ อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ก็ยังแย่ลงเรื่อยๆ อีกด้วย สุดท้าย พ่อก็เลยขอหย่า เขายอมแม้กระทั่งออกจากบ้านและไม่เอาทรัพย์สินอะไรเลย แต่ทว่า แม่กลับไม่เห็นด้วย……”
เมื่อฟังถึงตอนนี้ นภาลัยก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในหัวของเธอก็ถูกเรื่องนี้แทนที่เข้าไปอย่างสมบูรณ์
“ที่จริงแล้ว ในตอนนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถกอบกู้ความสัมพันธ์กลับมาได้แล้ว” ภีมพลดื่มชาอึกหนึ่ง จากนั้นจึงมองออกไปยังดวงดาวบนท้องฟ้าที่แสนไกล “พ่อผมยังมีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอกอีก เขารู้ดีแต่ก็ยังปล่อยให้เรื่องราวมันแย่ลงไปเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เรียกร้องให้แต่งงาน เธอดูเหมือนจะรักพ่อของผมจากใจจริง”
“ผมเคยเจอผู้หญิงคนนั้นครั้งหนึ่ง ผมอยากจะโน้มน้ามเธอแต่เธอกลับทำให้ผมรู้สึกว่าเธอสง่างามและใจกว้าง อีกทั้งยังเข้าใจแล้วก็มีเหตุมีผลอีกด้วย……”
ภีมพลถอนหายใจเบาๆ จากนั้นจึงพูดอย่างแผ่วเบา “แม่ของผมรักพ่อมาก แต่นอกจากชวนทะเลาะ แล้วก็ต่อว่า ท่านก็ไม่รู้ว่าจะกอบกู้สถานการณ์นี้ยังไง ช่วงเวลาที่ไม่ปกตินี้ ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องถึง 5 ปีเต็มๆ และมันก๋ทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ออกตลอดเวลาที่อยู่ที่บ้าน……”
“ในตอนที่ผมอายุ 17 ผมเห็นกับตาตัวเองว่าพ่อของผมปกป้องผู้หญิงคนนั้นและพาเธอพุ่งออกมาจากในกองเพลิง” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนใช้บอกผมว่าแม่ของผมยังอยู่ในนั้น ผมจึงเสี่ยงอันตรายฝ่าเข้าไปในกองเพลิงและแบกแม่ขึ้นหลังออกมา แต่ในตอนนั้น พ่อกับผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว……”
ในใจของนภาลัยเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาพูดอย่างสงบเยือกเย็นแต่จริงๆ ในใจของเขาก็คงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน
“และนี่ก็คือเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น” ภีมพลพูดเสียงเบา “สำหรับสาเหตุของเพลิงไหม้ ผมไม่เชื่อว่าพ่อเป็นคนทำ แต่บางที แม่อาจจะรู้คำตอบ”
“หลังไฟไหม้ พ่อก็หายสาบสูญไป……”
“อาการบาดเจ็บของผมไม่หนักมากนัก แต่แม่ผม ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ท่านยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟรอคอยความตายที่จะมาถึง อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอสิ้นหวังแล้ว”
“ในตอนที่ผมอายุ 18 หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ 1 ปี ผมเห็นอุบัติเหตุทางรถยนต์กับตาอีกครั้ง พ่อของผมกับผู้หญิงคนนั้น……ตายในอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น”
นภาลัยคิดเงียบๆ คนเดียวด้วยความหนักแน่น
ภีมพลไม่มีวันลืมภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ——
รถยนต์ที่พลิกคว่ำเละจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม พ่อติดอยู่หลังพวงมาลัยและหายใจแผ่ว หน้าผากมีเลือดไหลอาบ
“พ่อ!!พ่อ!!” เขาพุ่งเข้าไปคุกเข่าลงกับพื้น
พ่อยื่นมือที่เต็มไปด้วยเลือดออกมาและพยายามพูดอย่างยากลำบาก “ฝากดูแลน้องชายด้วยนะ ขอร้องล่ะ ชาติหน้า…… ฉันจะเป็นวัวเป็นม้าให้แกเอง”
ในที่สุดนภาลัยก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เชื่อในความรัก ไม่เชื่อเรื่องการแต่งงาน สาเหตุทั้งหมดก็เพราะเขาเชื่อในมนุษย์
ในดวงตาของภีมพลฉายแววแห่งความเยือกเย็นและสูงส่งไปตามธรรมชาติ หลังจากที่เล่าจบเขาก็เงียบไป
และในขณะที่นภาลัยเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เขาก็เปิดบาดแผลให้เธอดู เหมือนกับว่าเธอได้ปลอบโยนความอ่อนแอของเขา
“ภีมพล”
ในตอนที่เขาลุกขึ้นและกำลังจะจากไป นภาลัยก็เรียกเขาไว้เบาๆ
ภีมพลหันมามอง “ผมไปตอบอีเมล์ก่อน” เมื่อพูดจบ เขาก็เดินจากไป
และก็ไม่รู้ว่าเขาไปตอบอีเมล์จริงๆ หรือไม่ แต่ก็มักจะมีอารมณ์บางอย่าง ที่ต้องจัดการตัวของตัวเอง
นภาลัยนั่งอยู่ที่เก้าอี้บนดาดฟ้ารับลมยามเย็นพร้อมความรู้สึกอันหนักหน่วง
เธอวางถ้วยน้ำชาลงและนวดขมับที่ปวดเล็กน้อยเพื่อให้จิตใจที่วุ่นวายของตัวเองได้สงบลง
ตอนกลางคืน
บนเตียงคู่ขนาดใหญ่ที่นุ่มสบาย
นภาลัยนอนเอียงกายอยู่ข้างๆ เขา นอนมา 2 ชั่วโมงแล้วแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ
เรื่องในอดีตเกี่ยวกับตระกูลกงพลี ภาพเหตุการณ์ของช่วงเวลาหลายปีนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
เธอสนใจผู้หญิงคนนั้นมาก
เธอไม่ได้ยินเสียงที่แสดงถึงความเกลียดชังจากปากของภีมพลเลย
ดังนั้น เขาคิดยังไงกับการแต่งงานกันนะ?
ภีมพลหลับตานอนหงาย ลมหายใจสม่ำเสมอราวกับว่าหลับไปแล้ว
จนกระทั่งเธอมาหอมแก้มเขา เขาสะดุ้งเล็กน้อยและล้มเลิกความคิดของตัวเอง
เธอแอบหอมเขา?