เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่250 ภีมพลจำเธอไม่ได้
“อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ”วริศกล่าว “ผมไม่ได้ถามเขา และก็ไม่น่าถามสักเท่าไหร่ครับ”
“อืม”นภาลัยไม่ได้อยู่นานนัก “ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ขอบคุณคุณมาก”เธอเดินออกจากห้องท่านประธานบริษัท ด้วยอารมณ์ที่สับสนว้าวุ่น
หลังจากลงมาและออกจากลิฟต์ เธอออกจากโถงของบริษัท ดวงตาของนภาลัยเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา รอยร้าวที่ดำมืดภายในใจยังคงแหลกสลาย ขณะที่เธอเดินออกจากประตูห้องโถง เธอแหลกสลายอย่างเจ็บปวดทรมาน
ลมหนาวพัดผ่านมา เมฆดำเหนือหัวหนาทึบ และแม้แต่สภาพอากาศก็เปลี่ยนไป
เม็ดฝนสีเงินล่องลอยตกลงมาอย่างหนัก……
ชั่วขณะหนึ่ง หลายคนที่ยังอยู่กลางแจ้งรีบเร่งฝีเท้าเพื่อวิ่งเข้าไปที่ห้องโถง
มีเพียงเธอเท่านั้นที่เดินลงบันไดทีละขั้นๆ มุ่งเข้าหาสายฝน
สำหรับภีมพลแล้ว นี่อาจเป็นตอนจบที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
แต่เธอจะพาแชมป์และขวัญข้าวไปยังไง?เธอจะไม่ยอมให้ญาณีเป็นแม่เลี้ยงของลูกเธอ หากภีมพลจำลูกไม่ได้ เขาก็จะไม่สามารถให้ความรักของคนเป็นพ่อแก่ลูกได้
เป็นอิสระแล้วและทิ้งความยุ่งเหยิงทั้งหมดไว้กับเธอ ความเจ็บปวดและความเสียใจก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
นภาลัยเดินท่ามกลางสายฝนอย่างคนไร้วิญญาณ ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานเธอก็เปียกฝน เธอเดินไปที่ถนน
วอลโว่สีดำเร่งขับมุ่งหน้ามาที่ทีเอ็ม กรุ๊ป น้ำกระเซ็นขึ้นสูงเมื่อล้อรถแล่นผ่าน!
ไวศิษฎ์จับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวและสายตาก็จ้องมองไปข้างหน้าเผยให้เห็นความเศร้าและความกังวลอันเลือนราง
ภีมพลความจำเสื่อม ต่อให้ฟื้นขึ้นมาก็ช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้
เธอจิตใจดีมากขนาดนั้น หากไปเจอญาณีหรือไม่ก็คะนึงนิตย์เข้าคงจะแย่แน่ !
ไวศิษฎ์เป็นกังวลมากว่านภาลัยจะเป็นอย่างไร!
ในเวลานั้นเองรถแลมบูกินีสีดำซึ่งสั่งทำ หยุดอยู่หน้าอาคารหลัก บอดี้การ์ดในชุดสูทกางร่มสีดำขนาดใหญ่ และอีกคนก็เปิดประตูรถ
ภีมพลเดินลงมา ร่างแห่งปิศาจที่เยือกเย็นปรากฏสู่สายตา ใบหน้าที่แหลมคมราวกับมีดเต็มไปด้วยความจริงจัง แสงออร่าส่องดุจดั่งราชาที่มองลงมายังโลก
เขากำลังจะเดินเข้าไปในห้องโถงของบริษัท ขณะลืมตาขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็เห็นร่างของหญิงสาวท่ามกลางสายฝน เธอไม่ได้ถือร่ม และเดินไปทางที่รถสัญจรไปมา
ภาพเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุของตนก็ฉายแวบขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว!
เหมือนราวกับแสงที่ระเบิดออก!ช่างแสบเคืองตา
ภีมพล เอื้อมมือออกไปและคว้าร่มในมือของบอดี้การ์ด สัญชาตญาณบอกให้เขาก้าวไปทางแผ่นหลังนั้น!
นภาลัยพยายามระงับความระทมที่เกือบจะสำลัก น้ำฝนก็ไหลชะล้างน้ำตาของเธอ การมองเห็นพร่ามัวเป็นอย่างมาก และสมองของเธอก็ยุ่งเหยิง
เอี๊ยด——
เสียงเบรกแหลมแสบแก้วหู!
ไฟหน้ารถสว่างจนแสบตาส่องมา!
นภาลัยชะงักฝีเท้าเอาไว้ เหยียดแขนออกเพื่อปิดตาของเธอตามสัญชาตญาณ ในช่วงเวลาวิกฤติ ลำแขนใหญ่ข้างหนึ่งก็คว้าแขนเธอเอาไว้ แล้วออกแรงดึงเธอ!
ในเวลาเดียวกัน รถวอลโว่คันสีดำก็หยุดลง และไวศิษฎ์ก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปที่ห้องโถงของบริษัท เขาก็เห็นเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล——
ร่างของนภาลัยหมุนกลับและกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของภีมพล
“ระวัง!”
เสียงและอ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วขณะ
รอบๆ เธอมีแต่เสียงฝนตก แต่ทว่าฝนก็ไม่ตกกระทบเธอจนเปียกอีกแล้ว
รถที่สัญจรไปมารอบๆ ตัวกลับมาเป็นปกติ
นภาลัยลืมตาขึ้นและเห็นเขาอยู่ในระยะใกล้ ดวงตาของเธอก็พลันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ!แม้แต่หัวใจก็ยังเต้นเร็วรัว
ดวงตาของภีมพลนั้นลึกราวกับท้องฟ้ายามค่ำที่มืดมิด เจือไปด้วยความเย่อหยิ่งและเกียรติศักดิ์ศรีที่สมบูรณ์แบบและเป็นธรรมชาติ
เขาถือร่มสีดำขนาดใหญ่แล้วปล่อยมือที่คว้าข้อแขนเธอ
ไวศิษฎ์รีบพุ่งเข้ามาทางด้านนี้ ดึงนภาลัยและคว้าเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา!และจ้องมองเขาด้วยความเกลียดชัง “คุณทำอะไรน่ะ?!”
ภีมพลมองมาที่เขา ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง และดูเหมือนเขาจะจำเขาไม่ได้
“ทีหลังก็ดูแลแฟนของตัวเองให้ดีๆ ไม่ใช่มาทำตัวบ้าคลั่งหลังจากมีคนช่วยเธอไว้ก่อนแล้ว”หลังจากที่พูดจบ ภีมพลก็หันหลังกลับออกไปพร้อมกับร่มใบใหญ่
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังนั่น และนึกสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่ ก็เหมือนกับมีดเหล็กทิ่มแทงเข้าที่หัวใจของเธอ ทำให้เธอปวดใจมากเสียจนหายใจไม่ออก
เมื่อภีมพลมาถึงทางเข้าห้องโถง บอดี้การ์ดก็รับร่มในมือเขา
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องโถง สายตาก็หันไปเห็นว่าหญิงสาวได้เข้าไปนั่งข้างคนขับในรถวอลโว่คันสีดำนั้นแล้ว ในหัวใจของภีมพลจึงไร้ซึ่งความปั่นป่วนใดๆ เขาแค่ไม่อยากให้เกิดเหตุรถชนกันที่หน้าประตูบริษัทก็เท่านั้น โชคร้ายจริงๆ