มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 11 จ่ายไม่ไหว
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ บัตรของคุณมีเงินเหลือหกล้านเจ็ดแสนเหรีญตงหัว แต่ค่าอาหารทั้งหมดสิบสามล้าน”
เสียงของพนักงานไม่ได้ดัง
แต่คนทั้งห้องต่างได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง!
สิบสามล้าน? นี้มันกินอะไรลงไปกันนะ!
“เธอเล่นตลกอะไรห้ะ? อาหารมื้อเดียว ต้องสิบสามล้าน?” จางเหวินเจี๋ยตกใจอึ้ง ชี้ไปที่จมูกของพนักงานและพูด “พวกเรามีกันแค่แปดคน อาหารไม่กี่สิบอย่าง จะเป็นสิบกว่าล้านได้ไง? หรือจะบอกว่าอาหารที่นี่แต่ละจานต้องเกือบล้านหรือไง?”
“รีบไปเรียกผู้จัดการของพวกเธอมา ไม่ใช่ว่าคิดผิดหรือเปล่า”
จ้าวหลินรู้สึกร้อนรนรีบพูด
“ใช่แล้ว อาหารมื้อละสิบกว่าล้าน เธอโหดร้ายยิ่งกว่าโจรอีก!”
“น่าจะแค่หนึ่งแสนนะ มื้อหนึ่งมากแค่ไหน คงไม่ได้แพงแบบนี้”
“รีบไปเรียกผู้จัดการของพวกเธอมาเร็วสิ มันต้องคิดผิดแน่นอน”
กลุ่มคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นการคิดผิด
ที่จริง
งานเลี้ยงสิบสามล้าน พวกเขายังไม่เคยกินมาก่อน และไม่มีทางที่จะคิด
ในกลุ่มคน มีเพียงมู่เซิ่งที่ใบหน้าเรียบนิ่ง มองดูสถานการณ์ มุมปากยกขึ้น เผยรอยยิ้มเรียบนิ่ง
คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในใจของเขารู้ดีสุด เมื่อกี้ที่สั่งปลาคาร์เวียร์เป็นไข่คาร์เวียร์สเตอร์เจียนขาวผสมกับเห็ดทรัฟเฟิลจากเทือกเขาแอลป์ชนิดหนึ่งกลายเป็นปลาคาร์เวียร์ราคาแพงอย่างมาก แต่ละจานราคาเกือบหนึ่งแสนดอลลาร์ นี่เป็นปลาคาร์เวียร์ที่แพงที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง
ปลาคาร์เวียรพิเศษยิ่งราคาแพงอย่างมาก เพราะฉะนั้นจึงเป็นอาหารลับของร้านแห่งนี้ ก่อนที่มู่เซิ่งจะออกจากตระกูลมู่ ก็เคยมากินที่ร้านนี้กับพ่อแม่ เขารู้ดีเพียงแค่เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษพิเศษลงไป ร้านอาหารจะจัดอาหารมาให้
จางเหวินเจี๋ยไม่เคยเจอมาก่อนแน่นอนไม่รู้ความพิเศษของมัน ยิ่งคิดไม่ถึงปลาคาร์เวียร์ชนิดนี้นั่นราคาเต็มๆเกือบหนึ่งแสนดอลลาร์ เขาสั่งไปสองจานก็ราคาเกือบสิบสามล้าน!
ในตอนนี้เขามองไปที่ใบหน้าเหมือนอมขี้ของจางเหวินเจี๋ย จนเกือบต้องกลั้นขำ
“ไม่ทราบว่าท่านนี้”
ไม่นานผู้จัดการก็เดินเข้ามา ชุดสูทที่ดูหล่อ “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรไหมครับ?”
“ตกลงร้านอาหารของคุณมันยังไงกันห้ะ?” จางเหวินเจี๋ยเดินขึ้นมาพูดอย่างไม่พอใจ “คิดเงินยังคิดผิด? พนักงานของพวกคุณ สะเพร่าเกินไปไหม!”
ผู้จัดการก็ไม่ได้รีบร้อน นำใบเสร็จจากมือพนักงานมาคิด ดูแต่ละเมนูจากนั่นก็ส่ายหน้าพูด “คุณครับ พวกเราไม่ได้คิดผิด ค่าอาหารครั้งนี้สิบสามล้าน พวกเรายังลดราคาให้คุณด้วย”
“พูดจาหมาๆ!” ในที่สุดจางเหวินเจี๋ยก็ระงับความโกรธต่อหน้าคนจำนวนมากไม่อยู่ ดึงเนกไทของผู้จัดการและถาม “นายลองพูดมาสิ อาหารพวกนี้ทำไมถึงได้ราคาแพงขนาดนี้! พวกนายมันร้านผิดกฎหมาย ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
ปัง!
