เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 143 ไวศิษฎ์ช่างน่าตลก
ยังไงซะเธอก็เป็นแม่ของเขา หากเขาอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี เขาต้องไม่เอาความเรื่องนี้ต่อไปแน่ๆ
เขาถามอย่างเคร่งขรึม “แล้วหลังจากสิบวันล่ะ? แม่ผมบอกว่าสิบวันนี้เป็นเพียงการรักษามือขวาของเธอ”
“หลังจากสิบวัน ฉันจะต้องได้รับความไว้วางใจจากเธออย่างสมบูรณ์ ดังนั้นฉันสามารถอยู่คนเดียวได้ ส่วนกรินทร์ไปก็ทำงานของตัวเองได้” เธอคิดอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อได้ยินดังนั้น ภีมพลก็โล่งใจ “โอเค งั้นคุณทำงานไปเถอะ ผมก็จะทำงานเหมือนกัน”
เขาหันกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง
หมอสองคนกำลังยุ่งอยู่ไม่ไกล และทั้งสามคนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นจึงดูแปลกไปสักหน่อย
วันนี้อากาศดี
ตั้งแต่เปิดกล้องมีหลายฉากที่ต้องถ่ายทำ
รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของไวศิษฎ์นั้นร้ายกาจและมีเสน่ห์มาก ซึ่งสอดคล้องกับตัวเอกชายในนวนิยายต้นฉบับ
ในตอนเข้าวงการบันเทิงครั้งแรกของเขา ทุกอย่างดูใหม่ไปเสียหมด ในทุกๆ วันเขามักจะซื้อเครื่องดื่มให้ลูกทีม ในกองและแม้แต่ผู้ช่วยก็เช่นกัน เขาจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในทีมด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและภาพลักษณ์ที่สุภาพ
ส่วนเขมินทราอยู่ในแนวหน้ามาช้านาน จนลืมไปแล้วว่าเธออ่อนน้อมถ่อมตนครั้งล่าสุดในวงการตั้งแต่เมื่อไร แม้แต่การดื่มน้ำ ผู้ช่วยก็ต้องเปิดฝาขวดให้ เธอเคยชินกับการที่คนอื่นคอยทำเรื่องต่างๆ ให้ แต่ไม่มีใครกล้าเปิดโปงเธอ เพราะทุกคนต่างคาดหวังอยากได้เงินของเธอนั่นเอง
“ฉากที่สาม นักแสดงทุกคนโปรดเตรียมตัวด้วย!”
ผู้ช่วยรีบถอดผ้าห่มบางๆ ที่คลุมขาของเขมินทราออกอย่างรวดเร็ว และช่วยพยุงเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งเล่นใต้ร่มกันแดด
เธอเดินบนรองเท้าส้นสูงไปยังกล้องที่ปรับแต่งแล้ว
ไวศิษฎ์ล้วงมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋าและก้าวไปทางเขมินทรา ก่อนจะยืนอยู่ข้างหน้าเธอและมองดูเธอเบา ๆ
ออร่าของเขมินทรานั้นเปล่งประกายมาก เธอเชิดคางอันหยิ่งผยองขึ้นแล้วถามว่า “คุณจำบทได้หรือเปล่า? ฉันแสดงเทคเดียวผ่านตลอด ฉันไม่อยากเสียเวลา”
“ฉากนี้มีซีนจูบด้วยนะ” ดวงตาของเขามีรอยยิ้ม
หญิงสาวขมวดคิ้ว “มีฉากจูบ แต่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้แลบลิ้นออกมานะ อย่าพยายามเอาเปรียบฉันล่ะ”
แต่เขากลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว เอื้อมมือออกและปิดจมูกพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ช่วยไปแปรงฟันก่อน ก่อนด้วยนะครับ กลิ่นในปากของคุณมากแรงไปหน่อย ผมทนมาสองฉากแล้ว”
“…” อกของเขมินทราแทบระเบิด เธอเห็นความชั่วร้ายลึกๆ ในดวงตาของเขา
ในเวลานั้นเอง ผู้กำกับถามขึ้นว่า “สองนักแสดงนำ เรามาเริ่มกันเลยไหม?”
“เดี๋ยวก่อน ผู้กำกับ!” ไวศิษฎ์มองผู้กำกับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นหันกลับมามองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา และถามเสียงต่ำว่า “ไม่แปรงเหรอ? ถ้าไม่ยอมแปรง ผมจะบอกผู้กำกับว่าฉากนี้ผมจูบไม่ลงจริงๆ”
“นี่คุณ…” เจ้าหญิงน้อยผู้หยิ่งผยองโกรธจัด
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น…
ทีมงานทำงานเสร็จและการถ่ายทำในวันนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ไวศิษฎ์และเขมินทรากลับไปที่โรงแรม พวกเขาอาศัยอยู่ห้องข้างๆกันอีกด้วย
“น่าโกรธจริงๆ!” เขมินทรากลับไปที่ห้องชุด ก่อนจะโยนกระเป๋าของเธอลงบนเตียงด้วยความโกรธ เธอยกเท้าขึ้นเหวี่ยงรองเท้าส้นสูงออกไป แล้วเดินไปที่ระเบียงด้วยเท้าเปล่า “คิดว่าตัวใหญ่มาจากไหนกัน? ก็แค่ดาราหน้าใหม่ อี๋ ขึ้นเป็นดาราชายเบอร์หนึ่งด้วยวิธีการสกปรก แล้วคิดว่าจะเชิดหน้าชูตาแข่งกับฉันได้หรือไง มีสิทธิ์อะไร?!”
ผู้ช่วยรีบรินชาเก๊กฮวยแก้วหนึ่ง “คุณเขม์ ใจเย็นค่ะ” ขณะที่กำลังจะยื่นมันให้เธอ ก็เห็นชายคนหนึ่งบนระเบียงที่อยู่ติดกันมองมาทางนี้
ไวศิษฎ์!
เขาจับระเบียงอย่างสบายๆ
“ทำไมคุณพูดจาแบบนั้นล่ะ?” เสียงจางๆ ของไวศิษฎ์ดังขึ้น
เขมินทราตกตะลึงครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หันมาสบตา ทั้งสองมองหน้ากัน เธอตกใจเป็นอย่างมาก!
เขามองมาที่เธอและอธิบายความสับสนของเธอด้วยรอยยิ้มว่า “สิทธิ์ที่พระเจ้ายืนให้ไงล่ะ ทำไม?มันน่าโกรธมากเลยเหรอ?”
เขมินทราเม้มริมฝีปากและเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยความโกรธ!
ก่อนที่ผู้ช่วยจะตามเข้าไป เธอก็ดึงม่านปิดสนิท!
ผู้ช่วยพยักหน้าให้ไวศิษฎ์พร้อมกับรอยยิ้มเขินอายแล้วรีบวิ่งเข้าไป
ไวศิษฎ์ถอนสายตาและหุบยิ้ม
เขามองดูฉากเมืองที่พลุกพล่านอยู่ไกลๆ เขาตามข่าวมาหลายวันแล้ว ทำไมภีมพลยังไม่สร้างปัญหาให้เขาอีก?
เป็นไปได้ไหมที่การเข้าสู่วงการบันเทิงไม่สามารถกระตุ้นความโกรธของเขาได้
ในเวลานั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเหลือบมอง ก่อนจะกดรับสาย “ฮัลโหล”