เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 497 การปรองดองครั้งใหญ่
พนักงานแนะนำสินค้าดีใจมาก เธอยังคงแนะนำเขาต่อไป “บัคกี้บอลเป็นลูกบอลแม่เหล็กขนาดเล็กที่มีพลังแม่เหล็กแรงสูง 5,000 เกาส์ แข็งแรงมากเป็นพิเศษ สีสันแวววาวหลากหลาย และเคลือบด้วยไฟฟ้าถึง 6 ชั้น
เล่นไปนานๆ สีก็ไม่จาง พัฒนาจินตนาการ อยากเล่นแบบไหนก็สามารถเล่นได้ตามใจชอบ ไม่ใช่แค่เด็กที่ชอบแต่ผู้ใหญ่ก็ติดด้วยค่ะ”
“เอาสองกล่อง!” ไวศิษฎ์ไม่เอียนเอง
ได้ค่ะ!”พนักงานแนะนำสินค้านำกล่องที่มีอยู่เพียงสองกล่องในร้านไปให้เขา “นี่เป็นเพียงสองรุ่นที่เปิดตัวในไตรมาสนี้นะคะ รวมทั้งหมดเป็น 300,000 สามารถให้ส่วนลดคุณได้ 10% ค่ะ”
“เอิ่ม” ไวศิษฎ์ไม่แม้แต่จะกะพริบตา เมื่อได้ยินราคา “ผมขอดูอย่างอื่นก่อนดีกว่า มีกระเป๋านักเรียนไหม?”
“ทางนี้มีค่ะ เป็นรุ่นล่าสุดที่ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อJoyของเราค่ะ
“เอิ่ม ผมขอลองดูหน่อย”
……
เวลาพลบค่ำ แลมบูกินีจอดอยู่ในลานของเอเมอรัลด์ เบย์ วิลล่า
คนในรถยังไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นในบ้าน และยังไม่เข้าใจแน่ชัดว่ามารดากำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาลงจากรถและเดินเข้าไปในห้องรับแขกด้วยความคาดหวังและความหวั่นใจ
“สวัสดีค่ะ คุณนายนิตย์” ผ้าไหมทำความเคารพเธอตามปกติ
คะนึงนิตย์ที่จัดผมเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “พวกลูกกลับมาแล้วเหรอ?” ไม่รอให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้เอ่ยปาก เธอก็ชิงถามก่อน
แสงไฟอ่อนๆ ส่องมาที่เธอ ในดวงตาคู่นั้นของเธอเต็มไปด้วยความกรุณา เป็นครั้งแรกที่ทำให้รู้สึกถึงความเมตตาของคนเป็นแม่
แม่”ภีมพลและนภาลัยสอดประสานมือกันแน่น ความอบอุ่นจากฝ่ามือของพวกเขาแพร่ออกมา พวกเขายืนอยู่ในห้องรับแขก
“คุณน้า” นภาลัยเองก็เอ่ยออกมาเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า “อันที่จริงคุณน้าให้ป้าโสนโทรหาเราก่อนหน้านี้ก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอก” คะนึงนิตย์เดินไปหาพวกเขาทีละก้าว “ยังไงแม่ก็ว่างอยู่แล้ว นี่ก็มีแชมป์กับขวัญข้าวอยู่เป็นเพื่อนแม่ไง”
บนใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มอันร่มเย็น เธอมองไปที่ลูกชายของเธอ ขณะเธอหยุดฝีเท้าแล้วยืนนิ่งๆ สายตาของเธอก็จ้องไปที่ใบหน้าของนภาลัย
นภาลัยสบสายตากับเธอนิ่ง รู้สึกประหม่าเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล
“อะไรกัน?ยังไม่เปลี่ยนคำเรียกอีกเหรอ?”คะนึงนิตย์ถามและยิ้มอ่อนๆ “ยังจะเรียกคุณน้าอยู่อีก”
“……” นภาลัยอึ้งไปเล็กน้อย คลื่นความร้อนไหลเข้าสู่หน้าอกของเธอ
เหมือนจะเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร แต่เธอกลับไม่แน่ใจ เพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปนั้น ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจจนเกินไป
คะนึงนิตย์กล่าวอย่างชัดเจน “เอาลูกชายแม่ไปแล้ว ก็ควรจะเรียกว่าแม่แทนไหมล่ะ?”
นภาลัยเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวมาก หลังจากได้ยินน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาทันใด “……คุณแม่” เสียงของเธอสะอื้นเล็กน้อย
ตั้งแต่เธออายุห้าปี เธอก็ไม่เคยเอ่ยคำเรียกนี้อีกเลย
เมื่อคะนึงนิตย์ได้ยินคำว่า คุณแม่ ก้อนหินในหัวใจของเธอในที่สุดก็ตกลงสู่พื้น “นภาลัยแม่ขอโทษ แม่ขอโทษสำหรับการกระทำในอดีตที่ได้ทำกับเธอเอาไว้”
เธอรวบรวมความกล้าอยู่หลายวันกว่าจะพูดคำนี้ออกไปได้
เมื่อสิ้นเสียง คะนึงนิตย์ก็โค้กคำนับให้กับเธอ
“ไม่ต้องค่ะ!” พอนภาลัยรู้สึกตัวก็รีบปล่อยมือภีมพลออก และเข้าไปพยุงไหล่ของเธอเอาไว้ทันที ตนเองก็ก้มตัวลงเช่นกัน “คุณแม่ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ!”
ทั้งคู่ยืนตัวตรงคะนึงนิตย์เอามือของเธอออกจากไหล่แล้วนำมาจับไว้เบา ๆ
นภาลัยกล่าว “มันเป็นความผิดของแม่ ที่ไม่ได้ให้เวลาเธอมากพอที่จะรับช่วงต่อ เลยผลีผลามบุกเข้าไปในบ้านของเธอพร้อมกับลูกชาย แม่ขอโทษ โปรดยกโทษให้แม่ด้วยนะ!”
“ค่ะ” เธอพยักหน้า “ฉันยอมรับคำขอโทษของคุณแม่ค่ะ” จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างจริงใจ “แล้วคุณแม่ยกโทษให้ฉันได้ไหมคะ?”
สายตาของทั้งสองประสานกัน ดวงตาของนภาลัยก็ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งน้ำตาอย่างอดไม่ได้
เธออ้าแขนกอดแม่สามีเอาไว้ การกระทำนี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
คะนึงนิตย์เองก็กางแขนออกเพื่อกอดเธอเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ และความผิดใจก่อนหน้าก็ได้รับการคลี่คลายในทันที
ภีมพลที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกตื้นตันใจ น้ำตาคลอเป็นประกายในดวงตา และในหัวใจของเขาก็ร้อนผะผ่าว
การปรองดองกันครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลย