มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง – บทที่ 124 หยิ่งยโสโอหัง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 124 หยิ่งยโสโอหัง

ได้ฟังคำนี้ ผู้คนตระหนักได้ทันที สายตาเฉื่อยชากันหมดแล้ว

ไอ้หมอนี่ กำลังพูดอะไร?

“ฮ่าๆๆๆ”

เซียวผิงก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังลั่น ตำหนิมู่เซิ่งหัวเราะอย่างหนักหน่วงพร้อมพูดว่า : “แกแม่งเข้าใจกฤษณาด้วยเหรอ?มาพูดจามั่วซั่วอยู่ตรงนี้ แกรู้ไหมว่าตระกูลหลิ่วเป็นทำอุตสาหกรรมไม้โดยเฉพาะ สิ่งที่คุณชายหลิวรู้มันมากกว่าเศษสวะอย่างแกเยอะมาก!”

“แกเป็นใคร?”

ได้ยินเสียงใสกังวานของมู่เซิ่ง สีหน้าของหลิ่วผู่คุน ก็มืดมนลงทันที

ไอ้หมอนี่เล่นในอาณาเขตของตัวเอง กินอาหารของเขาอยู่บ้านของเขา สุดท้ายตอนนี้ ในทางกลับกันจะแช่งสิ่งของในบ้านของพวกเขา?รนหาที่ตายเลย!

“คุณชายหลิว อย่าไปสนใจไอ้โง่นี่ เขาชื่อมู่เซิ่ง เป็นลูกเขยเศษสวะของตระกูลเจียง”

มู่เซิ่งกำลังจะเอ่ยปากพูด เซียวผิงก็พูดตอบต่อหน้าของเขา

หลิ่วผู่คุนตกตะลึง ตามมาด้วยใบหน้าที่ดูถูก “ที่แท้เป็นแกนี่เองไอ้เศษศวะ ช่างมันเถอะ เศษสวะอย่างแกเกรงว่าจะไม่เคยเห็นไม้กฤษณาสินะ?คุกเข่าขอโทษตอนนี้ ฉันจะถือว่าเรื่องที่แล้วก็แล้วกันไปได้”

“ได้ยินไหม คุณชายหลิวให้แกคุกเข่าขอโทษ!”

เซียวผิงพูดย้ำอีกครั้ง ทำท่าทางเหมือนกับหมาจิ้งจอกหลอกยืมอิทธิพลเสือ

มู่เซิ่งไม่พูด มองไปที่สองคนนั่นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้ว

ไม้กฤษณาชิ้นนี้เป็นชิ้นที่เขามองออกในงานประมูล วันนี้มาเจอเข้าพอดี เพราะว่าหวงแหนในวัสดุ ถึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดเตือน วันนี้พวกเขาไม่ยอมฟังก็ช่างมันเถอะ

“มู่เซิ่ง คุณพูดจามั่วซั่นอะไรเนี่ย?”โจวเสว่ฉีก็ค่อนข้างลนลาน ส่งสายขยิบตาให้มู่เซิ่งไม่หยุด

ที่นี่คือตระกูลหลิ่วนะ!

เขาพูดแบบนี้ อยากตายเหรอ?

“ฉันไม่ได้พูดผิดสักหน่อย ทำไมจะต้องขอโทษด้วย?”มู่เซิ่งกวาดสายตามองอย่างนิ่งๆ สีหน้าท่าทาง สงบนิ่ง

“ดี ดีมาก!”

สีหน้าท่าทางของหลิ่วผู่คุนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เดินมาตรงหน้าของมู่เซิ่ง พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “มันนานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้ ในเมื่อแกไม่ผิด งั้นก็บอกฉันมา ไม้กฤษณานี้ทำไมวางไว้ตรงนี้แล้วจะพัง?”

“ถ้าหากว่าสิ่งที่แกพูดเป็นความจริง ฉันหลิ่วผู่คุน จะขอโทษแกด้วยตัวเอง!”

“แต่ว่า ถ้าหากแกพูดเหตุผลออกมาไม่ได้ ก็อย่าให้ว่าฉันไม่เกรงใจ!”

สายตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ คำพูดของมู่เซิ่ง ทำให้เขาโมโหจริงๆ

เศษสวะคนหนึ่ง วิจารณ์ไม้กฤษณาอย่างเหลาะแหละ เขาคู่ควรเหรอ?

เซียวผิงยืนดูภาพฉากนี้อยู่ข้างๆ ในใจมีความสุขมาก ไอ้เศษสวะนี้จะซวยอย่างมากแล้ว!

