เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่248 นภาลัยไปทีเอ็ม กรุ๊ปแล้ว
หลังจากพิมพ์ข้อความเสร็จและส่งออกไป โทรศัพท์มือถือของไวศิษฎ์ก็ดังขึ้น
เขาเหลือบมองแล้วเลื่อนนิ้วยาวไปที่ปุ่มตอบรับ
คนปลายสายรายงานเสียงเบา “ลูกพี่ ภีมพลฟื้นแล้ว ความจำเสื่อมบางส่วน จำไม่ได้แม้แต่แม่”
ไวศิษฎ์ชะงักฝีเท้า และไม่ได้ดีใจนัก “ความจำเสื่อมบางส่วน?”
“ใช่ครับ”
“ แล้วเขาจำตัวเองได้ไหมว่าเป็นใคร?”ไวศิษฎ์เริ่มรู้สึกว่ามันไม่สนุกเข้าแล้ว หากภีมพลจำนภาลัยไม่ได้ งั้นเขาจะโอ้อวดอะไรกัน?
แม้จะยืนโอบกอดนภาลัยต่อหน้าภีมพล ก็ไม่อาจยั่วยุเขาได้
ในขณะนี้เอง ไวศิษฎ์ก็รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
“ไม่รู้ว่าเขาจำได้หรือเปล่า”อีกฝ่ายรายงานตามความจริง “แต่ได้ยินมาว่าความจำเสื่อมบางส่วนแบบนี้รักษายากมาก ด้วยเกิดจากการกระตุ้น ดีไม่ดีอาจจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต”
ไวศิษฎ์อยากจะสบท “เข้าใจแล้ว”กล่าวจบ หลังจากนั้นเขาก็วางสาย
“ศิษฎ์ ใครเป็นโรคความจำเสื่อมบางส่วนเหรอ?”
เขาลืมตาขึ้นพบว่าเป็นเขมินทราที่ยืนอยู่ข้างๆตนเอง และก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แอบฟังอยู่ตลอดอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตาของทั้งสองประสานกัน สายตาของเขาเย็นชาขึ้นมา
“คุณอย่ามองฉันแบบนั้น!”เธอรีบอธิบายด้วยความหวั่นใจ “ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย!”
จากนั้นเธอก็ยิ้มและถามว่า “เสาร์นี้ไปเล่นกอล์ฟด้วยกันไหม?ผู้กำกับเองก็จะไปด้วย แล้วทุกคนจะได้ต่อบทกันได้” เธอพูดชวนเขาอีกครั้ง
ไวศิษฎ์ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ไป”
ในฐานะที่เขมินทราเป็นดาราดังแถวหน้าที่ใครๆ ต่างโคจรเข้าหามาโดยตลอด เธอจึงรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก “ทำไมล่ะ?”
“ไม่ว่าง ไม่ได้สนใจ ”
ไม่รอให้เธอจะได้พูดอะไรอีก ไวศิษฎ์ก็ก้าวออกไปแล้ว
ไม่สนใจอะไร?
นี่คือสิ่งที่คุณสนใจนะ!!
วิลล่าติดวิวทะเลแสนงดงาม นภาลัยมองทิวทัศน์อยู่บนชั้นสองหน้าหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน เหล่าดอกลิลลี่ล้ำค่าในสวนยิ่งเบ่งบานก็ยิ่งสวยงามขึ้นไปอีก
ทุกวันนี้เธอรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด
ภีมพลประสบอุบัติเหตุรถชนก็เพราะเธอ…ถ้าหากเธอไม่หนีไป ถ้าหากเธอไม่รีบร้อนข้ามถนนไวขนาดนั้น …น่าเสียดายที่มันเป็นแค่สมมติ
เขาไม่ชอบให้ตนไปพบเจอกับไวศิษฎ์
แล้วตอนนี้ล่ะ?เธออาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับไวศิษฎ์
หากภีมพลรู้เข้า เขาจะโกรธมากขนาดไหน?
เธอยืนอยู่คนเดียวที่ตรงหน้าต่างพลางครุ่นคิดอะไรไปมากมาย ในที่สุดเธอก็หันหลังและเดินลงบันไดไปที่ห้องรับแขก
“คุณนภา คุณจะไปไหนคะ?”พี่กุ้งเรียกเพื่อหยุดเธอเอาไว้
“ฉันจะไปหาวริศที่ทีเอ็ม กรุ๊ป!”นภาลัยบอกกับเธอตามความจริง “จะบอกไวศิษฎ์หรือไม่ก็แล้วแต่ ฉันจะกลับมาแน่!”
หลังจากพูดจบเธอก็วิ่งออกจากสวนทันที
พี่กุ้งร้อนรนจนจะสะดุดล้ม เธอรีบไปที่หน้าโต๊ะชาแล้วคว้าไมโครโฟนของโทรศัพท์บ้าน แล้วโทรออกอย่างรวดเร็ว “คุณไวศิษฎ์ คุณนภาออกไปแล้วค่ะ เธอบอกว่าเธอจะไปหาวริศที่ทีเอ็ม กรุ๊ป แล้วบอกด้วยว่า จะบอกคุณหรือไม่ก็แล้วแต่ เธอจะกลับมาแน่ ค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”ลมหายใจของไวศิษฎ์เย็นขรึม และเขาก็วางสายลง
ผ่านไปอย่างรวดเร็วรถแท็กซี่ก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูทีเอ็ม กรุ๊ป นภาลัยลงจากรถแล้วเดินไปที่ห้องโถง
เธอตั้งตารอที่จะได้ทราบข่าวคราวจากเขา ทั้งยังกลัวที่จะได้ทราบข่าวด้วย
“คุณนายมาแล้ว?”
“นานแล้วที่เธอไม่ปรากฏตัวทำไมเธอถึงซีดเผือดขนาดนี้?”
“คุณภีมเดินทางไปทำธุรกิจอยู่ตลอด พอนี่เพิ่งกลับประเทศเธอก็กลับมาแล้ว?เลิกลากันแล้วหรือเปล่า?”
นภาลัยไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เธอเดินตรงเข้าไปที่ลิฟต์ กดไปยังชั้นที่เป็นที่ตั้งของห้องท่านประธานบริษัท
สองเดือนผ่านไปแล้ว เขาก็พ้นขีดอันตรายแล้ว แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?
เขาฟื้นแล้วหรือเปล่า?
ดีขึ้นแล้วหรือเปล่า?
นภาลัยกังวลอยู่เสมอและอยากจะรู้ข่าวเกี่ยวกับเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
เธอจึงอดไม่ได้ที่จะมา
เธอรู้สึกว่ากรินทร์ไม่น่าเชื่อถือเลยและอาจจะปิดบังบางสิ่งบางอย่าง ในขณะที่วริศจะไม่มีทางโกหก
ห้องท่านประธานบริษัทยังคงอยู่เหมือนเดิม สไตล์ทันสมัยและเรียบหรู ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ในขณะที่นภาลัยเดินเข้าไป กลับไม่พบวริศ กลับกันเป็นญาณีที่เพิ่งวางเอกสารบางส่วนลง แล้วหันมาสบตาพอดี ดวงตาของหญิงสาวทั้งสองประสานกัน
นภาลัยหยุดฝีเท้าลง ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะได้พบเธอ
สิ่งหนึ่งที่พวกเธอทั้งสองมีเหมือนกันคือทั้งสองต่างก็ซีดเซียวและซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
ญาณีโกรธมากเมื่อเห็นนภาลัย “เธอมาทำไม?!”ดวงตาทั้งสองข้างดูเหมือนราวกับจะพ่นไฟออกมา
แต่นภาลัยกลับสงบเย็น “ฉันมาหาวริศ”
“มาหาวริศหรือมาหาภีมพล?”ญาณีกอดอกพลางเดินมาหาเธอ “ฉันขอร้องให้เธอไปซะเถอะ!ทำร้ายเขายังแย่ไม่พอเหรอ?!เพราะเธอเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด!เธอยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ?!”