มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 57 การต่อสู้ที่ตื่นเต้นที่สุด
เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว
เขาได้ยินผิดหรือเปล่า?
“อาจารย์ ศิษย์พี่เสี้ยง แพ้แล้วจริง ๆ”
ลูกศิษย์กล่าวเสริมหนึ่งประโยค
โอวหยางฟู่เช่อมองขึ้นไปบนเวทีประลองด้วยสีหน้าหมองหม่น เสี้ยงอานวี่คุกเข่าอยู่บนพื้น เอามือกุมท้องตนเอง ด้วยสีหน้าที่แย่มาก
แพ้แล้ว?
โอวหยางฟู่เช่อรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกทุบ และหายใจติดขัด นึกไม่ถึงว่าเขาจะแพ้จริง ๆ?
เพิ่งขึ้นไปเวทีประลองได้ไม่นาน?
ถ้าบอกว่ามู่เซิ่งเป็นฝ่ายแพ้ เขาสามารถยอมรับได้ เพราะเสี้ยงอานวี่เป็นศิษย์ที่เขาบ่มเพาะความสามารถด้วยความตั้งใจ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามกับที่เขาคาดไว้ เขาเพิ่งขึ้นไปบนเวทีประลองได้ไม่นาน ก็แพ้แล้ว?
“อาจารย์ ขอโทษด้วย ที่ผมทำให้ท่านผิดหวัง”
เสี้ยงอานวี่เดินลงมาจากเวทีประลอง และกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด “เป็นเพราะผมประมาทเกินไป และประเมินศัตรูต่ำเกินไป”
เขานึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่ไร้ชื่อเสียง จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตั้งแต่วินาทีที่ขึ้นไปบนเวทีประลอง เขาก็รู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา อีกฝ่ายปล่อยหมัดออกมาหมัดแล้วหมัดเล่า ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาทำได้เพียงถูกต่อยเท่านั้น
แต่เสี้ยงอานวี่ไม่ยอมรับว่าตนเองสู้มู่เซิ่งไม่ได้ เพราะถ้าเขายอมรับ เท่ากับยอมรับว่าอาจารย์ของตนเองสอนเก่งสู้ซ่งเหยียนหมิงไม่ได้?
“อาจารย์บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป แต่คุณกลับทำเป็นหูทวนลมใช่ไหม?” โอวหยางฟู่เช่อกล่าวด้วยความเย็นชา
“อาจารย์ โปรดลงโทษด้วยเถอะ” เสี้ยงอานวี่คุกเข่าทันที
“โอวหยางฟู่เช่อ ตอนนี้คุณสามารถขึ้นมาบนเวทีได้หรือยัง?” จู่ ๆ มู่เซิ่งที่ยืนอยู่บนเวที ก็กล่าวออกมา
หลังจากได้ยินประโยคนี้ เกิดความโกลาหลไปทั่ว
แม้แต่ซ่งเหยียนหมิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่ามู่เซิ่งชนะเสี้ยงอานวี่แล้ว เขาจะรู้จักขอบเขตและให้เรื่องนี้จบลง แต่นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ เขาคิดจะท้าทายโอวหยางฟู่เช่อ?
หรือเขามีความมั่นใจที่จะเอาชนะโอวหยางฟู่เช่อได้?
“เด็กหนุ่มคนนี้ จองหองมากเกินไปแล้ว?”
“คิดว่าตนเองเอาชนะเสี้ยงอานวี่ได้ ก็สามารถท้าทายผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อได้เหรอ? เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อได้อย่างไร? ผมคิดว่าการต่อสู้รอบต่อไป จุดจบต้องอนาถอย่างแน่นอน”
“ถูกต้อง นี่มันเป็นการรนหาความตาย”
ลูกศิษย์ของโรงบู๊ต่างมองมู่เซิ่งด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ สำหรับพวกเขาแล้ว เจ้าหมอนี้บังเอิญโชคดีเลยชนะเสี้ยงอานวี่ เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อ
สีหน้าของซูขุยเสี่ยขาวซีดเช่นกัน เขารู้ว่ามู่เซิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโอวหยางฟู่เช่อ ดังนั้นเขาจึงกระซิบอยู่ด้านข้างว่า “มู่เซิ่ง รีบลงมาเร็ว!”
มู่เซิ่งมองโอวหยางฟู่เช่อด้วยสายตาบีบบังคับ และไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
เขาต่อสู้อยู่ในสนามรบมาหลายปี
เขาเคยบีบคอศัตรูตายไปมากมาย อยู่กับอาวุธและเลือดมาโดยตลอด
ตอนนี้เขาหยุดสามปีแล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็อยากจะสัมผัสกับความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สู้ตายอีกครั้ง
ใต้เวที มีเพียงกู่ชิงเสวียนเท่านั้นที่มองมู่เซิ่งด้วยความชื่นชม นี่ถึงจะเป็นมู่เซิ่งที่เธอชอบ! ถ้าไม่มีความกล้าหาญ แล้วจะเย้ยฟ้าท้าดินได้อย่างไร? ลูกผู้ชาย ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ!
“ผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อ คุณกลัวเหรอ?” กู่ชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำพูดประโยคนี้ของเธอ เหมือนเติมเชื้อเพลิงบนกองไฟ
สีหน้าของโอวหยางฟู่เช่อกลายเป็นเย็นชา แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลอง
ลูกศิษย์ของเขาเพิ่งเสียหน้า ถ้าเขาถอยอีก วันนี้เขาจะต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน!
“ลูกศิษย์ของผมไม่ทันระวังตัว เลยพ่ายแพ้ให้แก่คุณ คุณก็คิดว่าตนเองเป็นยอดฝีมือจริง ๆ เหรอ? โอเค ถ้าเช่นนั้นผมจะสั่งสอนเด็กหนุ่มที่จองหองอย่างคุณเอง!”
สีหน้าของโอวหยางฟู่เช่อเย็นชามาก เขายื่นมือไปทางมู่เซิ่ง “สิบกระบวนท่า ผมใช้แค่สิบกระบวนท่าเท่านั้น!”
“ถ้าคุณสามารถรับสิบกระบวนท่าได้ ผมก็จะยอมรับความพ่ายแพ้!”
มู่เซิ่งประสานมือทั้งสองเป็นการคำนับ และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
โอวหยางฟู่เช่อกำหมัดทั้งสอง จนเกิดเป็นเสียง วินาทีต่อมา เขาปล่อยหมัดออกไปเร็วเหมือนสายฟ้า ตรงไปที่หน้าของมู่เซิ่ง
ร่างกายของมู่เซิ่งสั่นเล็กน้อย แล้วปล่อยหมัดออกไปด้านข้างเช่นกัน
ปัง!
หมัดทั้งสองปะทะกัน ทำให้เวทีประลองสั่นสะเทือน ผู้ชมที่อยู่ทั่วทิศอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ จนถึงตอนนี้ พวกเขาถึงได้รู้ว่ามู่เซิ่งไม่ได้อ่อนแอ แต่กลับแข็งแกร่งอย่างน่าตกใจ!
กระทั่งกล่าวได้ว่าการประลองคราวนี้ น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็น!
ปัง ๆ ๆ!
วินาทีที่พวกเขาปล่อยหมัดต่อสู้กัน
พลังที่น่าสะพรึงกลัวมาจากกำปั้น มู่เซิ่งเขย่าข้อต่อ แล้วพลังก็หายไป สีหน้าที่เฉยเมยของเขา ไม่แสดงความอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น
สีหน้าของโอวหยางฟู่เช่อไม่สงบอีกต่อไป นอกจากซ่งเหยียนหมิงแล้ว เขายังไม่เคยพบคนที่สามารถต่อสู้กับเขาได้เป็นคนที่สอง เขาฝึกเทคนิคมวยบ้านพลังหมัดนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่แผ่นเหล็กหนาเป็นนิ้วก็สามารถทะลวงได้!
เหล่าลูกศิษย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ใต้เวที พวกเขาสามารถมองออกว่าการต่อสู้คราวนี้ไม่ธรรมดา และฉากการต่อสู้นี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
“เจ้าหมอนี้ ต่อสู้กับโอวหยางฟู่เช่อได้จริง ๆ?”
“เก่งมาก เกรงว่าพลังของพวกเขาสองคนนั้น ไม่ด้อยไปกว่ากัน”
“เขาเป็นใครกันแน่? นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้”
ซูเคอที่อยู่ใต้เวทีรู้สึกชาหนังศีรษะ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ก่อนหน้านั้น ตอนที่มู่เซิ่งโจมตีผม เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด?”
ถ้าตอนนั้นมู่เซิ่งใช้พลังเหมือนตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงสามหมัด เกรงว่าเขาจะไม่สามารถรับได้แม้แต่หมัดเดียว
บนเวที พวกเขาสองคนถอนหมัดพร้อมกัน หลังจากนั้นร่างกายของโอวหยางฟู่เช่อก็สั่นอย่างรุนแรง แล้วเขาก็ปล่อยหมัดจากล่างสู่บน
พลังหมัดที่อันตรายผ่านปลายจมูกของมู่เซิ่ง เกิดเป็นลมแรง จนทำให้เขารู้สึกเจ็บหน้า
หลังจากนั้นเขาตะโกนเสียงดัง แล้วหมัดของพวกเขาสองคนก็ปะทะกันอีกครั้ง
ปัง!
เสียงดังสนั่น ทุกคนเอามือปิดหูตนเองตามสัญชาตญาณ
หลังจากเสียงดังสนั่น
ร่างของพวกเขาสองคนถอยไปข้างหลังอย่างช้า ๆ และหยุดอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของเวทีประลอง
“ครบสิบกระบวนท่าแล้ว คุณยังสามารถยืนได้ เยี่ยม เยี่ยมจริง ๆ!” โอวหยางฟู่เช่อมองมู่เซิ่งด้วยสีหน้าชื่นชม หลังจากหมัดแรกแล้ว เขาก็ใช้พลังทั้งหมด ถ้าเปลี่ยนเป็นนักบู๊คนอื่นที่ฝึกมานานหลายปี ตอนนี้ควรจะคุกเข่าอยู่บนเวทีประลองแล้ว
แต่มู่เซิ่งรับไปสิบหมัด และเขายังคงยืนอย่างสง่าผ่าเผย
“ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อ ก็น่าทึ่งเช่นกัน” มู่เซิ่งกล่าว
โอวหยางฟู่เช่อเหลือบมองซ่งเหยียนหมิงด้วยความเย็นชา และตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซ่งเหยียนหมิง เขาไม่เคยฝึกหมัดสยบหินด้วยซ้ำ เขาไม่ใช่ลูกศิษย์ของคุณใช่ไหม?”
“โอวหยางฟู่เช่อ วันนี้คุณมาหาผม ด้วยจุดประสงค์ที่ไม่ธรรมดา?” ซ่งเหยียนหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นโอวหยางฟู่เช่อยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว เขารู้สึกมีความสุขมาก “คุณวางใจเถอะ หลังจากผมรักษาอาการบาดเจ็บจนหายเป็นปกติแล้ว ผมจะต่อสู้กับคุณอีกครั้ง เพื่อทำให้คุณยอมแพ้ทั้งกายและใจ”
“ฮึ่ม!”
โอวหยางฟู่เช่อพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “คอยดูต่อไปเถอะ!”
หลังจากนั้น โอวหยางฟู่เช่อก็พาเสี้ยงอานวี่และคนอื่น ๆ เดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน
สีหน้าเหล่าลูกศิษย์ของโรงบู๊เต็มไปด้วยความอึ้ง
ก่อนหน้านั้นการที่เขาเอาชนะเสี้ยงอานวี่ได้ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตกใจแล้ว แต่ตอนนี้ โอวหยางฟู่เช่อยอมรับความพ่ายแพ้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันเพียงแค่สิบกระบวนท่า แต่มันก็เหลือเชื่อแล้ว?
“คุณปู่ เขาหล่อมาก” ขณะนี้ กู่ชิงเสวียนกล่าวอยู่ข้างหูกู่มู่สวีน
กู่มู่สวีนพยักหน้า เพราะฝีมือที่มู่เซิ่งแสดงออกมา คู่ควรกับคำว่าโดดเด่นเหนือคน
มู่เซิ่งมองกลุ่มลูกศิษย์ของโรงบู๊ที่เดินเข้ามา เพื่อจะมาสนทนากับเขา ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวว่า “คุณปู่ซ่ง ผมยังมีธุระ ผมขอตัวก่อน”
หลังจากพูดจบ มู่เซิ่งก็รีบทาน้ำมันมวยที่ฝ่าเท้า แล้วเดินออกไปจากโรงบู๊ทันที
กู่ชิงเสวียนเดินตามหลังเขา และวิ่งเหยาะ ๆ จนตามมู่เซิ่งทัน
“คุณตามผมมาทำไม?”
มู่เซิ่งรู้สึกจำใจ เพราะตั้งแต่กู่ชิงเสวียนออกมาจากโรงบู๊ เธอก็เดินตามหลังเขามาตลอด โดยไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่มองเขาด้วยรอยยิ้มเท่านั้น ราวกับว่าขอเพียงแค่เขาไม่เอ่ยปากพูด เธอก็จะตามเขากลับบ้าน
วันนี้ จ้าวหลินไม่ได้ออกไปเล่นไพ่ ถ้าเขากลับถึงบ้าน เมื่อจ้าวหลินเห็นภาพนี้ เกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้น แม้กระทั่งเจียงหว่านก็จะรู้เรื่องนี้
กู่ชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “ฉันอยากจะเดินตามคุณ ไม่ได้เหรอ?”
“ได้! คุณเป็นคุณหนูของตระกูลกู่ คุณอยากทำอะไร ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ขัดขวางคุณ” มู่เซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“จริงสิ มู่เซิ่ง คุณจะหย่ากับเจียงหว่านเมื่อไหร่?” กู่ชิงเสวียนถามอย่างกะทันหัน
“อะไรน่ะ?”
มู่เซิ่งขมวดคิ้ว ทำไมอยู่ดี ๆ ก็พูดถึงเจียงหว่าน?
“ไม่มีอะไร”
กู่ชิงเสวียนส่ายศีรษะ แล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ วันนี้คุณว่างไหม?”