มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 38 ตำหนิ
“คุณพ่อ เรื่องพรรค์นี้ คุณพ่อจะฟังความข้างเดียวได้ไงครับ?” ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะรู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายของตนเองเป็นคนลงมือทำ แต่เจียงไห่เชาก็ยังแสดงท่าทางปฏิเสธคัดค้าน และคอยพูดอยู่ทางด้านข้าง
“ใช่ คุณพ่อ คุณพ่ออย่าใส่ร้ายป้ายสีให้คนดีๆสิ เรื่องนี้ต้องเป็นนังแพศยาเจียงหว่านเป็นคนลงมือทำแน่” เฉินเสว่กล่าว
“ใช่ครับคุณปู่ เจียงมู่หลงอย่างผมไม่มีวันทำเรื่องพรรค์นั้นแน่นอน ถ้าผมเป็นคนประเภทนั้น ผมจะนักคุกเข่าเพื่อเป็นการขอโทษเจียงหว่าน!” จู่ๆ เจียงมู่หลงก็ตะเบ็งคอด้วยความโกรธเคืองต่อหน้าท่านสาม ดวงตาแดงก่ำ ตะคอกเสียงดังลั่น
เมื่อเห็นภาพเช่นนั้น ท่านสามจึงเกิดความลังเลขึ้นมาทันที
เขารู้สึกว่าเจียงหว่านเป็นคนซื่อสัตย์ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา แต่วันนี้มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ มีความเป็นไปได้มากที่เจียงหว่านจะทำตามในสิ่งที่เจียงมู่หลงพูดถึง การเรื่องใส่ร้ายป้ายสี
“คุณพ่อ มีความเป็นไปได้มากที่เจียงหว่านเป็นคนทำ”
จู่ๆ เจียงเถ้อฉินเอ่ยปากพูด
เขามีศักดิ์เป็นน้าเขยของเขา ยืนอยู่ทางฝั่งเจียงมู่หลงของตระกูลเจียงมาโดยตลอด
“ในเมื่อเรื่องที่ลักลอบสอดไส้วัสดุก็ทำมาหมดแล้ว ตอนนี้การโยนขี้ให้กับเจียงมู่หลง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติใช่มั้ยล่ะ?”
“ไม่ผิด เพื่อหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ มีเรื่องไหนบ้างที่จะทำไม่ได้ล่ะ?” หานเสี่ยภรรยาของเจียงเถ้อฉินเป็นคนพูด
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจียงหว่านจะเป็นคนประเภทนี้”
บรรดาญาติพี่น้องต่างซุบซิบนินทากันอย่างเซ็งแซ่ พลังใช้สายตาเชือดเฉือนมองมาที่ตัวเจียงหว่านกันอย่างพร้อมเพรียง
เจียงมู่หลงได้ยินเสียงทุกคนต่างเข้าข้างเขา มุมปากของเขาแสยะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว พลางจ้องมองมาทางเจียงหว่านอย่างน่ากลัว พร้อมทั้งแอบคิดในใจ หึๆ ถึงแม้แกให้เฮยเจียวช่วยแล้วไง? แกคิดว่าบีบเคล้นลูกน้องฉันไม่กี่คน ก็สามารถทำให้คุณปู่รับรู้ในสิ่งที่ฉันทำได้แล้วเหรอ? สถานการณ์นี้ เกรงว่าให้แกกระโดดลงไปล้างเนื้อล้างตัวในแม่น้ำหวงเหอก็ล้างมลทินไม่ออกหรอก! เจียงหว่าน แกสู้ฉันไม่ชนะหรอก!
ส่วนเรื่องที่เฮยเจียวคอยยืนขนาบข้างมู่เซิ่ง เจียงมู่หลงเขาแทบไม่สนใจเลย ลูกน้องหนึ่งในกุนซือหลักของท่านหลงผู้ทรงอิทธิพล ไอ้กระจอกคนนี้มันไปเชิญมาได้ยังไง?”
“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ยอมรับ”
มุมปากมู่เซิ่งฉีกยิ้ม ราวกับคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่แรกว่า ที่เจียงมู่หลงจะเกิดข้ออ้างแบบนี้ขึ้น
“ไอ้กระจอก ใครให้มึงพูดแทรก?” เจียงมู่หลงย่นคิ้ว “นี่มันเรื่องของตระกูลเจียง มึงเกี่ยวข้องหาพระแสงอะไรด้วย? รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
เมื่อมู่เซิ่งเผชิญหน้ากับการยั่วยุ เขาได้แต่ยิ้มอย่างเรียบเฉย “เกรงว่าอีกสักพัก คุณคงต้องนั่งคุกเข่าขอโทษภรรยาผมแล้วสิ”
เมื่อสิ้นเสียง เฮยเจียวที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง ก็ดึงผ้าคลุมศีรษะของบุคคลที่นั่งอยู่กับพื้นนั้นออกมา
ตอนที่เจียงมู่หลงมองเห็นคนนั้น สีหน้าเปลี่ยนจนดูย่ำแย่มากลงถนัดตา หวางกุ้ย! เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เมื่อวานโทรศัพท์หาก็ไม่ติด ปรากฏว่าโดนเฮยเจียวจับตัวมางั้นเหรอ!
เจียงมู่หลงตกใจมาก และยังแสดงความรู้สึกอยู่ไม่สุขอย่างท่วมท้นออกมาพร้อมกัน
“ทำอะไรไว้บ้าง พูดเอาเองเลย” เฮยเจียวใช้เท้าข้างหนึ่งเตะลงบนแผ่นหลังหวางกุ้ย และพูดออกมา
“ผมพูดแล้ว ผมจะพูดตอนนี้เลย”
หวางกุ้ยยอมศิโรราบกับกลยุทธ์ของมู่เซิ่งตั้งแต่แรกแล้ว จึงรีบพูดสวนทันควัน “ท่านสาม เรื่องเหล่านี้เจียงมู่หลงให้ผมเป็นคนทำทั้งหมด เขาให้ผมยัดวัสดุไร้คุณภาพผสมอยู่ในวัสดุของเจียงหว่าน ก็เพื่อจะทำให้เจียงหว่านอับอายขายขี้หน้าจนชื่อเสียงป่นปี้!”
“ไอ้เชี่ยมึงโกหก!” เจียงมู่หลงกระวนกระวายใจ พลันชี้มาทางหวางกุ้ย “คุณปู่ มันก็เหมือนกับพวกนั้น เป็นคนที่เจียงหว่านหามาเพื่อต้องการใส่ร้ายป้ายสีผม!”
“ใส่ร้ายป้ายสีมึงเหรอวะ? มึงคู่ควรมั้ย?”
หวางกุ้ยดูหมิ่น พลางทำหน้าดำหน้าแดงใส่
ถ้าไม่ใช่ไอ้คนเลวทรามคนนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอกใช่มั้ย? ขนาดพี่ชายของเขาก็ไม่รอดได้เลย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลานี้ ล้วนเป็นความผิดของเจียงมู่หลงทั้งสิ้น!
เขาอดใจไม่ไหวจนอยากกัดกระดูกเจียงมู่หลงให้ขาดคาปาก
“เจียงหว่าน แกไปหาพวกเขามาใส่ร้ายป้ายสีฉันใช่มั้ย? ฉันจะบอกแกให้นะ คนเหล่านี้ฉันไม่รู้จัก แล้วฉันจะไปสมรู้ร่วมคิดกับพวกมันได้ยังไง?” เจียงมู่หลงเบนหน้า และจ้องหน้าเจียงหว่านพร้อมทั้งพูดอย่างโหดเหี้ยม “นังน้องสาวตัวดี แกนี่มันต่ำช้าจริงๆ!”
“ไม่รู้จักเหรอ? เจียงมู่หลง ไอ้ระยำอย่างมึงนี่แถข้างๆ คูๆ เลยเหรอวะ? บันทึกการโทรเข้าออกจากโทรศัพท์ มันยังบันทึกเบอร์ของมึงโทรเข้ามาตั้งสิบกว่าสายนะเว้ย!” หวางกุ้ยกัดฟันพูด
เมื่อสิ้นเสียง เจียงมู่หลงรู้สึกตื่นตระหนกที่สุด
จู่ๆ หวางกุ้ยก้มหน้าลง และพูดแกมวิงวอนกับเฮยเจียว “เฮียเฮยเจียว รบกวนเฮียช่วยหยิบโทรศัพท์ให้ผมที มันอยู่ที่กระเป๋ากางเกงทางด้านซ้ายของผม”
เขาไม่พูดไม่จา พลางเหล่ตามองมู่เซิ่ง หลังจากได้รับการอนุญาตจากอีกฝ่ายแล้ว จึงปลดล็อกโทรศัพท์ของหวางกุ้ย และเปิดไปยังบันทึกการโทรเข้าออกด้วยหน้าตาไร้ความรู้สึก
บันทึกการโทรเข้าออกสิบกว่าสายของเมื่อคืนนี้ ซึ่งโทรมาจากโทรศัพท์ของเจียงมู่หลง จนเห็นเต็มสองตา
“เจียงมู่หลง มึงมีอะไรจะแก้ต่างมั้ย?” หวางกุ้ยพูดด้วยรอยยิ้มน่าหวาดกลัว
“เอ่อ ผมไม่รู้ โทรศัพท์ผมคงโดนขโมยไปแล้วแน่ คนอื่นคงโทรไป คุณปู่ ผมไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ นะครับ?” เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น เจียงมู่หลงเดินมาขนาบข้างกายท่านสาม พลางแสดงลักษณะท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจอย่างสุดกลั้น
ท่านสามหน้าดำหน้าแดงจนเริ่มหน้าตาเขียวปั๊ด เขาไม่ได้โง่ดักดาน ภาพที่อยู่ทางด้านหน้านี้ มองออกตั้งแต่แรกแล้ว เจียงมู่หลงนี่แหละที่เป็นอาชญากรตัวร้ายตัวจริง เขาใส่ร้ายป้ายสีเจียงหว่าน และเป็นคนเล่นตุกติกกับวัสดุนี่แหละ
เดิมหลังจากที่ยกตำแหน่งรองผู้รับผิดชอบให้กับเจียงมู่หลงไปเรียบร้อยแล้ว เขาสามารถปฏิบัติงานได้อย่างดี คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้! พร้อมทั้งลงมือตีกันเอง ซึ่งเป็นข้อห้ามอันใหญ่หลวงภายในตระกูลอีกด้วย!
“เจียงมู่หลงยังต้องการให้ผมข่มขืนเจียงหว่าน จากนั้นก็เปิดโปงเรื่องนี้ จนทำให้เธอไม่มีที่ยืนในสังคม และทั่วทั้งเมืองเจียงหนาน!” หวางกุ้ยพูดไปเรื่อย
วินาทีนี้ สีหน้าเจียงมู่หลงซีดเซียว
เขาจัดการทุกอย่างไว้แล้ว ซึ่งคิดว่าตนเองได้วางแผนไว้อย่างแนบเนียน แต่กลับคาดไม่ถึงจริงๆ หวางกุ้ยจะแว้งกัดเขาในขณะนี้ ทำไมหวางกุ้ยถึงกล้า กล้าบ้าบิ่นมาทำแบบนี้กับเขานะ?
“หวางกุ้ย กู้จะฆ่ามึง!”
เจียงมู่หลงตะเบ็งคอเสียงดังลั่น พลางกระโจนพุ่งเข้าหาหวางกุ้ยอย่างรุนแรง
แต่หมัดของเขายังพุ่งไม่ถึงตัวหวางกุ้ย ก็ถูกเฮยเจียวใช้เท้าข้างหนึ่งเตะ จนล้มกลิ้งอยู่กับพื้น จนทำตัวไม่ถูก
“มึงดูแลตัวมึงเองให้ดีก่อนมั้ยวะ”
เฮยเจียวสบถด่าใส่ทางพื้นประโยคหนึ่ง พลางพูดกล่าวกับท่านสาม “ท่านสามครับ ผมแค่มองเห็นหนอนบ่อนไส้ เลยรู้สึกไม่สบายใจ เวลานี้ผมเจอหนอนบ่อนไส้แล้ว เรื่องราวที่เหลือต่อจากนี้ พวกคุณจัดการกันเอาเองนะครับ”
เฮยเจียวพูดจบ พลันหามหวางกุ้ยขึ้น พร้อมทั้งเดินจ้ำอ้าวเข้าลิฟต์ทันที
ภายในห้องเงียบสงัด บรรดาญาติพี่น้องหลายคนต่างจ้องมองมาที่พื้น รวมถึงเจียงมู่หลง ค่อยๆ ปลีกตัวเพื่อรักษาระยะห่างอย่างเงียบเชียบ
เจียงมู่หลงทำเรื่องพรรค์นี้ ย่อมถูกลงโทษหนักอย่างแน่นอน เวลานี้ถ้าพวกเขายังจะช่วยพูดให้เขารอด ซึ่งมันดูไม่แตกต่างกับการที่ตนเองรนหาที่ตายเลยสักนิด
“มู่หลง แกทำเกินกว่าเหตุไปจริงๆ ทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”
เจียงเถ้อฉินที่เพิ่งช่วยพูดให้เขาต่อหน้าสาธารณชนเมื่อครู่ ตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงทันที
“ถึงแม้ว่าแกจะรังเกียจเจียงหว่านขนาดไหน เธอก็มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของแก ทำไมแกถึงกล้าลงมือกับเธอได้ลงคอ?”
“ใช่ เสียแรงที่ฉันเชื่อมั่นในตัวแกขนาดนี้!”
“ตอนนี้แกทำให้ผลประโยชน์ของตระกูลเจียงเสียหาย จนฉันทนดูต่อไปไม่ไหว และไม่สามารถออกหน้าขอร้องแทนแกได้อีกแล้ว!”
เฉินเสว่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง หน้าซีดเผือด แม้ว่าเธอไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบหลักในเรื่องนี้ แต่เจียงมู่หลงเป็นลูกชายของเขา ถ้าถูกท่านสามตำหนิติเตียน เกรงว่าวันเวลาในภายภาคหน้า เธอต้องปากกัดตีนถีบแน่ๆ
“คุณพ่อ เจียงมู่หลงไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้คุณพ่อให้อภัยเขาสักครั้งเถอะค่ะ”
เฉินเสว่ยืนวิงวอนอยู่ทางด้านข้างของท่านสาม
ท่านสามชำเลืองมองเจียงมู่หลงที่นั่งคุกเข่าอยู่ทางข้างเท้าของเขา สีหน้าเย็นเฉียบ “มู่หลง แกทำให้ฉันผิดหวังมาก!”
“คุณปู่ครับ ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ตัวแล้วว่าผมผิดไปแล้วจริงๆ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกแน่นอนครับ” เจียงมู่หลงนั่งโขกหัวดังโป๊กเป๊ก
บรรดาญาติพี่น้องคนอื่นๆ แสดงลักษณะท่าทางร่นถอยหนีให้ห่าง เกรงว่าถ้าขืนเอ่ยปากขอร้องในตอนนี้ จะพลอยพัวพันไปด้วย
“เจียงหว่าน มันใส่ร้ายเธอ จะจัดการเขายังไงดี เธอพูดมาสิ!” ท่านสามเหล่ตามองเจียงหว่านและพูดกล่าวออกมา
เจียงหว่านฉลาดเป็นกรด ถ้าคุณปู่ยืนกรานให้ลงโทษเจียงมู่หลง แล้วทำไมถึงได้สอบถามความคิดเห็นของเธอล่ะ? ที่ต้องการให้เธอเอ่ยปากพูด ก็เพื่อหาข้ออ้างให้หลุดรอดจากสถานการณ์อย่างเห็นได้ชัด
อีกอย่าง ถ้าเธอเรียกร้องความต้องการบางอย่างที่มันเกิดเหตุไปบ้าง เกรงว่าคงโดนคุณปู่แค้นฝังหุ้นแน่
เจียงหว่านรู้สึกหมดหนทาง แต่ได้แอบถอนหายใจ พลันพูดออกมา “คุณปู่ คุณปู่เป็นประมุขของตระกูลเจียง เรื่องนี้ ให้คุณปู่จัดการดีกว่าค่ะ”
“อืม”
ท่านสามพยักหน้าไปตามน้ำ พร้อมทั้งพูดกล่าวกับเจียงมู่หลงอย่างเข้มงวด “มู่หลง สิ่งที่แกทำ ปู่จะยกเลิกตำแหน่งรองผู้ช่วยของแกจากโปรเจคเจียงหว่านนี้ออก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปู่จะให้แกอยู่แต่ในบ้าน เพื่อให้แกสำนึกผิดหนึ่งอาทิตย์!”
“คุณปู่ ผมทำผิดไปแล้ว ผมจะสำนึกผิดได้แน่ๆ ครับ”
เจียงมู่หลงพยักหน้าหงึกหงัก มุมปากเขา กลับปรากฏรอยยิ้มอันเลวทรามขึ้นมาแวบหนึ่ง
เขาสร้างปัญหาหนักหนาเอาการขนาดนี้ ปรากฏว่าคุณปู่แค่ให้เขาพักเจ็ดวันเท่านั้น ดูเหมือนว่าคุณปู่ ให้ความสำคัญกับตนเองมากจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้โปรเจคของเจียงหว่าน มันวุ่นวายตั้งแต่แรกแล้ว เขารู้อยู่เต็มอก ว่าพวกวัสดุเหล่านั้น ถูกสับเปลี่ยนวัสดุไปหมดแล้ว การปลดจากตำแหน่งรองผู้ช่วยในการรับผิดชอบของโปรเจคนี้ ซึ่งเป็นการช่วยเขาให้หลุดรอด
“ขอบพระคุณครับคุณปู่” เจียงมู่หลงพูดขอบคุณทันที จนเกือบหลุดหัวเราะเสียงดังออกมาอยู่แล้ว