เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 555 ตอนนี้ ฉันอยากเจอเธอ
วริศบอกกับภีมพลว่าทั้งเขาและนภาลัยต่างก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดจำหน่ายเพชรดิบในโยฮันเนสเบิร์ก
และได้ระบุไว้อย่างชัดเจนอีกครั้งว่า หากทีเอ็ม กรุ๊ปเสนอราคาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า คู่แข่งก็จะเสนอเพิ่มเป็นสามเท่า
“ปัญญาอ่อน น่าขำสิ้นดี” ภีมพลเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า ขณะที่อยู่บนเครื่องบินเขาคิดหามาตรการรับมือออกมาได้ “แอฟริกาใต้ใหญ่โตขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องซื้อจากโยฮันเนสเบิร์กนี่”
“ผมกับคุณนภาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ” วริศกล่าว “จากการเปรียบเทียบอีกครั้ง เราสามารถหาเพชรดิบที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักระยะครับ”
“ใช่” จากนั้นภีมพลก็หันหลังจากไป
“คุณภีมจะไปไหนครับ?”วริศจะไปไหน
ภีมพลหยุดฝีเท้า หันมามองและกล่าวกับเขาว่า “แม้ว่าญาณีจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อทีเอ็ม กรุ๊ปมากนัก แม้ว่าฉันเองจะไม่ชอบเธอ แต่ฉันก็ปล่อยให้เธอถูกชัยเดชทำลายเพราะต้องการที่จะต่อต้านฉันไม่ได้”
“……” วริศไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร
ภีมพลคิดว่า อย่างไรเสียพวกเขาก็เติบโตมาด้วยกัน และทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมาก
และอย่างไรเสียครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยทุ่มเทเพื่อทีเอ็ม กรุ๊ป
เมื่อก้าวฝีเท้าออกไปอีกครั้ง วริศไม่ทันที่จะได้เรียกรั้งเขาเอาไว้ นับประสาอะไรกับถามคำถามสักคำสองคำ ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในแคนาดาคือใครกัน?
ทำไมคุณถึงไปอยู่ในห้องนอนของหล่อนได้?
แล้วทำไมต้องนั่งอยู่บนเตียงของหล่อนด้วย?
ทว่าวริศแน่ใจเป็นอย่างมากว่าภีมพลยังไม่เห็นข่าวนี้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้จะไปตามหาญาณีทำไม?ต้องขอร้องให้นภาลัยยกโทษให้ต่างหาก
ในห้องทำงานท่านรองประธานที่อยู่ติดกัน
นภาลัยเงยสายตาขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านประตูกระจกด้านนอก……สูงใหญ่ สูงศักดิ์จนไม่อาจเทียบเทียมได้
เขาจากไปโดยไม่มีแม้แต่คำอธิบาย
นภาลัยกลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว เธอทุ่มกับงานด้วยความรู้สึกผิดหวัง พยายามทำตัวเองให้ยุ่งเพื่อไม่ให้ความคิดฟุ้งซ่าน
ในโรงพยาบาล ณ อำเภอแตงโม
การผ่าตัดของคุณแม่นุชวราประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ใช้เวลาเพียง 28 นาทีก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และในตอนนี้เธอก็ถูกส่งตัวไปยังห้องพักคนไข้เแล้ว
เพียงแค่รอให้ยาสลบหมดฤทธิ์ ก็จะได้สติฟื้นขึ้นในไม่ช้า จากนั้นเธอก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวจนหายดี
“ขอบคุณนะคะ พี่ญาณี” นุชวราเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดของคุณแม่เธอ
“ไม่ต้องเกรงใจ” ญาณีจับไหล่ของเธอ “เธออยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ฉันจะกลับไปเมืองไนร์ก้าก่อน วันที่สองของการทำงานคงไม่สะดวกที่จะลางานนานๆ นัก ตอนบ่ายฉันยังต้องไปทำงานอีก”
เมื่อได้ยินดังนี้ คุณพ่อของนุชวราก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลมากขึ้นไปอีก “บุญคุณอันเหลือล้นของคุณญาณี พวกเราจะไม่มีวันลืม!”
ญาณียิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เธอหวังแต่เพียงว่านุชวราจะไม่ลังเลเมื่อเธอต้องการการตอบแทนจากพวกเขา
“พี่ญาณี พี่ไปก่อนเถอะค่ะ ฉันไม่ถ่วงเวลาพี่แล้วล่ะค่ะ” นุชวรากล่าวกับเธอ “ฉันจะพยายามหาเงินมาจ่ายคืนให้พี่นะ เดินทางขับรถระวังด้วยนะคะ”
“เรื่องเงินไม่ต้องรีบหรอก”ญาณีเอ่ยถามอย่างจริงจัง “เธอเห็นฉันดูเหมือนคนขาดเงินขนาดนี้เลยเหรอ?”
สายตาของทั้งสองคนสบประสาน นุชวราเองก็ยกมุมปากของเธอขึ้น และสุดท้ายก็เผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา “ถ้างั้นฉันจะค่อยๆ ทยอยใช้คืนนะคะ”
ญาณีพยักหน้า และบอกลาครอบครัวนุชวรา และยังบอกลาศัลยแพทย์ที่เป็นเพื่อนของตน หลังจากนั้นจึงขับรถออกจากโรงพยาบาล
ไม่นานหลังจากที่รถขึ้นทางด่วน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นหน้าจอโทรเข้าเธอก็ตกตะลึง
ที่แท้ก็ภีมพล?
เธอไม่ได้บันทึกหมายเลขนี้เพราะเป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ แต่ถึงอย่างไรจนตายเธอก็ยังจำหมายเลขนี้ได้
จำไม่ได้แล้วว่าหมายเลขนี้ปรากฏขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อใด ดูเหมือนจะเป็นระยะเวลานานหลายปีมากแล้ว
ญาณีกดรับสาย แล้วเอาโทรศัพท์แนบข้างหู “……” แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวอะไร
“เธออยู่ที่ไหน?”เสียงต่ำของภีมพลยังคงคุ้นเคย “ตอนนี้ ฉันอยากเจอเธอ”
มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย ปลายจมูกรู้สึกแสบขึ้นมาเล็กน้อย เธอพยายามไล่ม่านน้ำตาที่พวยพุ่งอยู่ในดวงตาออกไป “เกรงว่าคุณจะลืมสถานะของตนเองแล้ว?คุณอยากพบฉัน?แน่ใจนะ?”
“ฉันจะรอคุณอยู่ที่Listen Coffee”กล่าวจบ ภีมพลก็วางสายโทรศัพท์