ฟอลเคิลเป็นนักบวชเพียงคนเดียวที่โบสถ์แห่งชีวิตในเมืองเรดเมาน์เทน
เขาเคยเป็นทหารรับจ้างมาเป็นเวลา 2 ปี เขาเดินทางไปยังหลากหลายที่เมื่อครั้งเยาว์วัย แม้ว่าตอนนี้เขาจะย้ายมาอยู่ที่เมืองเรดเมาน์เทน แต่เขาก็คิดว่าตัวเองเป็นที่มีประสบการณ์ชีวิตมากคนหนึ่ง
ทว่าวันนี้ เขารู้สึกราวกับตัวเองอ่อนต่อโลกเกินไป เราไม่รู้จักวิธีฆ่าตัวตายแบบใหม่นี้ ถึงกับระเบิดหัวของตัวเองทิ้งด้วยแรงสะท้อนจากเวทมนตร์ ผู้ใช้เวทย์ทุกคนคงประทับใจกับการระเบิดหัวอันแม่นยำนี้
ฟอลเคิลปิดปากของเขาลงในที่สุด ชายหนุ่มที่จู่ก็ประกฎตัวขึ้นน่าจะเป็บุตรทองคำอมตะ ที่ปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ตามคำทำนาย ซึ่งถูกเล่ากล่าวไว้ว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นมาที่แท่นบูชาในวิหารทุกครั้งที่เขาตาย
แต่ถ้าไม่ละ ? มีวิหารแห่งชีวิตอีกมากมายบนโลกนี้ แต่กลับมีบุตรทองคำอยู่เพียงหยิบมือ เขาอาจจะไม่ได้ฟื้นขึ้นมาที่วิหารแห่งนี้อีกก็ได้ ถ้าอย่างงั้น เขาควรจะทำอย่างไรกับร่างไร้หัวนี่ และ สถานที่ที่ดูเหมือนมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นนี่ดี
เขาเป็นนักบวชที่ซึ่งนับหน้าถือตาในเมืองเรดวู๊ดมานับ 10 ปี เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะพบอะไรอย่างนี้ก่อนตาย และนี่มันใกล้เวลาสวดมนตร์ของเมืองแล้ว ถ้าชาวบ้านเห็นเขายืนอยู่ภายในโบสถ์ที่เปื้อนเลือดพร้อมร่างไร้หัวล่ะก็
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า ชาวบ้านจะคิดยังไง
โบสถ์แห่งชีวิตใช้เวลานับ 10 ปี เพื่อสร้างรากฐานกับหมู่บ้าน ถ้าหากชาวบ้านสูญเสียความศรัทธาไปกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ล่ะ เขาคงละอายใจที่จะต้องพบหน้ากับท่านเทพธิดาเมื่อเขาถูกเรียกไป
ฟอลเคิลรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก
สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็เกิดขึ้น ประตูไม้ด้านหลังของฟอลเคิลค่อยๆเปิดออก หญิงร่างอวบกรีดร้องขึ้นราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกรีดร้อง เมื่อเธอเห็นฉากสยองขวัญ เธอล้มลงไปกับพื้นเมื่อฟอลเคิลหันกลับไปพร้อมกับเศษสมองและเศษเลือดที่คลุมไปทั้งตัวของเขา “อย่าพึ่งกลัวไป ซูซาน” ฟอลเคิลพูดออกมา “ข้าคือฟอลเคิล เกี่ยวกับเรื่องนี้…”
“อะไรน่า ท่านคือบาทหลวงฟอลเคิลงั้นหรอ?” หญิงร่างอวบนามซูซานเริ่มใจเย็นลงหลังจากได้ยินเสียงของฟอลเคิล เธอลุกขึ้นและก่นด่าไปที่ร่างไร้หัวของโรแลนด์ “ท่านนักบวชเจ้านี่คือโจรใช่หรือไม่? ท่านทำได้เยี่ยมไปเลย รอข้าสักพัก ข้าจะไปเรียกคนอื่นมาช่วยท่าน เจ้านี่ช่างโง่เง่าเสียจริงที่กล้ามาปล้นท่าน”
หลักจากพูดจบ เธอก็ไปร้องขอความช่วยเหลือ “ใครก็ได้ช่วยหน่อย! ท่านนักบวชเฒ่าได้ฆ่าโจรไป มาช่วยท่านนักบวชขนย้ายศพออกไปที…”
เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกน ฟอลเคินก็ยิ้ม พร้อมกับน้ำตาไหลออกมา
ทันทีที่คนกลุ่มใหญ่มาถึง ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด โดยเด็กจะถูกกันไว้ให้อยู่ข้างนอก พวกเขาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยอง พวกเขาก่นด่าเจ้าโจรชั่ว ที่เข้ามาปล้นวิหาร ไม่มีใครสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าฟอลเคิลเป็นฆาตกร
หลังจากพูดคุยกันสักพักพวกก็เริ่มเก็บกวาด บ้างก็นำผ้ามาถูพื้น บ้างก็นำผ้ามาห่อศพไปเผาทิ้ง
ผู้คนต่างเข้ามาแวะเวียนถามเขาว่า เขาบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า พวกเขาใส่ใจเขาเป็นอย่างมาก บางคนถึงกระทั่งช่วยเช็คคราบเลือดบนตัวของเขา
ไม่มีใครเลย แม้กระทั่งฟอลเคิล มองเห็นร่างจิตสำนึกของโรแลน์ที่ยืนอยู่ข้างๆศพของเขา พูดให้ถูกคือเขาจะไม่สามารถถูกมองเห็นได้ เมื่อเขาอยู่ในร่างจิตใต้สำนึก
ในที่สุดโรแลนด์ก็กลับมาคิดเรื่องของตัวเอง ความเจ็บปวดที่เขาคาดไม่ถึงว่าจะได้รับ เขามั่นใจแล้วว่าที่เขาตายเพราะหัวระเบิดนั้นเป็นเพราะเขาร่ายเวทย์ไม่ถูกต้อง
นี่เป็นหนึ่งในการตายที่น่าหัวเราะที่สุดที่เขารู้จัก เขาคงหัวเราะไม่หยุดแน่ๆถ้ามันเกิดกับคนอื่น แต่ทว่าเมื่อเขาโดนเสียเอง เขาก็ทำได้แค่ร้องคร่ำครวญเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมความยากของคลาสนักเวทที่เว็บทางการประกาศไว้จึงสูงถึง 10 ดาว ซึ่งเป็นคลาสที่ยากที่สุดในบรรดาคลาสทั้งหมด ในขณะที่คลาสพ่อมด และนักบวช ที่เป็นผู้ใช้เวทย์เหมือนกันกลับมีความยากในการเล่นเพียง 5 ดาว
โรแลนด์นึกขึ้นได้ว่าคำชี้แจงที่เขาอ่านก่อนเข้าเกมนั้นบอกไว้ว่า หากผู้เล่นตายพวกเขาจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาภายในไม่กี่วิ หลังจากร่างจิตสำนึกของพวกเขาพบโบสถ์แห่งชีวิต และนอนลงบนแท่นบูชา
เขาสังเกตเห็นว่าผู้คนกำลังสนใจอยู่กับร่างกายของเขา ในร่างจิตสำนึก เขาทำได้เพียงมองเห็นเท่านั้น เขาไม่สามารถได้กลิ่น , รส หรือมีความรู้สึกใดๆ เขารู้สึกกลัวและประหม่าที่อยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่กีดกันประสาทสัมผัสเขาเป็นเวลานาน
เขารีบปีนขึ้นไปบนแท่นบูชาและเอนตัวนอนลง กระโปรงหินของเทพธิดาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
แน่นอน มันไม่มีอะไรอยู่ใต้กระโปรง มันมีเพียงแค่โครงหินอย่างเรียบง่ายอยู่เท่านั้น ไม่มีอะไรน่าดูสักนิด
ในขณะที่โรแลนด์กำลังคิดบางอย่างอยู่ ดวงตาของรูปปั้นเทพธิดาก็เรืองแสงสีเขียวส่องลงมายังร่างจิตสำนึกของเขา
ร่างจิตสำนึกของเขารู้สึกอบอุ่น พลังงานบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างเขา หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย ทันทีที่เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนแท่นบูชา
เขายืนขึ้น และพบว่าเหล่า NPC ที่กำลังวุ่นอยู่กับการเคลื่อนย้ายร่างเขา กำลังจ้องมองมาด้วยท่าทางตกใจจนอ้าปากค้าง
ในเวลานั้นเอง เขาก็รู้สึกหนาวเล็กน้อย เขาเลยลองก้มหัวลงไปดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่มีทางดูแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
เขาเปลือยอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งเศษผ้า
โรแลนด์อับอายมากจนอยากจะฆ่าตัวตาย หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้ง เขามองไปที่ฝูงชนและสงสัยว่าเขาจะหลุดพ้นจากเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนนี้ไปได้อย่างไร แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ เขาไม่รู้ว่าเขาจะอธิบายเหตุการณ์นี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่รู้แม้แต่ภาษาที่พวกเขาใช้
มันชัดเจนแล้วว่า เขาไม่สามารถใช้ความชำนาญด้านภาษาได้ในตอนนี้
ทันใดนั้นเอง ชายชราก็พูดบางอย่างกับฝูงชน หลังจากนั้นฝูงชนก็สลายออกจากโบสถ์ไป คนสุดท้ายปิดประตูให้ด้วยซ้ำ
โบสถ์กลับมามืดมิดอีกครั้ง ร่างไร้หัวของเขายังนอนอยู่บนพื้น แม้ว่าเลือดบนหน้าของนักบวชชราจะหายไปแล้ว แต่ทว่าชิ้นส่วนสมองของเขาก็ยังติดอยู่บนเสื้อผ้า ซึ่งมันดูค่อนข้างน่าขนลุก
แต่ทว่า โรแลนด์ก็ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด เพราะเลือดและเศษซากต่างๆที่เขามองเห็นถูกเบลอด้วยสี่เหลี่ยมเล็กๆภายในเกม