ผู้จัดการค่อยๆแกะมือจางเหวินเจี๋ยออก เขาทำงานที่นี่มาเกือบสิบปี คนรวยแต่ละตระกูล เขาต่างเคยเจอมาหมด เดิมคิดว่าคนที่สามารถสั่งอาหารแบบนี้ต้องมีเบื้องหลังเป็นยังไงกัน แต่ดูจากตอนนี้ แม้แต่ค่าอาหารยังจ่ายไม่ไหว
ผู้จัดการจัดชุด พูดเสียงเรียบ “ขอโทษด้วยครับคุณ คุณสั่งปลาคาร์เวียร์สเตอร์เจียนที่มีจำนวนจำกัด ราคาต่อจานอยู่ที่หกล้านห้าแสน คุณสั่งมาสองจาน ก็อยู่ที่สิบสามล้าน ก่อนที่จะเสริฟ์ ผมยังตั้งใจถามคุณว่าได้สั่งอาหารจานนี้ไหม ร้านอาหารของพวกเรามีกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน ถึงแม้จะแจ้งความ ก็คงต้องเป็นพวกเราแจ้ง”
“นาย!”
จางเหวินเจี๋ยเหมือนนึกอะไรออก ร่างกายแข็งทื่อ ดวงตาทั้งสองแดง หันกลับไปมองมู่เซิ่งอย่างโหดๆ “นายไอ้ขยะ กล้าทำลอบทำร้ายฉัน?”
“เป็นนายให้ฉันสั่งได้ตามสบาย” มู่เซิ่งหยักไหล่ พูดตรงไปตรงมา
เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะปิดปากเล็ก ใบหน้าดูตกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าของที่กินไปเมื่อกี้จะแพงได้ขนาดนี้
“อย่างนั้นไม่ใช่ว่าฉันกินสองคำ คือกินไปเกือบแสนหรอ?”
“ดูแล้วพวกคุณคงไม่อยากจ่ายเงินแล้ว?”
ผู้จัดการยิ้มเรียบ สีหน้าที่แสดงออกไม่ได้โกรธแต่มีไอน่ากลัวออกมา เขาตบมือสองครั้ง
แปะๆ!
เสียงดังขึ้น ทันใดนั้นมีชายร่างกำยำพุ่งเข้ามาจากหน้าประตู แต่ละคนต่างใส่แว่นดำ แต่ไม่สามารถหยุดยั้งใบหน้าที่ดูโหดเหี้ยมได้ ร่างกายกำยำ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พวกเรี่ยไรเงินตามข้างทาง
“ผู้จัดการอู๋ เป็นพวกนี้ใช่ไหมที่กินแล้วไม่จ่าย?” ชายร่างกำยำคนหนึ่งชี้ไปที่จางเหวินเจี๋ย
“เหวินเจี๋ย ทำยังไงล่ะ!”
“ใช่แล้วเหวินเจี๋ย เป็นนายเรียกพวกเรามากินนะ”
“นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรานะ”
กลุ่มคนพากันตื่นตระหนก พวกเขาเป็นเพียงแค่แม่บ้านแม่เรือน เคยเจอเหตุการณ์ต่อสู้แบบนี้เมื่อไหร่กัน?
“ไม่ ไม่ได้กินแล้วหนี!” จางเหวินเจี๋ยตะโกนเสียงดัง ภายใต้การข่มขู่ของชายร่างกำยำถูกบีบจนเขาเดินถอยหลังออกไป “ฉันจะจ่ายเงิน จะจ่ายตอนนี้เลย!”
“งั้นบัตรใบนั้น”
“ฉัน……”
สีหน้าจางเหวินเจี๋ยดูตื่นตระหนก จนพูดติดอ่าง สิบกว่าล้าน เขาจะมีเงินมากขนาดนั้นที่ไหนกัน? แต่หากไม่จ่ายเงินล่ะก็ เกรงว่าครั้งนี้คงถูกถีบออกไปแล้ว
ทุกคนต่างนิ่งอยู่ที่เดิม จางเหวินเจี๋ยมองดูรู้สึกไม่สบอารมณ์ ยิ่งนึกถึงคาร์เวียร์สองจานนั้น ก็เป็นมู่เซิ่งและเจียงหว่านที่กิน ตอนนั้นเองในใจก็นึกบางอย่างได้ พูด “ฉันจ่าย เพียงแต่ว่าฉันจะจ่ายสิ่งที่ตัวเองกิน!”
“ปลาคาร์เวียร์สองจานเมื่อกี้ไม่ใช่ฉันสั่ง และฉันก็ไม่ได้กินมัน ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องจ่าย!”
ได้ยินประโยคนี้ ตอนนั้นเจียงหว่านรู้สึกร้อนรน ตบโต๊ะและลุกขึ้น “จางเหวินเจี๋ย นายอย่าลืม เป็นนายพูดเชิญมู่เซิ่งกินด้วย!”
“ฉันพูดตอนไหนกันว่าจะเชิญไอ้ขยะนี้มากินด้วย? ของที่ไอ้ขยะสั่งเองก็ควรจะจ่ายด้วยตัวเอง” จางเหวินเจี๋ยพูดเสียงเย็นชา เห็นชัดว่าสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล
“ใช่แล้ว เหวินเจี๋ยบอกเลี้ยงแต่ใครจะรู้ว่าไอไอ้ขยะจะสั่งของแพงแบบนี้!”
“ใช่แล้ว เจียงหว่าน เธออย่าช่วยพูดแทนไอ้ขยะเลย”
“ไอ้ขยะคนนี้สมควรโดน!”
เพียงชั่วขณะกลุ่มคนโยนปัญหาไปให้มู่เซิ่ง ที่จริงจากที่พวกเขามอง เป็นมู่เซิ่งที่สั่งอาหารแพงขนาดนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ
“นายจะบอกว่า ใครกินคนนั้นก็จ่าย?” ในเวลานี้เองมู่เซิ่งก็พูดขึ้น
จางเหวินเจี๋ยตะลึง ยกคิ้วมีความสุข พูดและพยักหน้า “ใช่ๆ ฉันหมายถึงแบบนั้น!”
เจียงหว่านรีบเดินมาข้างๆมู่เซิ่ง พูดเสียงต่ำ “มู่เซิ่ง ไม่ต้องสนเขา พวกเราไปกัน!”
ตระกูลเจียงเป็นเพียงชนชั้นระดับสอง อีกอย่างบ้านของเจียงหว่านฐานะไม่ได้สูง เดือนหนึ่งหาได้เพียงแสนกว่า เงินเก็บในบัตร คำนวนดีๆก็ไม่เกินสองล้าน
มู่เซิ่งลุกขึ้น พูดอย่างอ่อนโยน “ทำไมฉันต้องไป? ขอเพียงเธอชอบ เธอกินเยอะๆก็ไม่เป็นไร”
เจียงหว่านมองดูสายตาแน่วแน่ของมู่เซิ่ง และตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็มีสติกลับมา พูดอย่างร้อนรน “นี่มันต้องสิบสามล้านนะ ไม่ใช่ แสนสาม! นายจะจ่ายไหวได้ยังไงกัน!”
“อาหารในวันนี้ ฉันจะจ่ายทั้งหมด แต่ว่าหากฉันจ่ายเงิน แล้วนายกินอาหารที่ฉันจ่ายแบบนี้ควรทำยังไงล่ะ?” มู่เซิ่งพูด เผยใบหน้าร้ายกาจออกมา มองไปทางจางเหวินเจี๋ย
เจียงหว่านได้ยินแบบนี้ รู้สึกตกใจ จ่ายทั้งหมด? นั่นมันต้องสิบสามล้านนะ มู่เซิ่งจะมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ยังไงกัน
“มู่เซิ่งนายอย่าใช้เพียงอารมณ์ชั่ววูบนะ แม้จะขายบ้านไปก็คงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น!”
“ยังไงซะนายมันไอ้ขยะ อย่าคิดว่าพวกเราจะจ่ายให้”
จ้าวหลินรู้สึกว่ามู่เซิ่งบ้าไปแล้ว แต่เธอก็ขี้เกียจไปสนใจเขา ในใจคิดว่าหามู่เซิ่งถูกต่อยจนปางตายก็ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
จางเหวินเจี๋ยได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ นายไอ้ขยะจะจ่าย? ได้สิ หากนายจ่ายทั้งหมดจริงๆ ฉันจะคายสิ่งที่ฉันกินให้นายทั้งหมด!”
“คำไหนคำนั้น!” มู่เซิ่งพยักหน้า หยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและพูด “คิดเงิน!”
ขอเพียงแค่จ่าย ผู้จัดการก็ไม่ได้สนว่าใครจ่าย และพยักหน้าหยิบบัตรออกไป
จางเหวินเจี๋ยหัวเราะเย็นชาครั้งหนึ่ง หาเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง ไอ้ขยะนี้คิดจะจัดการเขา? มันมีความสามารถหรือไงกัน!
มองดูแผ่นหลังของมู่เซิ่ง จางเหวินเจี๋ยรู้สึกมั่นอกมั่นใจขึ้นมา เหมือนได้เห็นสีหน้าโกรธของผู้จัดการวิ่งเข้ามาต่อยมู่เซิ่งไปฉากหนึ่ง!
ไอไอ้ขยะ ฉันจะดูว่านายจะทำยังไงต่อ!