“ง่ายมาก ไม้กฤษณาดูดซับความมืดทึมแปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็น มีประสิทธิภาพในการบรรเทาประสาทหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ เพราะงั้นลักษณะของตัวไม้ค่อนข้างบอบบาง แต่ว่าไม้กฤษณาชิ้นนี้ ปลายทั้งสองข้างถูกแขวนไว้บนกำแพงมาตลอด วันนี้กลับถูกคนใช้โครงไม้ค้ำยันส่วนกลางไว้ ได้รับแรงกดเป็นเวลานานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย มีความเป็นไปได้มากว่าจะทำให้ไม้กฤษณานี้แตกหัก ”มู่เซิ่งเอ่ยปากพูดอย่างนิ่งๆ

หลิ่วผู่คุนตกตะลึง

ไอ้เศษสวะนี้พูดแต่ละหัวข้อล้วนมีเหตุผลฟังดูดี สำหรับการวิเคราะห์ไม้กฤษณา นึกไม่ถึงว่าแม่นยำกว่าบุคคลมีชื่อเสียงวงในบางคนอีก นี่ทำให้เขาเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อมู่เซิ่งบ้างแล้ว

“สิ่งที่แกพูดนั้นเป็นความจริง”หลิ่วผู่คุนพยักหน้า พูดว่า : “แต่ว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างขึ้นมาภายใต้สถานการณ์ที่ไม้กฤษณานี้ถูกคนเอาปลายทั้งสองด้านแขวนไว้เป็นระยะเวลานาน แกรู้ได้ยังไงอีกว่า ไม้กฤษณานี้ถูกแขวนปลายทั้งสองข้างไว้ตลอดล่ะ?”

“นี่ก็ง่ายมากเลยนะ”

มู่เซิ่งยิ้มแล้ว พูดว่า : “เพราะว่าไม้กฤษณานี้ ฉันเป็นคนมองออก และก่อนหน้านี้ ถูกมองเป็นภาพม้วนแขวนบนกำแพงมาตลอด”

ฉึก——

เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ผู้คนตกใจกันเลย

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทั้งนั้น เซียวผิงพูดก่อนคนอื่น มือทั้งสองข้างประคองท้อง หัวเราะฮ่าๆเสียงดังลั่น

“แกเป็นคนมองออก?”

“มองออกกับผีสิ!”

“ไม่ได้ยินที่คุณชายหลิวพูดเหรอ?นี่เป็นสิ่งที่พ่อของเขาใช้จ่ายสิบล้านเพื่อซื้อมา ซื้อมาจากบุคคลใหญ่โตท่านหนึ่ง แกเป็นแค่เศษสวะ ถือว่าเป็นบุคคลใหญ่โตอะไรกันล่ะ”

เซียวผิงหัวเราะตัวโก่ง น้ำตาแทบไหลออกมาแล้ว

เดิมทีเขาเห็นท่าทางที่พูดจาฉะฉานมีหลักมีฐานของมู่เซิ่ง ยังคิดว่าเขาจะมีความสามารถอะไร สุดท้ายพอเอ่ยปากพูด เขาเกือบจะขำจนน้ำลายกระเซ็น นึกไม่ถึงว่าจะพูดว่าเขาเป็นคนมอบไม้กฤษณาให้ตระกูลหลิ่ว เขากำลังล้อกันเล่นเหรอ?

“มู่เซิ่ง นายพูดว่าอะไรนะ?”

แม้แต่เจียงหว่านที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ค่อนข้างตื่นตะลึงแล้ว

เธอคิดว่ามู่เซิ่งมีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง เป็นไปได้ที่จะพูดเหตุผลข้างในนี้ออกมา แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่า ท้ายที่สุดเขาพูดแบบมาเช่นนี้ได้

ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเซียวผิง หลิ่วผู่คุนมีสีหน้าที่อึมครึมทันที ตอนนี้มู่เซิ่งมีภาพลักษณ์ที่ต่ำสุดๆในใจของเขาแล้ว ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเลยด้วยซ้ำ!

“พูดจาไร้สาระ!ใครก็ได้มานี่หน่อย ตบปากยี่สิบครั้ง ไล่เขาออกไป!”

หลิ่วผู่คุนพูดตะโกนอย่างเยือกเย็น

“ครับ!”

ยามที่ยืนอยู่ที่ประตูทั้งสองรีบเดินเข้ามา เตรียมจับมู่เซิ่งซ้ายคนขวาคน

“ถ้าหากแกไม่เชื่อ พลิกไม้กฤษณานี้ก็ได้แล้ว” มู่เซิ่งพูดอย่างนิ่งๆ สงบแน่นิ่งไม่ได้รับผลกระทบจากภายนอกใดๆ

“แก แกยังกล้ามาวิจารณ์ออกมาอย่างเต็มที่?คุณชายหลิว ให้ผมจัดการแทนคุณ ตบปากไอ้เศษสวะนี้สักยี่สิบครั้ง!” ในเวลานี้เซียวผิงเอ่ยปากพูด ยิ้มเยือกเย็นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อกี้นี้ตอนที่เขาถูกตี นึกไม่ถึงว่าไอ้เศษศวะนี้จะยิ้มอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ นี่ทำให้เขาเกลียดอยู่ในใจตลอด ตอนนี้ เขาจะต้องตบไอ้เศษสวะนี่กลับไปอย่างหนักหน่วง!

“เศษสวะ ใครให้แกตอแหลขนาดนี้!”

เซียวผิงด่าทอ พุ่งไปยังมู่เซิ่งแล้ว

เปรี๊ยะ!

เขาพุ่งไปตรงหน้าของมู่เซิ่ง เพิ่งจะยกมือขึ้น ภายในห้องโถงก็มีเสียงตบดังฟังชัดแล้ว ผู้คนมองไป ในเวลานี้สีหน้าของเซียวผิง ปรากฏรอยฝ่ามือสีแดงสดแล้ว

มู่เซิ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม ถึงขั้นไม่มีใครเห็นว่าเขาลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่ได้อย่างชัดเจน

“แกกล้าตบฉัน?นึกไม่ถึงว่าเศษสวะอย่างแกกล้าตบฉัน?”

เซียวผิงโมโหแทบบ้าแล้ว

“ตบแกแล้วยังไง?”

มู่เซิ่งเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มนิ่งๆพร้อมพูดว่า “ฉันยังกล้าฆ่าแกด้วยนะ เชื่อไหม?”

มุมปากขยับเบาๆ เผยฟันขาวราวกับไข่มุกออกมา

รอยยิ้มเจิดจ้า มองดูแล้วเพลิดเพลินจำเริญใจ

ในความเป็นจริง ทำให้คนรู้สึกกลัวด้วยความหวาดระแวง

คำที่ด่าทอของเซียวผิงอุดอยู่ในลำคอ สีหน้าท่าทาง ดูแย่อย่างกับกินขี้เลยยังไงอย่างนั้น เขาอยากจะด่า แต่ในใจก็กลัว เขาไม่ยอมรับ ตัวเองไม่นึกเลยว่าจะถูกไอ้เศษสวะคนนี้ทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ!

“ฉัน ฉัน……”

เขาถอยหลังไปอย่างโซซัดโซเซ ไม่กล้าแม้แต่จะมองมู่เซิ่งตรงๆเลย

“โอหังจริงๆ!”

หลิ่วผู่คุนที่ตอบสนองมาก่อนคนอื่นขมวดคิ้วแน่น “แกรู้ไหมว่าที่นี่มันที่ไหน?แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?อยู่ในอาณาเขตของฉันนึกไม่ถึงว่าจะกล้าบ้าระห่ำเช่นนี้! ”

มู่เซิ่งกวาดสายตามองไปยังหลิ่วผู่คุนอย่างนิ่งๆ พูดว่า : “ฉันไม่สนใจสิ่งเหล่านี้”

“แก!”

หลิ่วผู่คุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ ถ้าหากไอ้หมอนี่เดินออกไปจากตระกูลหลิ่วอย่างเปิดเผยในวันนี้ จะให้เขาอยู่ในตระกูลอันดับหนึ่งต่อไปได้ยังไง?

พูดว่าตระกูลหลิ่วที่สง่างามของเขาขนาดใหญ่แค่ไหน แม้แต่ลูกเขยตระกูลอันดับสองก็ปราบไม่ได้?

“ลุงหลิว มีคนก่อเรื่องที่นี่!รีบมาหน่อย!” หลิ่วผู่คุนกดโทรศัพท์ออกไปทันที

ไม่นาน ชายสวมใส่ชุดจงซานจวงค่อยๆเดินลงมาจากบนบันได จิตใจฮึกเหิม คิดไม่ถึงว่าเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ท่านหนึ่ง และข้างกายของเขา ก็มีผู้นำตระกูลหลิ่ว หลิ่วมู่เซิงตามมาด้วย

“ลุงหลิว เขาคนนี้แหละ ก่อเรื่องในบ้านของผม แถมยังพูดแช่งว่าไม้กฤษณานี้กำลังจะพังแล้ว!”

หลิ่วผู่คุนชี้หน้ามู่เซิ่ง พูดกล่าวด้วยความโมโห

แต่ทว่า ตอนที่เขาเอ่ยปากพูด

เงาร่างหนึ่งเดินผ่านข้างกายของลุงหลิวไปแล้ว ก็คือผู้นำตระกูลหลิ่ว หลิ่วมู่เซิง!

“พ่อของฉันไปทำไม?”

หลิ่วผู่คุนเกิดความสงสัยขึ้นในใจ “หรือว่า เขาก็ไม่ชอบชายวัยรุ่นที่หยิ่งยโสโอหังคนนี้งั้นเหรอ?”

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

Status: Ongoing
ผู้ชายที่แม้แต่ภรรยาตนก็ปกป้องไม่ได้ ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?พอมู่เซิ่งเห็นภรรยาที่โดนรังแกเท่านั้นแหละ เขยแต่งเข้าที่โดนผู้คนเหยียดหยามมาโดยตลอด ตัดสินใจพลิกไพ่ใบสุดท้าย……

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท