มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 16 สั่นสะท้านทั่วเมืองเจียงหนาน
“มู่เซิ่ง นี่ มันจะไหวจริงหรอ?”
ออกจากโรงพยาบาล เจียงหว่านถอนลมหายใจกระอักกระอ่วน แต่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความเศร้า
แม้การกระทำของตระกูลเจียงจะดูไร้เหตุผล ทำให้เธอโกรธยากจะรับได้ แต่หากไม่มีแรงสนับสนุนจากตระกูลเจียง บริษัทของเธอคงจะเดินต่อไปได้ยากมาก
ร้านค้าที่เคยทำสัญญาด้วยเหล่านั้น ต้องค่อยๆแยกออกไป เธอคงไม่สามารถพึ่งเพียงบริษัทมู่หรานเพื่ออยู่ต่อไปหรอกนะ?
“เธอยังจะแคร์ตระกูลเจียงอยู่อีกหรอ?” ทันใดนั้นมู่เซิ่งก็พูดขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน
“ฉัน………”
“หรือจะพูดว่า เธอยังอยากอยู่ที่ตระกูลเจียง?” มู่เซิ่งพูดต่อ
หากไม่ใช่เพราะเจียงหว่านอยากอยู่ที่ตระกูลเจียง เพียงมู่เซิ่งโทรครั้งเดียว ก็ทำลายตระกูลเจียงลงแล้ว!
“ที่จริงฉันแคร์ไม่ใช่ตระกูลเจียง” เจียงหว่านกัดปาก พูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจออกมา “ถึงแม้ฉันจะโตที่ตระกูลเจียง แต่เพราะฉันเป็นผู้หญิง ตระกูลเจียงไม่ค่อยเห็นความสำคัญของฉัน เจียงมู่หลงครอบครัวเดียวกันยังต่อต้านเธอไปทุกที่ ฉันดูแลบริษัท เพียงอยากให้พวกคุณปู่ได้รู้ พวกเราผู้หญิงไม่ได้แย่ไปกว่าผู้ชาย!”
“สู้จนสุดลมหายใจ ดังนั้นมู่เซิ่ง ตอนนี้ฉันยังอยากอยู่ที่ตระกูลเจียง ฉันต้องการพิสูจน์ แม้จะเป็นผู้หญิง แต่ก็สามารถเผชิญหน้าได้เช่นกัน จนกว่ามีสิทธิ์เป็นผู้นำของตระกูล!”
มองดูสายตาแน่วแน่ของเจียงหว่าน ใจของมู่เซิ่งเต้น “ฉันรู้แล้ว เธอวางใจเถอะ ฉันจะช่วยเธอจนสำเร็จ”
………………………
รอจนถึงบ้าน มู่เซิ่งอยู่ในห้องของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ในลิ้นชักออกมา
“ผมเอง” มู่เซิ่งพูดกับโทรศัพท์
ฝั่งนั้นเงียบลงพักหนึ่ง เหมือนยังไม่ได้สติกลับมา ไม่นานถึงก็มีเสียงกลั้นไอไว้ไม่อยู่ดังขึ้น “มู่เซิ่ง เป็นลูกหรอ? ในที่สุดลูกก็โทรหาพ่อสักที”
ได้ยินสรรพนามที่ไม่ได้ยินมาหลายปี มู่เซิ่งยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง ถามออกไป “พ่อ สุขภาพพ่อยังดีอยู่ไหม?”
“ที่ตระกูลหาหมอลึกลับในโลกมารักษาให้ ตอนนี้พ่อดีขึ้นมากแล้ว” น้ำเสียงของอีกฝั่งดูแก่ แม้จะอ่อนล้า แต่มู่เซิ่งฟังออก แน่นอนไม่ได้รุนแรง “ลูกมู่ ลูกโทรมามีเรื่องอะไรไหม?”
“ผมอยากให้พ่อช่วยบางอย่าง” มู่เซิ่งนิ่งไป และพูดต่อ “ผมอยากมีบริษัทหนึ่งในเมืองเจียงหนาน บริษัทไม่ต้องใหญ่มาก แล้วแต่พวกคุณคิด เปิดบริษัทที่คล้ายคลึงกับของบริษัทมู่หรานในเจียงหนานได้ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา เดี๋ยวพ่อจะจัดการทันที” โทรศัพท์อีกฝ่ายตอบรับทันที
วางสายลง มู่เซิ่งถอนหายใจ นอนเอนอยู่บนเตียง โทรหาพ่อในครั้งนี้สำหรับเขามีความรู้สึกหลายแบบ ความรู้สึกนี่ทำให้มู่เซิ่งทิ้งบ่วงในอดีตที่ผ่านมากับพ่อ ลูกอยากเลี้ยงดูพ่อแม่แต่กลับสายไป เขาสูญเสียแม่ของเขาไป ตอนนี้เขาไม่มีทางสูญเสียพ่อเขาไปอีกคน
ไม่นาน ข่าวเศรษฐกิจของเมืองเจียงหนานก็รายงานข่าวใหม่ เศรษฐีอันดับต้นของเมืองเยียนจิง มู่ซื่อ กรุ๊ป เตรียมพร้อมเปิดบริษัทสาขาสองในเมืองเจียงหนาน และใช้ชื่อมู่ เรื่องนี้ทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นสะเทือน
เพราะว่า ถึงแม้บริษัทมู่หรานจะแกร่งเพียงใด ก็เป็นเพียงการมีอยู่ภายใต้มู่ซื่อ กรุ๊ป ชื่อของบริษัทมีเพียงคำว่ามู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นของตระกูลมู่ ไม่แม้แต่ให้ความสำคัญกับบริษัทมู่หราน
แถมหลังจากที่มู่ซื่อ กรุ๊ปเปิดบริษัทสาขาใหม่ ก็เริ่มจัดทำเรื่องยิ่งใหญ่ในตอนนั้นทันที ใช้เงินจำนวนมาก ทำให้คนตาโตอ้าปากค้าง
เมืองเจียงหนานมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งใกล้กับอ่าวแยงซี หลายบริษัทต่างจับตามอง แต่กลับไม่มีเงินมากพอที่จะได้มันไป มีเพียงวิธีเดียว คือให้ทุกบริษัทร่วมมือกัน จากนั้นค่อยแบ่งพื้นที่
แต่หลังจากที่มู่ซื่อ กรุ๊ปเข้ามาแล้ว ก็เสนอเงินห้าพันล้านหยวนเพื่อให้ได้พื้นที่ขนาดใหญ่นี้มา ลำพังแค่เรื่องนี้ ก็ทำให้บริษัททั้งหลายล้มทั้งยืนกันแล้ว
หลังจากได้ที่ดินแห่งนี้แล้ว มู่ซื่อ กรุ๊ปก็ยังลงมืออีกครั้ง เตรียมพร้อมที่จะสร้างเมืองในอ่าว ต้องการใช้พื้นที่บริเวณอ่าวสร้างวิลล่าแห่งแรงที่แม่น้ำแห่งนี้ เงินลงทุนเกินแสนล้าน!
เงินจำนวนนี้ทำให้สั่นสะท้านทั่วเมืองเจียงหนาน ทำให้ธุรกิจทั้งหมดสั่นสะเทือน ในเมืองเจียงหนานต่างประโคมข่าวเรื่องนี้อย่างบ้าคลั่ง เพียงพริบตาเปลี่ยนโลก คนทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้หลังมื้ออาหารกัน
แถมในวันนั้นเอง เจียงหว่านก็ได้โทรศัพท์จากบริษัทอีกสาขาของมู่ซื่อ กรุ๊ปแสดงความต้องการเชิญเจียงหว่านไปเจรจาเรื่องสัญญา ยอมที่จะร่วมหุ้นกับเขา
เจียงหว่านตกตะลึงไปทันที
“แม่ ข่าวใหม่วันนี้แม่ดูหรือยัง? มู่ซื่อ กรุ๊ปมาลงทุนที่เมืองเจียงหนาน วางแผนสร้างเมืองใหม่อย่างยิ่งใหญ่!”
มื้ออาหารเย็น เจียงหว่านพูดอย่างร่าเริง “แถมแม่รู้หรือเปล่า? มู่ซื่อ กรุ๊ปยังโทรมาหาฉัน เชิญฉันไปเจรจาสัญญาด้วย!”
“เรื่องจริงหรือโกหก? โครงการนี้ ทำให้ครอบครัวของเราเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะ? เกรงว่ากำไรทั้งปีของตระกูลเจียง ยังไม่เยอะเท่าสัญญานี้!” ใบหน้าของจ้าวหลินมีรอยยิ้ม ดีใจจนยิ้มไม่หุบ “หากคุณปู่รู้เข้าคงให้ลูกกลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไปทันทีแน่?”
เพื่อไม่ให้จ้าวหลินโมโห เจียงหว่านถึงยังไม่ได้พูดเรื่องที่ตระกูลเจียงเตรียมจะทิ้งการสนับสนุนเธอให้แม่ฟัง คิดไม่ถึงในตอนนี้ก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น สามารถจัดการสิ่งที่เธอกังวล
“เพียงแต่ไม่รู้ว่าสัญญานี้ เจรจาออกมาแล้วจะได้เท่าไร”
ใบหน้าจ้าวหลินจินตนาการ
“แม่ แม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม นี้เป็นผลงานของมู่เซิ่ง!” เจียงหว่านวิ่งไปกอดแขนของมู่เซิ่ง
“เขา?”
รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“แม่ เป็นเขาจริงๆ” เจียงหว่านพูดต่อไป และยังพูดเรื่องที่ถูกแย่งสัญญาและเรื่องที่มู่เซิ่งรู้จักกับบริษัทมู่หรานที่สูงส่งให้จ้าวหลินฟัง
“นั่นก็ต้องเป็นผลงานของผู้จัดการเฝิง เกี่ยวอะไรกับไอ้ขยะนี้” จ้าวหลินส่ายหน้า ไม่ยอมรับ “ตามที่ลูกพูดมา เขาก็ชื่อมู่นะหรือว่าบริษัทสาขานี้จะเปิดมาเพื่อมู่เซิ่งคนเดียว?”
“แม่ พูดไปไหนแล้วเนี่ย”
เจียงหว่านหมดคำจะพูด
เธอบอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอเพียงหวังว่าแม่จะดีกับมู่เซิ่งขึ้นมา คิดไม่ถึงเพียงไม่นานจ้าวหลินก็จะเลอะเทอะ พูดถึงเรื่องเหล่านี้ที่ไม่เป็นความจริงออกมา
“ฉันบอกแล้วเขาต้องไม่ใช่” จ้าวหลินมองเหยียดไปที่มู่เซิ่ง เห็นเพียงเขานั่งกินข้าวตั้งแต่ต้นจนจบ ภาพแบบนี้จะคล้ายกับผู้ชายที่ดูยิ่งใหญ่ได้ไงกัน หัวเราะเย็นชาและไม่พูดอะไรอีก
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เจียงหว่านตั้งใจปลอกแอปเปิลให้มู่เซิ่งกิน หลังจากที่มู่เซิ่งกุมมือเจียงหว่านออกจากตระกูลเจียง ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตระกูลเจียงในตอนนี้ ก็ต้องประชุมเรื่องที่รีบร้อนเรื่องหนึ่ง
ภายในห้องประชุม ญาติทุกคนของตระกูลเจียงต่างอยู่ ใบหน้าของทุกคนดูเคร่งเครียด ท่านสามที่กำลังนอนอยู่บนเตียงแสดงสีหน้าเศร้าจนสามารถเห็นน้ำตาไหลออกมา
“เจียงมู่หลงกลับมาหรือยัง?” ท่านสามน้ำเสียงเย็นชา
เพิ่งพูดไป เจียงมู่หลงก็เดินจากข้างนอกเข้ามาในห้องผู้ป่วย ก้มหัวใบหน้ายากจะมอง ญาติทั้งสองข้างไม่กล้าหายใจแรง โดยเฉพาะพ่อแม่ของเจียงมู่หลงเฉินเสว่และเจียงไห่เชา แม้แต่ถอนหายใจดังยังไม่กล้า
“เจียงมู่หลง รู้เรื่องชัดเจนหรือยัง?” ท่านสามพูด
“ฉันถามเพื่อนที่อยู่ในบริษัทมู่หราน เขาบอก เขาบอก……”
ท่านสามมือทุบลงบนโต๊ะครั้งหนึ่ง พูดเสียงดัง “เขาพูดอะไร?”
เจียงมู่หลงถูกเสียงทุบทำให้ตัวสั่น รีบพูดเรื่องที่รู้มา เหมือนอ้วกเอาถั่วออกมาแบบนั้น:
“เขาบอก ตอนนี้มู่ซื่อ กรุ๊ปได้เปิดสาขาใหม่ที่เจียงหนานแล้ว ผู้รับผิดชอบคือประธานสวีของบริษัทมู่หราน เรื่องที่มู่ซื่อ กรุ๊ปร่วมมือกับเจียงหว่านเป็นเรื่องจริง แถมยังพูดกันว่า โครงการไม่ได้เล็ก บางที บางที……”
“บางทีอะไร มู่หลงนายก็พูดสิ” เฉินเสว่ฟังอย่างร้อนรน
“บางทีโครงการนี้อาจมีมูลค่าเกินหนึ่งร้อยล้าน”
คำพูดหลุดออกไปกลุ่มคนต่างนิ่งตกตะลึง
หนึ่งร้อยล้าน!
ขายตระกูลเจียงทั้งหมดไป จะได้ถึงหนึ่งร้อยล้านหรือเปล่ายากที่จะพูด มูลค่าของความร่วมมือระหว่างเจียงหว่านกับมู่ซื่อ กรุ๊ป กลับมากกว่าหนึ่งร้อยล้าน?
“เจียงหว่านคนนี้ยังบอกไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทมู่หรานผู้สูงส่งอีก ฉันเกรงว่าคงนอนด้วยกันไปตั้งแต่แรกแล้ว คนชั้นต่ำ!” เจียงมู่หลงโกรธจนกัดฟัน
โครงการนี้ มีบริษัทไม่น้อยที่อยากร่วมมือกับตระกูลมู่ เพราะว่าโครงการมูลค่าเกินร้อยล้าน ถึงแม้จะต้องเสียไปบ้างเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ครอบครัวธรรมดาทำเงินได้เยอะ แถมครั้งนี้ตระกูลมู่เป็นคนบอกว่าต้องการร่วมมือกับเจียงหว่าน!
“หากว่าตระกูลเจียงยังอยู่ในบริษัทเรา โครงการนี้ก็คงต้องเป็นพวกเราตระกูลเจียงทำไปด้วยกัน!”
“เจียงมู่หลง เจียงหว่านออกไปเพราะนาย ครั้งนี้นายต้องหาวิธีเท่าที่จะทำได้ ให้เจียงหว่านกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง” ท่านสามโกรธจนไอออกมา ดวงตาสองคู่แดงก่ำ “ไม่อย่างนั้น พวกนายทั้งครอบครัวก็ออกไปจากตระกูลเจียงของพวกเรา!”
เจียงมู่หลง เจียงไห่เชา แม้แต่เฉินเสว่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าซีดลงอย่างมาก ยังไงพวกเขาก็คิดไม่ถึง ท่านสามถึงกลับตัดสินใจออกมาแบบนี้
แถมคำพูดของท่านสามที่ออกมาต้องทำตาม ให้พวกเขาออกไป พวกเขาไม่มีทางขัดขืนได้
“ตอนนี้ ไสหัวออกไปซะ!”