เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 481 เผชิญหน้ากันอีกครั้ง
บางทีญาณีอาจจะยังเป็นรองประธานของบริษัท เป็นผู้ช่วยที่เก่งที่สุดของภีมพล และจะนำพาผลประโยชน์มากมายมาให้บริษัท
หล่อนก็คงจะมีภีมพลเป็นแบบอย่าง และใช้ชีวิตแบบเจริญก้าวหน้าไปทุกวัน
ยิ่งอยู่หล่อนก็จะยิ่งเก่งกาจ และอนาคตก็จะได้แต่งงานกับสามีเก่งพอ ๆ กันและชื่นชมหล่อนมาก จากนั้นก็มีลูกสักสองคน แล้วจะได้กลายเป็นคุณนายตระกูลไฮโซที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและฐานะมั่นคงด้วยตัวเองได้
และบางทีภีมพลกับนภาลัยก็คงจะไม่ต้องมาเผชิญกับความยากลำบากมากขนาดนี้ ไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีการเสียความทรงจำ……
ถึงแม้ยัยเด็กนี่จะเกิดที่บ้านนอก แต่หล่อนก็มีความสามารถมากจริง ๆ สามารถรักษาเธอให้หายได้จริง ๆ
อยู่ในวินาทีนี้ คะนึงนิตย์รู้สึกยอมรับนภาลัยขึ้นมาแล้ว แล้วอยู่ ๆ ก็คิดตกหลายเรื่องราว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ตรงบันไดที่ห้องรับแขกมีเสียงฝีเท้าดังลอยมา พอพ่อบ้านได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมา
คะนึงนิตย์ลงบันไดมาด้วยและออกคำสั่งเบา ๆ ไปด้วยว่า “พ่อบ้าน เดี๋ยวนายเอาเก็บเสื้อผ้าของคุณนายน้อยในห้องแต่งตัวให้หมด แล้วช่วยฉันเอาไปส่งที่เอเมอรัลด์ เบย์ วิลล่าด้วย”
พ่อบ้านแอบตกใจไปเล็กน้อย ตอนแรกนึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป
เสื้อผ้าของคุณนายน้อยเหรอ?
วันนี้ท่านใช้คำสรรพนามว่าคุณนายน้อยเหรอ!
งั้นก็หมายความว่า คุณนายยอมรับนภาลัยแล้ว! ยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้แล้ว!
จ้องมองสายตาที่ตกตะลึงของพ่อบ้าน สายตาของคะนึงนิตย์อ่อนโยนและสงบนิ่ง
“ได้ครับ!” พ่อบ้านตั้งสติกลับมาได้ ในใจรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก อย่างกับว่าได้เห็นตอนจบที่มีความสุขกันแล้ว!
เด็กสองคนนี้มีพลังมหัศจรรย์มากเกินไปแล้วมั้ง?
เสื้อผ้าพวกนี้เป็นเสื้อผ้าที่คะนึงนิตย์ไปเอามาจากเอเมอรัลด์ เบย์ วิลล่าด้วยตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้ เธอไม่ชอบให้เอเมอรัลด์ เบย์ วิลล่ามีของอะไรที่เกี่ยวข้องกับนภาลัย และอยากไล่เธอออกไปจากโลกของลูกชาย!
ตอนนี้ดูท่า เธอคงจะวุ่นวายเที่ยวหนึ่งเสียเปล่าแล้ว แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองปัญญาอ่อนจริง ๆ
แบบนี้กลับทำให้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับลูกชายแข็งทื่อขึ้นไปอีก
ตอนที่รถแลมโบกินี่ขับเข้าไปในเอเมอรัลด์ เบย์ วิลล่า และยังไม่ทันได้ลงจากรถนั้น ภีมพลกับนภาลัยก็เห็นรถลิมูซีนคันยาวจอดอยู่คันหนึ่ง ทั้งสองคนหัวใจกระตุกวุบ และเตรียมตัวต่อสู้ศึกเอาไว้
“แม่คุณมาแล้วค่ะ” นภาลัยหันหน้าไปมองเขา
ภีมพลปลดเข็มขัดนิรภัยออก หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองคนลงจากรถไปพร้อมกัน
ตอนที่พวกเขาเดินไปทางห้องรับแขก ก็เห็นมีคนกำลังยกของลงจากรถลิมูซีน ถุงเล็กถุงใหญ่กำลังยกเข้าไปด้านใน
ในขอบเขตที่สายตาสามารถมองเห็นได้ ไม่มีเงาของคะนึงนิตย์เลย
“สวัสดีครับคุณภีม สวัสดีครับคุณนายน้อย”
คนที่เห็นพวกเขา ต่างก็กล่าวทักทายกับพวกเขา ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ในห้องรับแขกมีถุงวางอยู่มากมายแล้ว และยังมีคนหิ้วถุงเข้ามาในห้องรับแขกไม่หยุดอีก
นภาลัยโน้มตัวลงไปที่ถุงใบหนึ่งในจำนวนถุงพวกนั้น ในนั้นมีเสื้อผ้าของเธอ……และทำให้เธอนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา
“คุณนายน้อยครับ คุณนายให้เราเอาของคุณนายน้อยมาคืนครับ” ผู้ชายหนึ่งในนั้นพูดกับเธอขึ้นมา “คุณนายยังบอกอีกว่า ถ้ามีเวลาก็ยินดีให้คุณกับคุณภีมกลับไปกินอาหารเย็นด้วย แค่โทรบอกล่วงหน้าหน่อยก็ได้แล้วครับ”
“……” นภาลัยหันสายตาไปทางภีมพลอย่างตกตะลึง
ภีมพลเองก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง นี่เปลี่ยนท่าทีไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
แต่ว่านี่เป็นเรื่องดีนี่
“โอเค ได้” นภาลัยใบหน้ายิ้มแย้ม “พวกเรารู้แล้ว ช่วยขอบคุณคุณนายแทนฉันด้วยนะ”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ” เสื้อผ้าถูกยกมาครบแล้ว
“ได้ค่ะ”
จากนั้นป้าโสนกับพ่อบ้านปวิธก็ช่วยกันเอาถุงขึ้นไปข้างบน เสื้อผ้าทั้งหมดถูกเอาไปแขวนไว้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และรีดให้เรียบร้อย
“แม่ของคุณ……” นภาลัยมาหยุดยืนตรงหน้าภีมพล แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขา “แปลกมากจริง ๆ ในวันนี้ ฉันนึกว่าท่านจะมาหาเรื่องพวกเรา เพราะว่าคุณพูดจาไปซะรุนแรงขนาดนั้น ว่าจะตัดสัมพันธ์ความเป็นแม่ลูกด้วย”
ที่จริงภีมพลเองก็ยังไม่ทันจะตั้งสติกลับมาได้ เขากำลังวิเคราะห์การเปลี่ยนในสภาพจิตใจแบบนี้ของแม่อยู่
ในช่วงหัวค่ำ ฝนไม่ตกแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมอยู่
ร้านขายขนมเค้กแฮนด์เมดขึ้นชื่อของเมืองไนร์ก้า ห้องที่กว้างหลายร้อยตารางเมตร ตกแต่งไปด้วยโทนสีอบอุ่น
ขนมเค้กที่สวยงามหลากหลายวางเรียงรายอยู่บนชั้นวางไม้ บนชั้นวางไม้บางชั้นกลับวางเครื่องดื่มอยู่เล็กน้อย มีหลากหลายรูปแบบ ล้วนมีวันผลิตล่าสุด
ขวดนมรสกล้วยหอมสีเหลืองเหลือเพียงขวดสุดท้ายแล้ว วางอยู่ท่ามกลางขวดสีขาวพวกนั้น ดูสะดุดตามาก
กลิ่นหอมที่เย้ายวนพวกนั้น มักจะดึงดูดให้คนหนุ่มสาวมากมายมาชอบ
แล้วมันก็เป็นเครื่องดื่มที่ร้านนี้ขายดีที่สุดด้วย
เบญญาใส่หูฟังเอาไว้ เธอหยุดยืนอยู่ตรงชั้นวางเครื่องดื่ม แล้วยื่นมือไปหยิบนมรสกล้วยหอมขวดสุดท้าย
วริศไม่ทันได้สังเกตเห็นเธอ มือของเขาเร็วกว่าเล็กน้อย ในวินาทีที่หยิบขวดนมกล้วยหอมไป มือของหญิงสาวข้าง ๆ ยื่นไปก็คว้าได้แต่อากาศ
เบญญาหันไปมอง แล้วสบตาเข้ากับวริศ